- MG คืนให้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแต่แรก
- GWM รอปรับลดราคาแมวดีอีกครั้งหนึ่ง
- ลูกค้าที่อยากได้รถไฟฟ้าแฮปปี้แน่นอน
กลายเป็นหนึ่งในเรื่องฮือฮาในงาน Bnagkok International Motor Show ครั้งที่ 43 กับการประกาศลดราคาจำหน่ายอย่างฮวบฮาบของรถยนต์ไฟฟ้าในงาน ที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนการใช้งานของรัฐบาลและมีการเซ็นสัญญาก่อนเข้าร่วมงานเพียงวันเดียว
นั่นก็คือค่าย ORA (ออร่า) ที่ประกาศลดราคา ORA Good Cat (ออร่า กู๊ดแคท) ไป 1.605 แสนบาทในแต่ละรุ่นย่อย เรียกเสียงฮือฮาไปหนึ่งรอบ ก่อนที่ MG (เอ็มจี) จะมาเหนือกว่าด้วยการถล่มราคารถไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นลงไปกว่า 2 แสนบาทกันไปอย่างถล่มทลาย
ทำให้ราคาของ MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) ราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทในรุ่นเริ่มต้น และ MG EP (เอ็มจี อีพี) ที่ปกติก็ถูกที่สุดอยู่แล้ว ทำราคาใหม่ที่ระดับ 7 แสนบาทกลาง ๆ เล่นเอาลูกค้าที่กำลังเดินดูอีโคคาร์-บี เซกเมนต์ ถึงขั้นหยุดชะงักแวะชม
หลาย ๆ คนอาจจะเกิดคำถามในใจว่า ทำไมการลดราคาของทั้งสองค่ายนี้ไม่เท่ากัน เกิดอะไรขึ้น มีค่ายใดใจป้ำกว่าค่ายใดหรือได้สิทธิประโยชน์มากกว่าหรือไม่ หากให้อธิบายแบบไวไว ก็คือต่างฝ่ายต่างใช้สิทธิเดียวกัน เพียงแต่มีการเลือกใช้กันคนละแบบ
ถ้าถาม AutoFun Thailand ก็ต้องบอกว่ามันยังมีเงื่อนไขปลีกย่อยที่แต่ละค่ายเลือกมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งก็คงไม่มีใครผิดในการเดินหน้าโครงการแบบนี้ ผู้บริโภคต้องเป็นคนเลือกเองว่าจะเลือกซื้อสินค้ารุ่นไหนกันดี
ถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
ย้อนกลับไปดูที่มาของโครงการนี้กันเสียเล็กน้อย
ภายใต้มาตรการการสนับสนุนของรัฐบาลนั้น รถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และมีแผนที่จะเปิดสายการผลิตในอนาคต สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ด้วยการส่งเรื่องให้กับกรมสรรพสามิต เพื่อพิจารณาร่วมกันในการเปิดการใช้สิทธิ์ดังกล่าว
ภายใต้กรอบการสนับสนุนนี้ มีหลักเกณฑ์อยู่ 3 ข้อที่ค่ายรถจะได้สิทธิประโยชน์เพื่อลดราคาให้กับผู้บริโภค หนึ่ง การลดภาษีนำเข้าลงสูงสุด 40% ซึ่งเงื่อนไขนี้ ทั้ง 2 ค่ายไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะนำเข้าจากประเทศจีนที่ไม่เสียภาษีนำเข้าอยู่แล้วกันทั้งคู่
สอง การให้เงินสนับสนุนให้กับผู้ซื้อผ่านค่ายรถ รายละ 7 หมื่น - 1.5 แสนบาท ตามขนาดแบตเตอรี่ งานนี้ทั้งคู่ได้แพคเกจ 1.5 แสนบาท เนื่องจากใช้แบตเตอรี่ใหญ่กว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงทั้งคู่ แต่เวลาคืนจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของรถแถมมาให้พร้อมกันด้วย
เงินสนับสนุนก้อนนี้ เมื่อมีการเซ็นเอ็มโอยูเสร็จแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วันในการทำเอกสาร ทำให้ค่ายรถสามารถประกาศราคาจำหน่ายที่ลดในส่วนนี้ไปแล้วได้ทันที เพราะยังไงถ้าลูกค้าตัดสินใจ รอส่งมอบรถหลังจากเวลานี้ก็ไม่ได้เสียหาย
ส่วนที่ 3 ที่แตกต่างกันก็คือการลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% ก้อนนี้จะต้องรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี จะทำให้ราคารถถูกลงอีกประมาณ 6% งานนี้เอ็มจีลุยลดให้เลย แต่ออร่าบอกขอรอไปก่อนนะ
