Mazda 2 เป็นเจ้าของรุ่นเบนซินไมเนอร์เชนจ์ตอนนี้ หรือรอโมเดลเชนจ์ปีหน้าดี? 

Mazda 2 ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์ในช่วงปลายปีที่แล้ว มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใหม่พอหอมปากหอมคอและใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติม

การมีเครื่องยนต์ครบครันทั้งเบนซินและดีเซลทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น แต่หากดูที่ราคาจำหน่ายแล้ว รุ่นเบนซินค่อนข้างเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มากกว่าอย่างชัดเจน 

Mazda 2 รุ่นเบนซิน Skyactiv-G ทั้งตัวถังซีดานและแฮทช์แบ็ก มีราคาจำหน่ายเท่ากันดังนี้

รุ่น 1.3 E AT ราคา 546,000 บาท

รุ่น 1.3 C AT ราคา 602,000 บาท

รุ่น 1.3 S AT ราคา 627,000 บาท

รุ่น 1.3 S Leather AT ราคา 648,000 บาท

รุ่น 1.3 SP AT ราคา 690,000 บาท

Mazda 2 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร Skyactiv-D มีดังนี้

รุ่น 1.5 XD ราคา 782,000 บาท

รุ่น 1.5 XDL ราคา 799,000 บาท

การตัดสินใจระหว่างการจับจองเป็นเจ้าของ Mazda 2 รุ่นเบนซินไมเนอร์เชนจ์ตอนนี้ หรือรอโมเดลเชนจ์ที่คาดว่าจะมีขึ้นภายในปีหน้าดีนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 3 ข้อที่ควรคำนึงถึง

1. รูปลักษณ์ภายนอก

การปรับโฉมรูปลักษณ์ของ 2020 Mazda 2 ไม่ค่อยแตกต่างจากโฉมเดิมมากนัก เน้นที่ด้านหน้าทั้งกรอบไฟ กระจังหน้า กันชน และล้ออัลลอย เพิ่มเส้นสายโครเมียมแนวนอนทำให้ตัวรถดูกว้างขวางมากขึ้นและทันสมัยกว่าเดิม

สำหรับ All-New Mazda 2 ปี 2021 มีรายงานว่าจะยังคงเส้นสายเอกลักษณ์สไตล์ KODO เช่นเดิม เพิ่มความปราดเปรียวมากขึ้นทำนองเดียวกับ Mazda 3 รุ่นใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายจะมีความโฉบเฉี่ยวและเน้นเส้นสายแนวกว้าง ส่วนมิติตัวถังจะถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย

2. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัย

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องโดยสารของ Mazda 2 ถือว่าครบครันเพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เพิ่มความสะดวกสบายด้านการติดต่อสื่อสารด้วยระบบ Mazda Connect ที่รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ ออโต้ มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

ขณะที่ระบบความปลอดภัยก็ครบครัน ทั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM และระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA รวมถึงถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง

รุ่นใหม่โมเดลเชนจ์ที่จะเปิดตัวในปีหน้านั้นอาจมีการเพิ่มเติมระบบต่าง ๆ เข้ามาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยถุงลมอาจเพิ่มเป็น 6 ตำแหน่งเหมือนกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน ขณะเดียวกัน ตัวถังที่ใหญ่ขึ้นทำให้พื้นที่ในห้องโดยสารก็จะกว้างขวางมากขึ้นกว่า Mazda 2 รุ่นปัจจุบันที่มีจุดด้อยเรื่องความคับแคบ 

3. ขุมพลังขับเคลื่อน

คาดว่า All-New Mazda 2 จะยังคงใช้เครื่องยนต์รุ่นเดิมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตรและดีเซล 1.5 ลิตร โดยอาจได้รับการอัพเกรดให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้น โดยรุ่นเบนซินปัจจบันมีพละกำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับเดียวกัน

สรุป

All-New Mazda 2 อาจมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตามากขึ้น ผู้ที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์เป็นหลักก็ควรจะรอยาว ๆ เพื่อยลโฉมรุ่นใหม่ แต่ถ้าเน้นใช้งานทั่วไป มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพอใช้ในชีวิตประจำวันและมองหาการขับขี่ที่ให้อารมณ์สปอร์ต Mazda 2 โฉมปัจจุบันก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