Nissan Navara Black Edition (นิสสัน นาวาร่า แบล็ค อิดิชั่น) เปิดตัวมาให้ชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของกันแล้วตั้งแต่ในช่วงเดือนที่แล้ว
ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่ามันจะคุ้มหรือไม่ที่จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 35,000 บาท แต่เราว่า ซื้อแล้วไม่เสียดายเงินแนนอน จะมาบอกกันว่าทำไม
มี 4 รุ่นให้เลือก
สำหรับในนาวาร่า แบล็ค อิดิชั่นใหม่นี้ จะมีให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่น คือ
Nissan Navara Black Edition |
รุ่น |
เกียร์ |
ราคา (บาท) |
เพิ่ม |
King Cab |
MT |
799,000 |
34,000 |
AT |
849,000 |
Double Cab |
MT |
884,000 |
35,000 |
AT |
934,000 |
แต่งดำให้เฉพาะ
Nissan Navara Black Edition นี้เป็นการหยิบ Navara รุ่น E หรือรองท็อปมาตกแค่งเพิ่มเข้าไป ปกติแล้วในรุ่นอื่น ๆ จะมีกรอบกระจังหน้าสีเงินโครเมี่ยมมาให้
แต่ในรุ่นนี้จะให้มาเป็นสีดำด้าน เพิ่มความดุดันให้ได้มากขึ้น ซึ่งหากไม่ใช่ในรุ่นนี้ ก็จะต้องเป็นใน PRO-2X หรือ PRO-4X เท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม Review Nissan Navara VL หน้าหล่อ เครื่องดี ระบบแน่น
และยังมีการจกแต่งสีดำที่กระจกข้าง, มือจับ, กันชนด้านล่าง, มือจับท้าย, และซุ้มล้อขนาดใหญ่
ที่ขาดไปไม่ได้เลยคือการตกแต่งรอบคันด้วยสติกเกอร์ลายใหม่รุ่นปี 2019 จะอยู่หน้ารถ คราวนี้ย้ายมาเน้นที่ด้านหลังแทนพร้อมทั้งที่กระโปรงหน้าและฝาท้าย
รวมถึงยังได้ล้อลายใหม่สีดำเงาขนาด 18 นิ้วมาให้ จากเดิมที่จะเป็นขนาด 17 นิ้ว เปลี่ยนไปใช้เสาอากาศครีบฉลาม
ภายในเข้มขึ้น
ในส่วนของภายในก็ถูกตกแต่งให้ดูเข้มขึ้นในหลายจุด ที่ช่องแอร์, มือจับประตู, ที่วางแก้ว, ฐานเกียร์, ที่พักแขน
มาพร้อมกับมาตรวัดแสดงการขับขี่แบบ 7 นิ้ว หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และแอร์แบบอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
ส่วนเบาะยังคงใช้เป็นเบาะผ้า และยังไม่ใช่ระบบไฟฟ้า
เครื่องโดดเด่นกว่าคนอื่น
เมื่อสังเกตุไปยังคู่แข่งที่มีชุดแต่งเหมือนกัน ก็จะใช้เป็นเครื่องขนาดเล็กกันทั้งหมด Nissan (นิสสัน) กลับเครื่องที่เทียบเท่ากับรุ่นท็อปมาให้ ซึ่งไม่ได้มีการปรับจูนใด ๆ เพิ่ม
ด้วยเครื่องดีเซลเทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร เฉพาะเกียร์อัตโนมัติแบบ 7 จังหวะเท่านั้น
ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ให้สมรรถนะสูงสุดในกลุ่มเดียวกัน โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง จากการลองขับขี่สั้น ๆ เป็นเวลา 2 ชม. ก็สามารถทำอัตราสิ้นเปลือง 12.7-12.9 กม./ลิตรให้ได้เห็น
อ่านเพิ่มเติม เทียบมาให้ดูว่ากระบะดีเซลคันไหนประหยัดที่สุด
ตอบสนองทันใจไม่อืดอาด
ด้วยความที่ว่าเป็นการยกเครื่องยนต์มาจาก Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) แต่ด้วยน้ำหนักตัวของกระบะที่เบากว่า ทำให้ตอบสนองได้กระฉับกระเฉงมากขึ้น ให้การออกตัวที่ลื่นไหล
เกียร์อัตโนมัติที่มีความฉลาดและคล่องตัวตอบสนองดีและไว ทำความเร็วต้นถึงกลางได้อย่างทันใจ
หากเทียบกับคู่แข่งที่มีกำลังใกล้เคียงกันก็ถือว่าสูสีช่วงออกตัว แต่ก็อาจจะไม่ได้ปรู้ดปร้าดขนาดนั้น เพราะ 2 เจ้าก็ถือว่าระดับ 200 แรงม้าขึ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมองในด้านราคา ก็ยังถือว่าถูกกว่าพวกเขาอยู่มาก
มาพร้อมช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโครง ด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช๊คอัพเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ยังคงมีความแข็งเล็กน้อย แต่ให้ความมั่นใจขณะเข้าโค้งและการควบคุมคงที่ในความเร็วต่ำถึงปานกลาง
อีกสิ่งที่ควรชื่นชมคือความเงียบของห้องโดยสารที่ทำมาได้ดีเลยทีเดียวด้วยกระจกหน้าและกระจกข้างแบบลดเสียงรบกวน ในย่านความเร็วสูงยังรู้สึกไม่หนวกหูนัก
ระบบความปลอดภัยยังน้อย แต่ก็คุ้มกว่าหลายคน
สิ่งที่อาจต้องทำใจกันเล็กน้อยคือระบบความปลอดภัยที่ไม่ได้มีการเพิ่มเติมอะไรมาให้ จึงอาจยังทำให้ดูธรรมดา ไม่ได้เน้นเทคโนโลยีเหมือนรุ่นพี่ เพราะถ้าหากอยากได้ระบบความปลอดภัยเพิ่ม ก็ต้องมองเป็นรุ่น V ที่เป็นแบบคิงแคปหรือ PRO-2X ไปเลย
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสิ่งที่ให้มาเหนือกว่าคู่แข่งในราคาไล่เลี่ยกัน คือกล้องมองรอบทิศทาง ที่ทำงานร่วมกับระบบเตือนวัตถุคลื่อนไหวรอบคัน ที่หากเป็นเจ้าอื่นก็ต้องจำใจเอารุ่นท็อปเพื่อได้มา ก็อาจจะพอทดแทนไปได้บ้าง
และรวมถึงเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ที่กล่าวไปในราคาต่ำกว่าล้าน โดยรวมแล้ว Nissan Navara Black Edition จึงอาจเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองสำหรับหลาย ๆ รุ่น เมื่อจับข้อดีมารวมกัน
เพราะอย่าลืมว่านี่คือรุ่นรองที่จับมาแต่งเท่านั้น จึงไม่ได้มีระบบความปลอดภัยเยอะ และเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ก็ยังให้มามากกว่าที่กล้องรอบคัน
แต่ถ้าจะให้เยี่ยม และดึงใจลูกค้าได้ ก็อยากให้เพิ่มเบาะนั่งไฟฟ้ามาให้ แค่คนขับก็ยังดี