MG ยันลูกค้าไม่ต้องรอ คืนให้เลยเต็มที่
ผู้บริหารของเอ็มจี ยืนยันในวันเปิดราคาช็อกโลก ว่ารถยนต์ไฟฟ้าในงานของพวกเขานั้นลดราคาไปตั้งแต่ 2.27-2.46 แสนบาท เป็นผลมาจากการที่เอ็มจีตัดสินใจคืนให้ลูกค้าทั้งก้อน ซึ่งก็หมายถึงเงินสนับสนุน ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตในทีเดียว
ส่วนหนึ่งนั้นเพื่อป้องกันลูกค้าสับสนหรือรอคอยราคาเมื่อลดภาษีกันอีกรอบ ซึ่งการตัดสินใจเปิดราคาแบบนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถเดินหน้าตัดสินใจได้ทันที หลังจากที่ตลาดชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี หลังจากที่มีข่าวเรื่องนโยบายนี้ออกมาจากรัฐบาล
"เราเชื่อมั่นว่าโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่จะประกาศใช้ได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งจะเป็นช่วงที่เราเริ่มส่งมอบแซดเอส อีวีพอดี ขณะที่อีพีที่มีสต็อกอยู่ที่ดีลเลอร์บ้าง ทางเอ็มจีจะเป็นผู้แบกรับในส่วนของภาษีสรรพสามิตเอาไว้เองทั้งหมด"
GWM ชี้มีลดราคาแมวดีก็อกสองอีกครั้ง
ขณะที่ฟากเกรทวอลล์มอเตอร์ ระบุว่าการลดราคาในครั้งนี้เป็นการลดราคาจากเงินสนับสนุนจากทางรัฐบาลเท่านั้น และในอนาคตเมื่อมีการประกาศโครงสร้างสรรพสามิตใหม่เป็นที่เรียบร้อย ก็จะมีการปรับราคาจำหน่ายแมวไฟฟ้ากันอีกรอบแน่นอน
"เราได้แจ้งลูกค้าแล้วว่าในอนาคตจะมีการปรับราคาจำหน่ายกันอีกรอบ และให้ลูกค้าเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งเราไม่ได้เร่งรัดที่จะส่งมอบรถยนต์แต่อย่างใด เรื่องนี้มีการทำความเข้าใจกับตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงแจ้งลูกค้าทุกคนเช่นกัน"
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่านโยบายการสนับสนุนในรูปแบบดังกล่าวจะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีความคึกคักและมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิมแน่นอนในปีนี้ และยืนยันว่าจะเดินหน้าทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารูปแบบต่าง ๆ ในประเทศไทยกันอย่างเต็มที่
เอาจริง ๆ สต๊อกสินค้าคือคำตอบของแผนงาน
ปัญหาที่แท้จริงของการคืนหรือไม่คืนภาษีสรรพสามิตให้เลยนั้น น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก ๆ ก็คือ ค่ายรถยนต์แต่ละค่ายมีการสั่งรถยนต์เข้ามาเป็นสต๊อกสินค้ากันมากน้อยขนาดไหนแล้วในปัจจุบัน เพราะการสั่งรถเข้ามาก็หมายถึงการจ่ายภาษีไปแล้วนั่นเอง
สรรพสามิตนั้น คงไม่คืนภาษีที่เรียกเก็บไปแล้วให้แน่นอน แม้จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อย ก็อย่าหวังว่าจะขอคืนได้ ดังนั้น ใครที่ไม่มีสต๊อกสินค้าเลยก็จะได้เปรียบ หรือใครที่มีสต็อกน้อยกว่า ก็จะเข้าเนื้อน้อยกว่า ทำให้ขยับตัวได้ง่ายดายมากขึ้น
อย่างที่เราประเมินกันได้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้านั้นน่าจะชะลอตัวกันตั้งแต่ช่วงปลายปีหลังกระแสข่าวนี้ออกมา และน่าจะนิ่งสนิทหลังการเคาะหลักการในเดือนกุมภาพันธ์ และการรุกอีกครั้งของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้ น่าสนใจว่าจะดันตลาดกลับมาอย่างไร
แต่ที่แน่ ๆ ผู้บริโภคที่อยากได้รถไฟฟ้าน่าจะยิ้มกว้างกันเลยทีเดียว...