ลองขับรุ่นย่อยกลางของ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) Sport โฉมใหม่ ตัวถังแบบดับเบิ้ลแคป 4 ประตู ยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มีออพชั่นครบครัน เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว ซึ่งเราได้นำไปใช้งานประจำวัน ทั้งในเมืองและนอกเมือง พบว่าน่าพอใจมาก หากไม่ติดความหรู หรือติดความสะดวกสบาย ก็ควรซื้อรุ่นนี้เพียงพอแล้ว

ราคา 2022 Ford Ranger รุ่นย่อย Sport มีตัวถังแบบ 2 ตอนดับเบิ้ลแคปเท่านั้น กับค่าตัวดังนี้

• Ford Ranger Sport 2.0L Turbo HR 6MT : 929,000 บาท

• Ford Ranger Sport 2.0L Turbo HR 6AT : 964,000 บาท

• Ford Ranger Sport 2.0L Turbo 4x4 6AT : 1,049,000 บาท

สัมผัสแรก ใหญ่โตขึ้น

พื้นฐานเรนเจอร์มาจากแชสซีส์ T6 โฉมก่อนที่นำมาปรับปรุงใหม่หลายจุด ประกอบกับดีไซน์ตัวถังใหม่หมดจรด ที่มีลักษณะเป็นแนวตั้งชั้น ฝากระโปรงหน้าสูง เมื่อจอดเทียบกับรุ่นเดิมแล้ว พบความใหญ่โตขึ้นในหลายมิติ ซึ่งมีข้อดีตรงการได้ความบึกบึน น่าเกรงขาม 

แต่ข้อเสียของการมีตัวถังใหญ่โต นั่นคือความคล่องตัวในเมือง ที่มีน้อยอยู่แล้ว ก็น้อยลงไปอีกนิด บางซอยในเมืองกรุงสมัยเก่า ยังไม่ถูกขยายถนน การมีรถขนาดกว้าง 1.9 เมตร ก็ทำให้เกิดความเครียดเวลาขับสวนกันมากขึ้น หรือที่จอดรถบางบ้านอาจมีขนาดสั้นเกินไปสำหรับรถสมัยใหม่แล้ว ตรงนี้ต้องลองวัดพื้นที่บ้านแต่ละคนว่ามีความยาวเกิน 5.37 เมตรหรือไม่

รุ่นย่อยกลางนี้ ไม่มีเซนเซอร์มาให้เลยแม้แต่จุดเดียว กล้องมุมสูง 360 องศาก็ไม่มี ทำให้การถอยหลังต้องพึ่งพากล้องหลังมุมกว้างเท่านั้น ทำให้เกิดจุดบอดที่มุมตัวถัง ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการซื้อเซนเซอร์ติดเพิ่มได้ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าต้นทุนของพวกนี่ราคากี่บาท ทำไมรถรุ่นย่อยกลางอย่างนี้ถึงไม่ใส่มาให้

ได้หน้าตาแบบตัวท็อป

Ford Ranger Sport เป็นรุ่นย่อยกลาง ที่มีชิ้นส่วนตัวถังแบบเดียวกับรุ่นท็อป Wildtrak ไปแล้ว ด้วยการใช้ไฟหน้าแบบมีเส้น LED รูปตัว C เหมือนรุ่นท็อป กระจังหน้าลายจุด 3 มิติ ที่ได้รับการแต่งสปอร์ตจากโรงงานด้วยแผ่นพลาสติกข้างซุ้มล้อสีดำ ทำสีกระจังหน้าเป็นดำเงามาแล้ว มีกันชนหลังสีดำเงาแบบรุ่นท็อปด้วย พูดง่าย ๆ คือ ถ้าไม่นับสปอร์ตบาร์ฝาท้าย โดยรวมแล้วเจ้าคันนี้มันก็ดูเหมือนรุ่นท็อปมาก ทำให้เหมาะสำหรับคนชอบความหล่อเหลา ในงบประหยัด เหลือพื้นที่ไอเดียไปแต่งต่อตามใจได้อีกด้วย

ออพชั่นสะดวกสบายก็ยังมี

บางคนอาจดูถูกว่ารุ่นย่อยกลางอย่างนี้ แต่ว่า Ford Ranger Sport ให้ออพชั่นการใช้งานที่อำนวยความสะดวกสบายขั้นพื้นฐาน และขั้นกว่ามาตรฐานมาให้หลายอย่างแล้ว เช่น มีพื้นฐานกระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 2 บานหน้า กุญแจรีโมทกับระบบคีย์เลส และเหนือกว่าที่คาดคิดด้วยการให้ระบบอัตโนมัติหลายอย่าง เช่น แอร์ออโต้ กระจกตัดแสงอัตโนมัติ ไฟหน้าอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (ปรับความเร็วได้หลายจังหวะดีมาก) รวมถึงฝาท้ายแบบผ่อนแรงก็มีมาให้แล้วด้วย แม้คนผอมแห้งแรงน้อยก็ยกเปิด-ปิดได้ด้วยมือข้างเดียว

