พาชมคันจริง 2021 Honda City Hatchback e:HEV จ่ายเพิ่ม 1 แสนบาท คุ้มไหมมาชมกัน

2021 Honda City Hatchback e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ แฮชท์แบ็ค อี:เอชอีวี) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยครั้งแรกในโลกอีกครั้ง ด้วยราคาจำหน่าย 8.49 แสนบาท แพงกว่ารุ่นเทอร์โบที่ทำตลาดมาราว ๆ ครึ่งปีอยู่ 1 แสนบาทถ้วน

หลายคนอาจจะคิดว่าแค่เปลี่ยนเครื่องยนต์นะ ทำไมราคาแพงขึ้นไปเยอะจัง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว นอกเหนือจากเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไป ฮอนด้าทำการติดตั้งระบบต่าง ๆ เข้าไปมากมายในรถคันนี้ จนดูน่าใช้งานกว่าอย่างเห็นได้ชัดอยู่

AutoFun Thailand พามาชมรถคันจริง ที่ยังรักษาเอกลักษณ์ความโดดเด่นของแฮชท์แบ็คเอาไว้ทุกประการ และเพิ่มความน่าใช้งานด้วยเครื่องยนต์ อุปกรณ์ และระบบอื่น ๆ มากมายเต็มคัน น่าจะเหมาะสำหรับการใช้งานในไทยแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม: 2021 Honda City Hatchback e:HEV เปิดตัวครั้งแรกในโลก ตอกย้ำไฮบริดกับค่าตัว 8.49 แสนบาท

จ่ายเพิ่ม 1 แสนบาทได้อะไรเพิ่มมาบ้าง

• ขุมพลัง e:HEV มาแทนเครื่องยนต์เทอร์โบ
• โลโก้ H แบบกรอบตกแต่ด้วยสีฟ้า
• ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
• ดิสก์เบรกที่ล้อคู่หลัง
• อุปกรณ์ลดการรั่วซึมของยางแบบชั่วคราว
• มาตรวัดรูปแบบใหม่ พร้อมจอแสดงผลข้อมูล 7 นิ้ว
• ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold
• ระบบช่วยชะลอความเร็วที่พวงมาลัย
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท
• ระบบล็อกรถยนต์อัตโนมัติเมื่อถอยห่างจากตัวรถ
• กล้องแสดงภาพมุมอับสายตา
• ระบบ Honda SENSING เพิ่มความปลอดภัย

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

• ระบบไฮบริด i-MMD
• เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร
• กำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,600 – 6,400 รอบต่อนาที 
• แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500–5,000 รอบต่อนาที 
• รองรับเชื้อเพลิง อี20
• แบตเตอรี่ Lithium-ion
• มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว 
• กำลังสูงสุด 109 แรงม้าที่ 3,500 – 8,000 รอบต่อนาที 
• แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที 
• กำลังรวมสูงสุด 126 แรงม้า
• เกียร์อัตโนมัติ e-CVT 
• ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 85 กรัมต่อกิโลเมตร
• เคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 9.4 วินาที

ภายนอกไม่แตกต่างจากรุ่นเทอร์โบนัก

• โลโก้ H ด้านหน้า-หลังตกแต่งด้วยสีฟ้า
• ชุดไฟรอบคันแบบแอลอีดี
• ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
• ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/55 R16
• กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต
• กระจังหน้าสีดำเงา 
• สปอยเลอร์หลังสีดำเงา 
• กระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
• กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า
• เสาอากาศครีบฉลาม 
• ระบบไล่ฝ้ากระจกหน้า – หลัง

ภายในเพิ่มอุปกรณ์น่าใช้งานมากกว่าเดิม

• ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยโทนสีดำ
• ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอดิจิตอล
• เพิ่มช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ 
• ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์ ที่สามารถปิดได้
• พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง 
• ระบบช่วยชะลอความเร็วที่พวงมาลัย 
• มาตรวัด พร้อมหน้าจอสี ขนาด 7 นิ้ว
• เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold
• เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสลับหนังกลับ ตกแต่งด้วยสีแดง
• วัสดุตกแต่งภายในสีดำเงา
• เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
• เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
• เครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
• รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
• ระบบเชื่อมต่อ Honda Connect
• มาพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่งรอบคัน

ยังติดตั้งเบาะ ULTR มาให้เหมือนเดิม

• เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40 แบบ ULTR SEAT
• Utility Mode  
• Long Mode  
• Tall Mode 
• Refresh Mode 

ระบบความปลอดภัยล้นคัน

• ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
• ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
• ระบบล็อครถอัตโนมัติ 
• กล้องแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch
• กล้องมองภาพขณะถอยจอด ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
• จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX

ระบบ Honda SENSING ความปลอดภัยระดับสูง

• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ 
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ 
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ 
• ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนน พร้อมช่วยเบรก
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามคันหน้า

การรับประกันคุณภาพที่เหนือกว่าใคร

ฮอนด้าเอาใจลูกค้ารถยนต์ใหม่อย่างเต็มที่ ด้วยการรับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร พร้อมเพิ่ม Ultimate Care เพิ่มอีก 2 ปี 4 หมื่นกิโลเมตร ทำให้ใช้รถได้อย่างสบายใจด้วยการรับประกันนานสูงสุด 5 ปี หรือ 1.4 แสนกิโลเมตร 
นอกจากนี้ ยังให้ฟรีค่าแรงเช็คระยะ นาน 5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี และการรับประกันระบบ Hybrid นาน 5 ปี และรับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย