Mazda (มาสด้า) ประกาศเดินหน้าพัฒนาการให้บริการในตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศตามความต้องการของลูกค้า ทั้งการขยายเครือข่ายการจำหน่าย Mazda CPO และการให้บริการแบบเร่งด่วน ที่เตรียมเปิดเพิ่มในดีลเลอร์ 139 แห่งทั่วประเทศในปี 2565 นี้
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายหลักของมาสด้าในปี 2565 จะเน้นการทำตลาดด้วยการบริหารธุรกิจสู่ความยั่งยืน เน้นการสร้างคุณค่าของแบรนด์ผ่านการให้บริการลูกค้าของแบรนด์มาสด้า
"ในปีนี้ จะเป็นปีที่มาสด้าจะปรับกลยุทธ์การบริหารธุรกิจด้วย Retention Business Model ทั้งการยกระดับธุรกิจด้วยบริการใหม่ ๆ ที่จะเสริมเข้ามาในอนาคตอันใกล้ และเพื่อที่จะเตรียมความพร้อมสำหรับการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของมาสด้าในอนาคต"
ในปี 2565 มาสด้าจะเดินหน้าธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสอง Mazda CPO (Certified Pre-Owned) อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยรถยนต์มือสองที่ได้รับการตรวจสอบคุณภาพจากมาสด้า พร้อมรับประกัน 6 เดือนหรือ 1 หมื่นกิโลเมตร โดยในปัจจุบัน มาสด้ามีโชว์รูมที่จำหน่ายรถยนต์มือสองในประเทศไทยที่ 9 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 18 แห่งในปี 2565 ก่อนที่จะขยายเพิ่มเป็น 38 แห่งภายในปี 2568 ตามแผนงานที่วางไว้
นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เร่งปรับบริการในโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศที่มีอยู่ 139 แห่ง ให้สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ โดยในปีนี้ จะเปิดให้บริการเช็คระยะแบบเร่งด่วน 3 แห่ง มีการขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถังจาก 52 แห่งเป็น 56 แห่ง พร้อมบริการ Fast Track เพิ่มเป็น 34 แห่งในปีนี้ นอกจากนี้ ก็จะเน้นการให้บริการรูปแบบอื่น ๆ ให้ครบวงจร ทั้งเรื่องของการทำตลาดรถยนต์มือสองและชุดแต่งของมาสด้า
ธีร์กล่าวถึงภาพรวมของตลาดรถยนต์ในปีงบประมาณ 2564 พบว่ามียอดจำหน่ายรวม 7.95 แสนคัน หดตัวประมาณ 1% โดยตลาดเอสยูวีที่มียอดขาย 1.43 แสนคันมีอัตราการเติบโตสูงสุด 17% ขณะที่รถปิกอัพที่มียอดขาย 3.57 แสนคัน หดตัวลงไปประมาณ 2% และรถยนต์นั่งที่มียอดขาย 2.14 แสนคัน เติบโต 1% และรถยนต์อื่น ๆ 8.1 หมื่นคัน โดยเป็นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า 2,097 คัน
สำหรับยอดจำหน่ายโดยประมาณของมาสด้าในปีงบประมาณที่ผ่านมาอยู่ที่ 35,654 คัน หดตัวจากปีก่อนหน้า 11% โดย Mazda CX-3 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-3) มียอดจำหน่ายที่เติบโตเพียงรุ่นเดียวที่ 73.7% ขณะที่รถยนต์และเอสยูวีรุ่นอื่น ๆ ในตลาด รวมถึงรถปิกอัพ Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) มียอดจำหน่ายที่หดตัวลงไปทั้งหมด ขณะที่รถยนต์นั่ง Mazda 2 (มาสด้า 2) ยังทำยอดจำหน่ายสูงสุดให้กับแบรนด์มาสด้า
คิดว่าตลาดรถยนต์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ประชาชนได้รับวัคซีน 2 เข็มมากกว่า 80% มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว และคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกกว่า 11 ล้านคน แต่ต้องดูปัจจัยลบในเรื่องของค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ราคาน้ำมันที่ผันผวน ความหวาดกลัวโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ รวมไปถึงสถานการณ์การขาดแคลนชิปสำหรับการผลิตรถยนต์ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม
สำหรับเป้าหมายในปีงบประมาณ 2565 คาดว่าบริษัทจะเติบโตตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ที่คาดว่าจะทำได้ที่ 8.2-8.5 แสนคัน จากมาตรการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะกระตุ้นให้ตลาดกลับมาเติบโต โดยมาสด้าคาดว่าจะสามารถทำยอดจำหน่ายในปีงบประมาณนี้ได้ที่ 4 หมื่นคันหรือเติบโตประมาณ 15% จากปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% ของตลาดรวม
ส่วนรถไฟฟ้า 100% นั้น ยังไม่มีแผนเปิดตัวในประเทศไทยแต่อย่างใด รอกันไปก่อนนะ!!!
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}