2022 Honda Civic e:HEV มาแล้ว แพงกว่าเทอร์โบ 7 หมื่น - 1.4 แสนบาท คาดแรงขึ้น 181 แรงม้า 315 นิวตันเมตร

• ราคาปรับเพิ่มจากเทอร์โบ 0.7-1.4 แสนบาท
• เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร พร้อมมอเตอร์ 2 ตัว
• เริ่มขายอย่างเป็นทางการมิถุนายนนี้

Honda (ฮอนด้า) ทำเซอร์ไพร์สในวันที่ 4 ของงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เมื่อพวกเขาตัดสินใจเปิดตัว 2022 Honda Civic e:HEV (ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี) เวอร์ชั่นซีดาน เป็นครั้งแรกของโลกในประเทศไทย แม้จะยังไม่เริ่มจำหน่ายก็ตามที

จริง ๆ แล้ว เครื่องยนต์ไฮบริดกับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะฮอนด้าก็มีทำตลาดอยู่แล้วในรุ่นตัวถังแฮชท์แบ็กในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงมีข่าวการเปิดตัวในยุโรปในวันนี้ล่ะ แต่เวอร์ชั่น 4 ประตู คือสิ่งที่คนทั้งโลกต่างก็รอคอยกันอยู่

นอกเหนือจากเครื่องยนต์ไฮบริดที่ให้การขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ฮอนด้ายังติดตั้งระบบความปลอดภัยให้กับรถคันนี้แบบเต็มพิกัด และราคาจำหน่ายที่ถือว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับสิ่งที่ให้มา โดยเฉพาะรุ่นท็อปอย่าง RS ทำราคาได้ดีมาก

น่าจะเป็นการเสริมทัพสร้างยอดจำหน่ายในรุ่นท็อปให้กับซีวิคได้อย่างแน่นอน!!!

ราคาแพงกว่ารุ่นเทอร์โบไม่มาก

โดยพื้นฐานแล้วอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มานั้่นคล้ายคลึงกันมาก จุดแต่งต่างหลัก ๆ ก็คงจะเป็นเครื่องยนต์นั่นเอง โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการยังไม่ได้ประกาศออกมา โดยฮอนด้าระบุว่าฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี จะมีจำหน่าย 2 รุ่นเท่านั้น โดยมีราคาจำหน่ายเบื้องต้นสำหรับรุ่น EL+ ที่ไม่เกิน 1.15 ล้านบาท เทียบกับรุ่นเทอร์โบที่ 1.0099 ล้านบาท จะแพงกว่า 1.401 แสนบาท และรุ่นท๋อปอย่าง RS ที่ราคาจำหน่ายไม่เกิน 1.27 ล้านบาท เทียบกับรุ่นเทอร์โบ 1.1999 ล้านบาท จะแพงกว่ากันแค่ 7.01 หมื่นบาท

เครื่องยนต์ยังไม่ระบุสเปก แต่คาดได้ม้าเพิ่มขึ้น

ฮอนด้าระบุว่าเครื่องยนต์ฟูลไฮบริดนั้น จะผสานการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) เครื่องยนต์ที่ยืมมาจาก Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) คาดการณ์ว่าจะถูกลดทอนกำลังลงเหลือ 181 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร มากกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบที่ให้ 178 แรงม้า 240 นิวตันเมตร และที่เหนือกว่าก็คืออัตรการสิ้นเปลืองน้ำมันที่น่าจะมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร เทียบกับรุ่นเทอร์โบที่เคลมเอาไว้ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร

ให้ออพชั่นที่ลูกค้าเมืองไทยอยากได้มาแล้ว

นอกเหนือจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้ว ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ยังมาพร้อมออพชั่นที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลายจุดเป็นออพชั่นที่ไม่มีในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ และก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าในประเทศไทยอยากได้ และอิจฉาประเทศเพื่อนบ้านเวลามีให้ไปในรถ ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์และการเก็บสัมภาระชิ้นใหญ่ นอกจากนี้ ก็มีการเพิ่มช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้เป็นที่เรียบร้อย ให้มาครบ ๆ แบบนี้ ลูกค้าเทอร์โบคงแอบบ่นกันเลยทีเดียว