ความไฮเทคก็ได้ครบ

ในการใช้งานในเมืองนั้นมีรถติดบ่อย ทำให้ได้ใช้เวลาในรถทำอย่างอื่นนอกจากการขับรถอย่างเดียว เราจึงลองใช้งานหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่กว่าใครถึง 10 นิ้ว เลื่อนเร็วดั่งใจตามนิ้วสั่ง และยังมีปุ่มปรับแอร์แบบปุ่มกลไกให้ใช้งานได้อย่างคล่องมือ โดยแทบไม่ต้องละสายตาจากถนน

สิ่งที่ขาดไปสำหรับภายในก็คือ ขอตัวปรับที่ดันหลังอีกนิด คงไม่ได้เพิ่มต้นทุนมากนัก ส่วนเข็มขัดนิรภัยไม่สามารถปรับระดับได้ อาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนสูงต่ำกว่า 160 ซม. ซึ่งคงเป็นคนกลุ่มน้อยในไทย

ส่วนถ้าใครคิดว่าการที่รุ่นนี้ไม่มีเบาะปรับไฟฟ้ามาให้นั้นเป็นข้อเสีย ก็อาจจะไม่ดูมักมากในออพชั่นจนเกินไปนัก เพราะรถกระบะแบรนด์รองในราคา 9 แสนกว่าบาทอย่างนี้ ทำให้หลายคนก็ตั้งความคาดหวังว่าจะได้ใช้ออพชั่นเยอะเป็นจุดเด่นเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย

อ่านเพิ่มเติม : หน้าจอ 12 นิ้วในรถ 2023 Ford Ranger คุณว่าใหญ่ไปหรือไม่ หากรู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง?

เบาะหลังพับได้

ความอเนกประสงค์ภายในมีให้สูงมาก เริ่มจากช่องเก็บของที่มีอยู่รอบห้องโดยสาร คอนโซลหน้าฝั่งคนขับมีช่องเก็บเหรียญ แยกกับช่องเสียบบัตรจอดรถได้ ที่คอนโซลฝั่งคนนั่งยังมีช่องวางมือถือได้ หรือใครจะมาใช้บริการชาร์จมืถือไร้สายก็มีอยู่ 1 จุดตรงกลางอีกด้วย

ส่วนด้านหลังมีความประทับใจหลายอย่าง นอกจากที่วางแขนกลาง และมีช่องแอร์หลังแล้ว ยังประทับใจเบาะหลังที่พับได้ 2 แบบคือ พับพนักพิงลงมา หรือพับที่นั่งขึ้นไป เพื่อเพิ่มพื้นที่จุของภายใน (แต่ไม่ได้เชื่อมกับพื้นที่เก็บของในกระบะท้าย) โดยยังมีช่องเก็บของที่พื้นรถแบ่งเป็นช่องพลาสติกย่อย ไว้ใส่ของเปียกเลอะง่ายในการใช้งานจริง เช่น รองเท้าเลอะโคลน ของสดจากตลาดนัด ฯลฯ 

ข้อเสียที่วัสดุภายใน

ในด้านวัสดุการตกแต่ง เบาะหนังคือสิ่งเดียวที่น่าชื่นชม นอกนั้นยังไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น ด้วยสีสันโทนดำทั้งคัน กับแผงพลาสติกแข็งเกือบทุกส่วน มีเพียงตรงแผงประตู กับฝากล่องเก็บของกลางเท่านั้น ที่ยังบุนวมนิ่มอยู่บ้าง อยากให้เพิ่มจุดบุนวมนิ่มตรงคอนโซลกลางช่วงเข่า กับตกแต่งด้วยสีสันที่ตัดกับสีดำ จะช่วยลดความมืดเข้มของภายในลงได้บ้าง

เครื่องยนต์มาตรฐานแรงเหมือนเดิม

สเปคเครื่อง Ford Ranger Sport คือสิ่งที่เราคิดว่าลงตัวที่สุดแล้ว กับบล็อคดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ให้กำลัง 170 แรงม้า และแรงบิด 405 นิวตันเมตร ซึ่งจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยมีกำลังแรงเหลือเฟือมาก ออกตัวพุ่งด้วยเกียร์ 1 อัตราทดจัด แม้มีกำลังแรงสูงแต่ขับง่าย ด้วยการตั้งค่าแป้นคันเร่งให้มีช่วงความหน่วงไว้ สำหรับคนชอบเลี้ยงคันเร่งให้ออกตัวนิ่มนวลก็ทำได้ง่าย พอจะเร่งแซงค่อยกดเต็มลำ สามารถบังคับแรงม้าให้ออกมาแบบผู้ดี หรือเกรี้ยวกราดได้ทุกเมื่อ

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดยังทดรอบได้ดี ความเร็ว 100 กม./ชม. ให้รอบเครื่องต่ำประมาณ 2,300 รอบ/นาที ข้อเสียคือปุ่มเล่นระดับเกียร์ที่เป็นปุ่มกด แบบรุ่นเก่า ยังไม่เปลี่ยนมาใช้แป้นหลังพวงมาลัย หรือใช้วิธีโยกก้านเกียร์แบบรถส่วนใหญ่สักที ทำให้ต้องใช้การปรับตัวอย่างมาก หากอยากเล่นระดับเกียร์เองในรถรุ่นนี้

