BYD (บีวายดี) คือหนึ่งในผู้เล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองมากที่สุดในประเทศไทย ผลงานการประกอบธุรกิจในประเทศไทยในช่วง 10 เดือนแรกที่มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยไปแล้วมากกว่า 1.4 หมื่นคัน ครองส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 30% ทั้งที่เป็นแบรนด์ใหม่ในตลาด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮามากพอสมควร
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเดินหน้าทำตลาดรถ 2 รุ่นมาแล้ว ประกอบไปด้วยครอสโอเวอร์อย่าง BYD Atto3 (บีวายดี อัตโต้3) เป็นรุ่นแรก ก่อนที่จะตามมาด้วย BYD Dolphin (บีวายดี โดลฟิน) โลมาค่าตัวน่าคบหา ที่สร้างความมั่นใจให้กับตลาดในการเดินหน้าบุกตลาดต่อไป นำมาด้วยสินค้าตัวที่ 3 อย่าง BYD Seal (บีวายดี ซีล) แมวน้ำรุ่นพรีเมียม ที่จะมาเจาะตลาดระดับไฮกว่าเดิมให้กับแบรนด์
ซีลถือเป็นรถยนต์นั่งไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย และยังเป็นรถยนต์ที่คาดการณ์ว่าจะมีระดับราคาที่สูงที่สุดของค่ายหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่สมรรถนะสูงที่สุดและมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แพลตฟอร์มแบบใหม่ รวมถึงการออกแบบภายในและภายนอกที่เหนือชั้น เรียกว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เอาไว้เจาะกลุ่มลูกค้าระดับที่พร้อมจ่ายเงินราคาแพงขึ้นกว่าปกติ
แต่จะน่าสนใจขนาดไหน และควรซื้อรุ่นไหนดี มาลองดูก่อนประกาศราคากัน...
หากคุณซื้อบีวายดี ซีล รุ่นไดนามิก ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น รถจะมาพร้อมมอเตอร์เดี่ยวที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 310 เมตร วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.5 วินาที ทำระยะวิ่งสูงสุด 510 กิโลเมตร จากแบตเตอรี่ 61.44 กิโลวัตต์ รุ่นพรีเมียมจะแรงกว่าที่ 313 แรงม้า 360 นิวตันเมตร 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.9 วินาที และรุ่นท็อปมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ความแรงระดับ 530 แรงม้า 670 นิวตันเมตร วิ่งทะลุ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาที โดยรุ่นบนทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมแบตเตอรี่ 82.56 กิโลวัตต์ ที่วิ่งได้ระยะทาง 650 และ 580 กิโลเมตรตามลำดับ
รายละเอียดทางเทคนิค BYD Seal ทั้ง 3 รุ่น | |||
Dynamic | Premium | Performance | |
แรงม้า (PS) | 204 | 313 | 530 |
แรงบิด (นิวตันเมตร) | 310 | 360 | 670 |
0-100 (วินาที) | 7.5 | 5.9 | 3.8 |
แบตเตอรี่ (kW) | 61.44 | 82.56 | 82.56 |
ระยะวิ่ง (กม.) | 510 | 650 | 580 |
แม้มองภายนอกตัวรถเหมือนจะไม่ได้ใหญ่โต แต่รถคันนี้มีขนาดที่เท่ากับรถกลุ่มดี-เซกเมนต์ ด้วยขนาดตัวถังกว้าง 1,875 มิลลิเมตร ยาว 4,800 มิลลิเมตร และสูงเพียง 1,460 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อยาว 2,920 มิลลิเมตร ทำให้ได้ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย ตัวรถออกแบบมาอย่างลู่ลม ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่อเพียง 0.219 และมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบมากที่ 5.7 เมตรเท่านั้น โดยพัฒนาบนอี-แพลตฟอร์ม 3.0 และใช้เทคโนโลยีเซลล์ทูบอดี้ ทำให้ได้ระยะสูงสุดใต้ท้องรถที่ 120 มิลลิเมตร พร้อมโครงสร้างห้องโดยสารที่ทนทานต่อการบิดตัวมากเป็นพิเศษ
