ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดรถมินิ เอ็มพีวี 7 ที่นั่งแบบยกสูงที่ขับเคี่ยวกันทั้งผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) และผู้ที่มีข่าวว่าจะเข้ามาอย่าง Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์-วี) ซึ่งถือเป็นผู้เล่นหลักที่จะทำให้ตลาดขยับตัวคึกคัก
ฟาก Mitsubishi Xpander Cross (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส) นั้นมีข่าวมาแล้วว่าใกล้จะเปิดตัวรุ่นปรับปรุงโฉม เพิ่มอุปกรณ์กันในไวไวนี้ แต่ที่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย กลับกลายเป็น Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) ที่ปรับโฉมมาแบบว่องไวกว่าใคร
แม้จะเป็นการปรับโฉมไม่มาก กล่าวคือเป็นการเพิ่มสีตัวถังแบบทูโทนเท่านั้น แต่ก็เป็นการปรับที่โดนใจผู้บริโภคอยู่เหมือนกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าตอนที่ Suzuki (ซูซูกิ) เปิดตัวรถรุ่นนี้ ก็มีคำถามเยอะเหมือนกันว่าทำไมพวกเขาไม่ทำรถที่มีตัวถังสองสีบ้าง
การปรับตัวครั้งนี้ ซูซูกิได้นำเข้าเอ็กซ์แอล7 แบบตัวถังสีทูโทนเข้ามา 2 รูปแบบ ประกอบไปด้วย สีส้มหลังคาดำและสีขาวหลังคาดำ ซึ่งยังไม่ได้มีการประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือจะคงราคาจำหน่ายเอาไว้เช่นเดิม
อย่าลืมว่า วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เคยบอกว่า เอ็กซ์แอล7 นั้นคุ้มค่าและเหมาะสมด้านราคาเหนือคู่แข่งในตลาด ทำให้ต้องดูว่าเมื่อคู่แข่งเปิดราคามาจ่อใกล้ ๆ พวกเขาจะทำอย่างไร
ขอเวลาอีกสัก 2 สัปดาห์ ราคาก็น่าจะออกแล้ว ใครเล็ง ๆ อยู่ก็รอกันก่อน
แน่นอนว่ายังไม่มีการยืนยันว่าจะปรับหรือคงราคาจำหน่าย 7.79 แสนบาทของรถคันนี้เอาไว้เมื่อเป็นหลังคาสีทูโทน แต่เราได้ทำการสอบถามเพื่อนของเราจาก AutoFun Indonesia และพบว่าในตลาดอินโดนีเซียนั้น สีทูโทนจะมีให้เฉพาะในรุ่นท็อปอย่าง XL7 Alpha เท่านั้น และราคาจำหน่ายของสีทูโทนนั้น เท่ากันกับสีเดียวทั้งคันรถ ทำให้เราน่าจะพอคาดหวังได้ว่าราคาก็ไม่น่าจะมีการปรับขึ้นเช่นกัน
การประกาศราคาจำหน่ายของเวลอซที่รุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 7.95 แสนบาท อาจจะทำให้ผู้บริโภคนั้นหวั่นไหวและอดใจที่จะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ ราคารถของคู่แข่งของเอ็กซ์แอล7 ก็ต่างขึ้นไปที่เลข 8 กันทั้งหมด การที่มีคู่แข่งที่ทำระดับราคาลงมาใกล้เคียงกัน อาจจะทำให้รถรุ่นนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกันเยอะสักหน่อย แต่ของเล่นที่ให้มาถือว่าครบครัน และมีทางเลือกสีทูโทนให้เลือกอีกนะ
ระยะต่ำสุดจากใต้ท้องรถของเอ็กซ์แอล7 อยู่ที่ 200 มิลลิเมตร ซึ่งอาจจะไม่ได้สูงที่สุด แต่ซูซูกิได้พาไปทดสอบอย่างจริงจัง ด้วยการพาเข้าพื้นที่ธรรมชาติ ที่มีทั้งการออฟโรดเล็ก ๆ ปีนป่ายขึ้นเขา การวิ่งในช่องทางธรรมชาติแบบแคบ ๆ ไปจนถึงการลงแอ่งน้ำที่สามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ผ่านทุกอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย เรียกว่าเป็นรถที่ใช้งานได้ทั้งในเมืองและออกไปเที่ยวนอกเมืองได้แบบไม่ติดขัด
การตกแต่งภายในโทนสีดำให้ความรู้สึกสปอร์ต แดชบอร์ดหน้าและแผงประตูตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และคิ้วโครเมียม ช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์ และที่วางแก้วน้ำ 8 ตำแหน่ง ที่วางแก้วคอนโซลด้านล่าง พร้อมช่องเป่าลมเย็น 2 ตำแหน่ง มาพร้อมกล่องเก็บของอเนกประสงค์ในห้องเก็บสัมภาระ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หน้าจอกลางขนาดใหญ่รองรับการเชื่อมต่อทั้งแอนดรอยด์และไอโฟนครบครัน
คู่แข่งหลาย ๆ ราย โชว์การพับเบาะที่หลากหลายรูปแบบ แต่ Suzuki XL7 นั้นเน้นการทำเบาะที่นั่งให้ใช้งานได้จริง กับเบาะที่นั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่เบาะแถวที่ 2 สามารถพับอิสระ 60:40 พร้อมเลื่อนหน้า-ถอยหลัง เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงห้องโดยสารตอนหลัง แถมยังปรับเอนได้ ขณะทื่แถว 3 แยกพับอิสระ 50:50 และเมื่อพับเบาะทั้งหมด จะเพิ่มพื้นที่้บรรทุกสัมภาะได้ถึง 803 ลิตรเลยทีเดียว
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}