แน่นอนว่าเราได้ลองโหมดสปอร์ต ให้สมชื่อ Ford Ranger Sport ซึ่งมันปรับพฤติกรรมคันเร่งให้ตอบโต้กับน้ำหนักเท้าได้ไวขึ้น หน่วงน้อยลงอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัด และโหมดพื้นหิมะหรือพื้นลื่นในไทยก็ใช้ได้

อ่านเพิ่มเติม : ชมสเปคจริง 2022 Ford Ranger Wildtrak คนไทยจะได้ออพชั่นตามนี้ ในราคาเริ่มต้นที่ 999,000 บาท

ช่วงล่างสายแข็ง ไว้ใจได้

Ford Ranger Sport ยังมีช่วงล่างของรถกระบะแบบบรรทุกอยู่บ้าง โดยมีแหนบยาว 3 แผ่น และแหนบสั้นช่วยบรรทุก 1 แผ่น รั้งด้วยโช้คแบบปกติ ไม่ใช่โมโนทูป หรือโช้คอัพสเปคขั้นเทพใด ๆ ทำให้เมื่อไม่มีการบรรทุกของ ยังให้ความสั่นสะเทือนชัดเจนในความเร็วต่ำ และยังออกอาการท้ายดีดเมื่อความเร็วสูง 

อย่างไรก็ตาม อาการท้ายเบา ถูกชดเชยด้วยช่วงล่างหน้าแบบปีกนก ที่เซ็ตมานุ่มและแน่น ยุบตัวแล้วคืนกลับได้เร็ว คอยซับแรงดิ้นจากท้ายรถ ที่คานแข็งด้านหลังคอยส่งมาให้ เมื่อลองโดดคอสะพานแรง ๆ ช่วงล่างหน้าก็ช่วยซับแรงให้ล้อกลับมาติดพื้นถนนได้รวดเร็ว และพวงมาลัยไฟฟ้ายังให้น้ำหนักที่แน่นดี ซึ่งบางคนที่คุ้นเคยกับกระบะญี่ปุ่น อาจจะไม่ชอบสไตล์กระบะอเมริกันนี้

อ่านเพิ่มเติม : มาแล้วราคา 2022 Ford Ranger ครบ 20 รุ่นย่อย เริ่มต้น 5.54 แสนบาท

ความปลอดภัยมีช่วยทรงตัว

ระบบความปลอดภัยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Ford Ranger Sport ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ ด้วยการให้ระบบช่วยทรงตัว และช่วยป้องกันล้อฟรี แม้ว่าเราจะพยายามลองเหวี่ยงรถและกดคันเร่งแรง ๆ แค่ไหน ระบบนี้ก็จับได้และพยายามตัดคันเร่งที่เรากดแกล้งมันออกไปได้หมดจรด 

นอกจากนี้ยังได้ถุงลมนิรภัย 6 จุดตามมาตรฐานเดิม และมีระบบครูสคอนโทรล ที่สามารถล็อคความเร็วต่ำได้ตั้งแต่ 30 กม./ชม. ส่วนความเร็วปลายที่ 160 กม./ชม. ยังสามารถไปต่อได้อีกหากมีสภาพถนนเรียบมากพอ ให้ความมั่นคงตามมาตรฐานรถน้ำหนักตัวมากที่ควรจะนิ่งแบบนี้อยู่แล้ว

อ่านเพิ่มเติม : ลองขับ 2022 Ford Ranger Wildtrak ตัวท็อป 1.299 ล้านบาท ปรับมาเป็นตัวท็อปของคลาส!!!

สรุปว่าคุ้มค่ามีอนาคต

Ford Ranger Sport มีจุดเด่นที่การให้รูปร่างและออพชั่นพื้นฐานแบบรุ่นท็อป ขาดแค่การตกแต่งภายใน และระบบช่วยขับขี่เท่านั้น ที่เป็นจุดต่าง ด้วยราคารุ่นขับ 2 ล้อไม่ถึงล้านบาท จึงคาดว่านี่จะเป็นรุ่นย่อยที่ขายดีมากในตระกูลเรนเจอร์ เป็นรถคันเดียวใช้งานอเนกประสงค์ได้เลย สิ่งที่อาจจะซื้อแต่งเพิ่มก็มีเซนเซอร์รอบคัน และกล้อง 360 องศา เท่านี้ก็ครบครันทันสมัยแล้ว และในอนาคตมีพื้นฐานรองรับระบบไฮบริดกับไฟฟ้าไว้แล้วด้วย ทำให้ซื้อไปใช้แล้วยังมีการใช้งานต่อยอดได้ยาวนาน

อ่านเพิ่มเติม : Ford พร้อมแล้วที่จะให้ 2023 Ranger และ Everest เป็นไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าพร้อมหรือยัง ?