น่าจะเป็นรถยนต์คันแรกของประเทศไทยที่มาพร้อมออพชั่นที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย 2 ช่องด้านหน้าแบบชาร์จไว พร้อมหน้าจอกลางแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลข้อมูลบนกระจกบังลมด้านหน้า ระบบปรับอากาศควบคุมผ่านหน้าจอกลาง พร้อมการกรองฝุ่น PM2.5 หลังคากระจกพื้นที่ 1.9 ตารางเมตร พร้อมระบบจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า 2.2 กิโลวัตต์ ภายในตกแต่งด้วยสีดำ เบาะคู่หน้ารุ่นบนมาพร้อมระบบปรับอากาศและอุ่นร้อน หัวเกียร์ไฟฟ้าแบบคริสตัล เบาะหลังพับได้ 60:40 เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระเป็น 400 ลิตร พร้อมที่เก็บของด้านหน้า 50 ลิตร
บีวายดีเลือกใช้ช่วงล่างแบบดับเบิลวิชโบนที่ด้านหน้า พร้อม 5-ลิงค์ ที่ด้านหลังสำหรับรถทุกรุ่น แจต่มีพิเศษก็คือการเพิ่มระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็ว (FSD) ให้กับรุ่นท็อป ซึ่งเอาจริง ๆ ก็เป็นช่วงล่างที่ดีและเหมาะสมกับการเดินทางไกลอย่างมาก ตัวรถออกแนวนุ่ม เก็บเสียงดีเยี่ยม แต่เสียงยางของ Giti ที่ติดมาในรุ่นเริ่มต้นนั้นออกจะดังกว่ายางรุ่นบนที่เป็น Continental อย่างชัดเจน การเก็บแรงสะเทือนของล้อ 19 นิ้วในรุ่นบนก็เหนือกว่าอย่างชัดเจน ภายในนั้นนั่งสบาย แต่ที่ไม่ชอบก็คือดันศีรษะตอนหลังที่ค้ำออกมาสูงไปนิด ทำให้ช่วงคอและบ่าลอย ส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัวได้เหมือนกัน
แม้จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย แต่ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือในการขับขี่นั้นให้มาอย่างเต็มที่ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ความแตกต่างกันจริง ๆ จะอยู่ที่ความแรงและระยะทางที่วิ่งได้เป็นหลัก และมีออพชั่นที่แตกต่างกันไม่มาก โดยรุ่นพรีเมียมจะมีเพิ่มจากรุ่นไดนามิกในส่วนของเบาะที่นั่ง และระบบปรับกระจกลงเมื่อเข้าเกียร์ถอย ส่วนรุ่นท็อปจะเพิ่มระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่อย่าง FSD ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ และที่ล็อกที่นั่งเด็กแบบไฟฟ้า ขณะที่ออพชั่นความปลอดภัยทั้งหมดกว่า 20 ระบบ รวมถึงถุงลมนิรภัย 9 ใบนั้น ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับผู้ที่ซื้อรถรุ่นไดนามิกเป็นต้นไปเลย
โดยส่วนตัวคิดว่ารุ่นพรีเมียมนั้น ดูจะลงตัวกับการใช้งานมากที่สุด ในการเป็นรถยนต์แบบครอบครัวที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน และมีระยะทางวิ่งต่อการชาร์จที่ไกลที่สุด ซึ่งรถคันนี้รองรับการชาร์จไวที่ 150 กิโลวัตต์อยู่แล้ว แต่หากต้องการความดุดันให้กับชีวิต ตัวท็อปที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อก็ดูจะเข้ามือมากกว่า ด้วยอัตราเร่งที่จี๊ดจ๊าดกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็คงแลกมาด้วยราคาจำหน่ายที่ไม่ธรรมดา หรือหากคิดว่าต้องการรูปทรงของรถแบบนี้ โดยไม่เน้นสมรรถนะที่หวือหวา เอาจริง ๆ เครื่องยนต์ตัวล่างก็เพียงพอต่อการใช้งานในเมืองและออกต่างจังหวัด แต่ก็แลกมาด้วยระยะทางวิ่งที่น้อยลงไปพอสมควร
ตลาดรถยนต์นั่งระดับดี-เซกเมนต์ในประเทศไทยนั้นหดตัวลงไปอย่างมากจากการแข่งขันที่รุนแรง และการถูกแย่งชิงตลาดโดยกลุ่มรถพีพีวีและเอสยูวี การเข้ามาในตลาดของบีวายดี แน่นอนว่าจะต้องแข่งกับผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลายราย สิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้่นก็คือเรื่องของราคาที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้ หากอยู่ที่ระดับ 1.5-1.8 ล้านบาท ก็น่าจะได้รับความสนใจพอสมควร ซึ่งเรเว่ ออโตโมทีฟ ได้เตรียมแพคเกจมูลค่า 2.3 แสนบาท ไฮไลท์อยู่ที่ดาวน์ 25% ดอกเบี้ย 1.88% นาน 48 เดือน รับประกันรถและการบริการ รวมถึงแบตเตอรี่ 8 ปี 1.6 แสนกิโลเมตร และการช่วยเหลือฉุกเฉินอีก 8 ปี
แคมเปญแรงแต่แรก ราคาก็น่าจะรุนแรงไม่แพ้กันแน่นอน!!!
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}