ภายนอกพร้อมโลโก้ฟ้า อาร์เอสได้ล้อ 18 นิ้วแล้ว

การออกแบบภายนอกนั้นไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเทอร์โบมากนัก แต่มีการปรับเพื่อให้รู้ว่าเป็นรถยนต์ไฮบริด ทั้งโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย กระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ในรุ่น EL+  แต่รุ่น RS มาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้ว พร้อมกระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแอลอีดี ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบแอลอีดี

ภายในแต่งแนวสปอร์ต ของเล่นยังครบครันเหมือนเดิม

นอกจากอุปกรณ์ที่ให้เพิ่มมาแล้ว ภายในยังให้บรรยากาศการตกแต่งที่ยอดเยี่ยมแบบสปอร์ตพรีเมียม ด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต รายละเอียดเล็ก ๆ ที่แตกต่างกัน เช่น ขนาดของหน้าจอแสดงผล แต่ได้หน้าจอ 9 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์แบบไร้สายและแอนดรอยด์ ออโต้ และระบบรีโมท สตาร์ทเหมือนกัน แต่รุ่นท็อปจะได้แท่นชาร์จไร้สาย พร้อมระบบ Honda CONNECT ที่เอาไว้เชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นเพิ่มเข้ามาด้วย

โหมดการขับขี่ 3 โหมดรวมถึงโหมดอีวี

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี มาพร้อมโหมดการทำงานของระบบไฮบริดให้เลือกได้ถึง 3 โหมด โดยสามารถเปลี่ยนได้อย่างชาญฉลาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน ประกอบไปด้วย โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) รวมถึงยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้งโหมด ECON, Normal และ Sport เพื่อการขับขี่ที่เหมาะสมในทุกสถานการณ์

Honda SENSING ครบระบบพร้อม Honda LaneWatch

ระบบความปลอดภัยทำงานผ่านกล้องมุมกว้างด้านหน้าที่ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วยระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ พร้อมระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ เป็นต้น 

สีตัวถังภายนอก 6 สี เปิดจองก่อนขายมิ.ย.นี้

ฮอนด้านำรถมาจัดแสดงในงานพร้อมประกาศรับจองสิทธิ์ก่อนเริ่มส่งมอบกันในเดือนมิถุนายนนี้ โดยมีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ เฉพาะรุ่นอาร์เอส สีดำคริสตัล สีขาวแพลทินัม สีเทาเมทิเออรอยด์ สีเงินลูนาร์ และสีฟ้ามอร์นิงมิสต์ เฉพาะรุ่นอีแอลพลัส สีภายในมี 2 สี ได้แก่ สีดำและสีเทาเบจ ขึ้นสีภายนอก แต่อาร์เอสจะมีแต่ภายในสีดำเท่านั้น โดยลูกค้าที่จองรถภายในงานไปถึงก่อน 31 พฤษภาคม นี้ จะได้รับฮอนด้า อัลติเมท แคร์ แพ็กเกจขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 4 หมื่นกิโลเมตร ต่อจากประกันรถใหม่ 3 ปี 1 แสนกิโลเมตร ฟรีทันที

ยังขาย Turbo ต่อไปเหมือนเดิมนะ

แม้จะนำเครื่องยนต์ไฮบริดเข้ามาทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว แต่ฮอนด้าก็ยังยืนยันว่ายังไม่ได้มีแผนที่จะยกเลิกการทำตลาดเครื่องยนต์เทอร์โบไปแต่อย่างใด โดยทาง AutoFun Thailand ได้สอบถามไปยังทีมงานประชาสัมพันธ์และได้รับคำตอบว่ารุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย ตั้งแต่ EL สนนราคา 9.649 แสนบาท EL+ ราคา 1.0099 ล้านบาทและรุ่นท็อป RS เจ้าของค่าตัว 1.1999 ล้านบาท จะจำหน่ายเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่้ต้องการรถยนต์นั่งสมรรถนะสูงที่มีความคุ้มค่ากันต่อไป

เรียกว่าเปิดมาเป็นทางเลือกใหม่ ๆ ใครที่อยากรู้ว่ารุ่นเดิมขับแล้วเป็นอย่างไร ไปอ่านและชมกัน!!!

อ่านเพิ่มเติม: ลองขับ 2022 Honda Civic RS ช่วงล่างเนียนขึ้น เครื่องยนต์จูนมาดี ออพชั่นครบ ใช้เลยหรือแต่งเพิ่มก็ได้ทั้งนั้น