การเปลี่ยนรถยนต์คลาสสิคให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นเพราะปัจจัยด้านภาษีหรือราคาน้ำมันในขณะนี้ก็ตาม แต่ผลออกมาก็เป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิคและความยั่งยืนได้อย่างลงตัว
รถคลาสสิคที่หายากบางคันอาจเหมาะสำหรับการเก็บไว้ให้มีสภาพเดิม ๆ มากที่สุด แต่รถคลาสสิคหลายคันที่เคยมีการผลิตเป็นจำนวนมากนั้นเหมาะสำหรับการแปลงให้เป็นรถนต์ไฟฟ้า ทำให้หลายคนอาจจะนึกถึง Mini (ก่อนกลายเป็นของ BMW) เป็นอันดับแรก ๆ
โดยมีจำนวนการผลิตมากกว่า 5.3 ล้านคันในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 1959-2000 ซึ่งการเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้านี้จะทำให้เราสามารถใช้รถคลาสสิคในชีวิตประจำวันได้ง่ายยิ่งขึ้น
เราจะได้เห็นสำนักแต่งมากมายที่เชี่ยวชาญในการทำ Mini (มินิ) รุ่นคลาสสิคนี้ให้เป็นไฟฟ้า และทางมินิเองก็ได้ทำแบบเดียวกัน จึงกลายเป็น Classic Mini Electric concept ที่จัดแสดงใน New York Auto Show เมื่อปี 2018 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ส่งผลให้มีการก่อตั้งร้าน Mini Recharged ที่บริเวณโรงงานผลิตรถยนต์ของ BMW ในเมือง Oxford เพื่อสร้าง Mini คลาสสิคแบบไฟฟ้าโดยเฉพาะ
อ่านเพิ่มเติม : MIMI EVO อีวีพื้นฐาน MINI Cooper SE คันแรก “ที่แท้จริง” ในสนามแข่ง
ตอนนี้ ทาง Mini ได้สร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความพิเศษขึ้นมา ซึ่งก็คือการแปลง Mini Paul Smith Edition ปี 1998 ให้เป็นไฟฟ้า และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 1,500 คันเท่านั้น
เวอร์ชั่นพิเศษนี้ได้รับการออกแบบภายใต้การนำของ Sir Paul Smith ตามชื่อของรถ ในเวอร์ชั่นไฟฟ้านี้เป็นการให้เกียรติแต่เวอร์ชั่นดั้งเดิม ซึ่งใช้สีภายนอกเป็นสีน้ำเงิน bright blue swatch ซึ่งนำมาจากสีเสื้อเชิ้ตของดีไซน์เนอร์รถคันนี้
Mini เวอร์ชั่นไฟฟ้าคันนี้มีชื่อเรียกว่า Mini Recharged by Paul Smith ซึ่งยังคงสีภายนอกสีเดิม พร้อมกับกล่องแบตเตอรี่สีเขียวมะนาวซึ่งเป็นคู่สีแบบในยุค 90 ในโปรเจคนี้เป็นการให้ความเคารพต่อมรดกที่สืบต่อกันมาและดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา โดยเฉพาะแก่ Sir Alec Issigonis ผู้ที่สร้างผลงานการออกแบบมินิคลาสสิค
“เมื่อคุณย้ายเข้าไปอยู่ในแฟลตของป้าแก่ ๆ คุณจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างหรอก แต่คุณจะทำให้มันทันสมัยขึ้น รถคันนี้ก็เคารพอดีตเช่นกัน” Sir Paul Smith กล่าว
อ่านเพิ่มเติม : Chinese Mini Classic EV อีวีจากจีน จดสิทธิบัตรพิมพ์เขียวก๊อปรถมินิ
เมื่อปี 1959 Issigonis ได้พัฒนา Mini รุ่นดั้งเดิมให้ตอบสนองต่อวิกฤติน้ำมันในปีนั้น โดยเน้นที่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำที่สุดและมีพื้นที่มากที่สุด ทำให้ Mini Recharged by Paul Smith ในปัจจุบันนำพาสิ่งต่าง ๆ ให้มาไกลกว่าเดิมและทำให้ “รถในช่วงปี 1990s ยังคงเข้ากับสมัยนี้” Smith กล่าว
เครื่องยนต์เบนซินถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 72 กิโลวัตต์ (96 แรงม้า) ซึ่งเเพียงพอแล้วที่ทำให้รถขนาดเล็กมีกำลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การแปลงระบบส่งกำลังทำโดย Recharged Heritage Limited บริษัทจากสหราชอาณาจักร แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจะเป็นในส่วนของการตกแต่งภายในที่มีความมินิมอลมากขึ้น ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบ Mini Strip Concept ของปีที่แล้ว ที่ดีไซน์โดย Sir Paul Smith เช่นเดียวกัน ที่ตั้งใจให้มีการตกแต่งที่ดูไม่ครบ ทำให้บางส่วนของห้องโดยสารจะเผยให้เห็นวัสดุจริง ๆ แบบไม่มีอะไรกั้น พื้นรถที่ไม่มีการบุผ้าใด ๆ แต่มียางรีไซเคิลปูพื้นไว้ให้
วัสดุตกแต่งยังนำแนวคิดจาก Mini Strip เพราะใช้วัสดุแบบยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยแบบถอดได้ มีส่วนแม่เหล็กที่เอาไว้ติดโทรศัพท์มือถือที่ไปแทนปุ่มฟังก์ชั่นบางส่วนของรถที่ย้ายไปยังบริเวณพวงมาลัย
Mini Recharged by Paul Smith ได้การจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 7-12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ Salone del Mobile 2022 ในมิลาน
อ่านเพิ่มเติม : MINI Strip Concept อยากพรีเมี่ยมขึ้น แต่จะเลิกใช้หนังสัตว์ แล้วเพิ่มวัสดุรีไซเคิล
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}