เราจะเห็นได้ว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้ในการออกแบบเป็นหลัก แต่ Toyota (โตโยต้า) อยากใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อสอนวิธีดริฟท์รถซึ่งจะเรียกแนวคิดนี้ว่า Driving Sensei concept
สอนดริฟท์ด้วย AI
แนวคิดดังกล่าวเปิดตัวครั้งแรกที่สนาม Thunderhill Raceway ในแคลิฟอร์เนีย ระหว่างงานอีเวนท์หนึ่งของ Toyota Research Institute (TRI)
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
โดย TRI ได้เชิญผู้สื่อข่าวทั้งจากสหรัฐฯ และยุโรป เพื่อแสดงให้เห็นว่าแนวคิดนี้เข้าใกล้ความเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้อย่างไร และแนวคิด Driving Sensei concept พื้นฐานจาก AI ที่ติดตั้งใน GR Supra จะช่วยผู้ขับขี่ให้ขับรถดีขึ้นได้อย่างไร
แม้ความคิดนี้ดูเหมือนจะเน้นในเรื่องประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก แต่ความจริงแล้วมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยเป็นหลัก
ระบบ AI จะสอนผู้ขับขี่ให้เรียนรู้ถึงวิธีการตอบสนองเมื่อทำการดริฟท์ก่อนที่จะทดสอบบนลานน้ำแข็งจำลอง ผู้ขับขี่ยังได้รับการสอนด้วยโค้ช AI ในการจำลองนี้ด้วย หากผู้ขับขี่มีข้อสงสัยใด ๆ จะมีส่วนของ chatbot สำหรับให้คำแนะนำแก่ผู้ขับขี่คล้ายกับแบรนด์อื่น ๆ
AI ก็ต้องเรียนรู้ก่อนจึงจะสอนได้
ในงานนี้จะมี Toyota GR Supra ที่ดริฟท์เองได้ และ Lexus LC500 ที่ขับขี่อัตโนมัติได้เต็มรูปแบบเพื่อสอน AI ให้เรียนรู้การขับขี่ที่ท้าทางยิ่งขึ้น โดยจะมีการทดสอบที่หลากหลาย ประกอบด้วย การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางและการขับขี่ในสภาพถนนที่เป็นอันตราย
ยิ่งไปกว่านั้น การวิจัยดังกล่าวยังใช้เทคนิค machine-learning ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมการขับขี่ของมนุษย์มากยิ่งขึ้น และยังช่วยสนับสนุน “ด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Accelerated Concept ใหม่ของ TRI ในเรื่องของความปลอดภัย Active Safety มีเป้าหมายที่ไม่ใช่การทำ Robotaxi แบบ Tesla แต่เป็นระบบความปลอดภัย Active Safety ที่ยังรักษาการมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่ในระดับสูง
นำ AI มาช่วยเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
“ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับโตโยต้า” Gill Pratt ซีอีโอของ TRI กล่าว “แนวทางที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลางของเราคือการค้นพบวิธีที่ดีกว่าและปลอดภัยยิ่งขึ้นเพื่อทำให้มนุษย์และ AI ทำงานร่วมกัน เรากำลังสร้างการรับรู้แก่ผู้คนด้วยการสร้างแบบจำลองที่ทำนายการกระทำของผู้ขับขี่ ไปจนถึงการพัฒนา AI ที่เพิ่มประสิทธิภาพของผู้ขับขี่”
“เราสามารถช่วยชีวิตคนได้มากจากการนำเทคโนโลยีรถขับเคลื่อนอัตโนมัติมาสู่ผู้คนจำนวนมากขึ้นในสถานที่แตกต่างกันและเร็วขึ้นได้หรือไม่” Avinash Balachandran ผู้อำนวยการแผนก Human Interactive Driving ของ TRI กล่าว
“เราคิดว่าคำตอบคือ ใช่ โดยเป็นการผสมผสานถึงวิธีที่ผู้คนและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ให้มีปฏิสัมพันธ์กัน เพื่อสร้างประสบการณ์และคุณค่าใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าของเรา”
TRI ไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจนสำหรับการเปิดตัวเทคโนโลยีการขับขี่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ดังกล่าว แต่สำหรับตอนนี้ Toyota กำลังรอเวลาที่จะเปิดตัวระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 2 ภายใต้ Toyota Safety Sense 3.0
อ่านเพิ่มเติม: ชมคลิป Toyota GR Supra คันนี้สามารถ “ดริฟท์” ได้โดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ขับขี่
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });