อาจฟังดูแปลกหากผู้ผลิตรถยนต์ จะไม่พยายามที่จะเพิ่มระยะวิ่งรถยนต์ไฟฟ้าของตน ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นหนึ่งในจุดขายหลักที่จะทำให้ลูกค้าสนใจ

แต่ CEO Mazda (มาสด้า) แห่งสหรัฐอเมริกา กลับเชื่อว่าแข่งเพิ่มระยะวิ่งไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะอะไรกันนะ?

Jeffrey Guyton CEO Mazda USA ได้ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุด Mazda CX-90 เขาเชื่อว่าจริง ๆ แล้วเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถปรับตัวและลำดับความสำคัญในการใช้งานของรถได้

ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะไม่เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถขับได้น้อยกว่า 400 กิโลเมตร เพราะมันใช้งานจริงไม่ได้

แต่ในความเป็นจริงแล้วคนส่วนใหญ่เดินทางน้อยกว่านั้นมาก จากการศึกษาพบว่าชาวอเมริกันทั่วไป จะขับรถกันประมาณ 65 กม.เท่านั้น หมายความว่า Mazda MX-30 ที่มีระยะ 160 กม. ก็ควรจะเพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ เขาเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีการชาร์จกำลังพัฒาไปได้เร็ว จนระยะ 480 กม.ก็พอสำหรับหลาย ๆ คนแล้ว จนพวกเขาจะตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการรยะที่มากขนาดนั้น

ซึ่งจริง ๆ แล้วระยะ 480 ม.นั้นยังไม่มากพอสำหรับผู้ที่ต้องารเดินทางไกล หากการชาร์จจนเต็มสามารถทำได้ภายใน 10 นาทีก็อาจเป็นไปได้ แต่ตัว Mazda เองก็ยังไม่มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลเลย เพราะคู่แข่งของ MX-30 มีระยะวิ่งมากกว่า และราคาถูกกว่าหลายบาท

สำหรับ Mazda CX-90 รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวมาจะเป็นรถ PHEV รุ่นแรกของค่ายในสหรัฐ ให้กำลังโดย เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 4 สูบพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดที่ 323 แรงม้า แรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร แต่ยังไม่ได้ประกาศระยะวิ่งโหมดไฟฟ้าแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติม 2024 Mazda CX-90 SUV 7 ที่นั่ง พร้อมขุมพลังแรงสุดที่เคยผลิต

หากมองไปที่ Mazda ยุโรป CEO Martijn ten Brink ดูจะค่อนข้างต่อต้านการแบนรถยนต์สันดาปในปี 2035 แต่เขาไม่ได้ต่อต้านแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า เพราะเขามองว่าการบังคับให้วิศวกรและผู้ผลิตใช้แบตเตอรี่มากขึ้นจะทำให้สิ่งประดิษฐ์หลายอย่างหายไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามข้อกำหนดใหม่ และนำเสนอรถที่เหมาะกับตลาดแน่นอน

Mazda เองก็กำลังมองหาความร่วมมือกับบริษัทให้บริการสถานีชาร์จ ถึงจะไม่ได้ใหญ่เท่า Tesla Supercharger แต่ก็จะเป็นเพื่อการขยายที่ยืนของแบรนด์ในด้านนี้

ยกตัวอย่างเช่น ChargePoint และ EVgo ที่จะร่วมมือกนทำให้ประสบการณ์การชาร์จของลูกค้าดีขึ้น