Ford (ฟอร์ด) เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ที่ยังต้องการทางเลือกในการขับเคลื่อนอย่างอื่นนอกจากรถไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (BEV) โดยได้จดสิทธิบัตรสำหรับการเก็บเชื้อเพลิงสำหรับระบบไฮโดรเจนฟิวเซล
เว็บไซต์คาร์บัซได้ค้นพบการจดสิทธิบัตรของ Ford ที่เผยแพร่โดยสำนักงานสิทธิบัตรแห่งยุโรป ซึ่งระบุถึงรายละเอียดของการติดตั้งถังเชื้อเพลิงสำหรับระบบไฮโดรเจนฟิวเซล
อย่างที่เราทราบกันดีว่า การเก็บไฮโดรเจนจะต้องอยู่ภายใต้ความดันสูง ถังที่ใช้เก็บนั้นควรมีความแข็งแรงในระดับที่สามารถรองรับการขยายตัวของก๊าซขณะเติมหรือรองรับการหดตัวขณะที่ใช้งานได้อย่างดี
สำหรับการทำให้ถังมีความทนทาน Ford จึงคิดค้นถังที่ประกอบด้วยสองส่วน ส่วนแรกจะสามารถเลื่อนออกได้เพื่อเพิ่มความจุในถังให้มากขึ้นเมื่อเติมก๊าซเข้าไป และสามารถเลื่อนกลับเข้าไปที่เดิมเมื่อใช้ก๊าซไปแล้ว โดยจะยังรักษาไฮโดรเจนให้อยู่ในแรงดันที่เหมาะสมอยู่เสมอ
สาระสำคัญของสิทธิบัตรนี้นั้นคล้ายกับระบบไฮโดรเจนฟิวเซลของ BMW ที่จะประกอบด้วยถังไฮโดรเจนขนาดเล็กที่สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามส่วนที่หุ้มทางด้านนอก
จุดที่น่าสนใจมากกว่าคือ Ford ยังคงให้ความสนใจในเทคโนโลยีไฮโดรเจนอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้มีสิทธิบัตรที่ค้นพบโดย Muscle Cars & Trucks เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์สันดาปเทอร์โบชาร์จที่ใช้พลังงานจากไฮโดรเจน
กลับมาที่สิทธิบัตรล่าสุดของฟอร์ด ซึ่งสิทธิบัตรนี้กล่าวถึงเทคโนโลยีไฮโดรเจนฟิวเซล เป็นการแสดงให้เห็นว่าฟอร์ดกำลังมองหาหนทางทั้งหมดที่มีและเพิ่มความสนใจมายังรถไฮโดรเจนฟิวเซล (FCEV) แม้ในปัจจุบัน ค่ายดุดันไม่เกรงใจใครจะมีไลน์อัพของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หลายคันแล้วก็ตาม
เนื่องจากว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หรือ BEV ที่มีอย่าง Mustang Mach-E หรือ F-150 Lightning นั้นสามารถตอบสนองต่ผู้ใช้ทั่วไปได้แล้ว แต่ยังมีหลักฐานในโลกแห่งความเป็นจริงที่พิสูจน์ว่ารถ BEV นั้นยังไม่เหมาะกับการพาณิชย์สักเท่าไหร่
โดยเฉพาะลูกค้าในซีรี่ส์ Super Duty ซึ่งเป็นยอดขายหลักของฟอร์ดในสหรัฐฯ โดยรถเหล่านี้ต้องการความสามารถในการลากจูงอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10,000 ปอนด์
อ่านเพิ่มเติม : ชายคนนี้ใช้ Ford F-150 Lightning ลากจูง พบว่าคือ "หายนะ" เพราะกินไฟเพิ่ม 2-3 เท่า!
Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยการอธิบายว่าทำไมกลุ่มผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์ถึงยังไม่ใช้ BEV ในเร็ว ๆ นี้ว่า
“หากคุณต้องการการลากจูงที่มากกว่า 10,000 ปอนด์ รถกระบะไฟฟ้านั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และลูกค้ากว่า 95% ของเราต้องการการลากจูงที่มากกว่า 10,000 ปอนด์ทั้งนั้น นี่คือส่วนที่สำคัญสำหรับประเทศของเรา (สหรัฐฯ) และรถเหล่านี้อาจใช้พลังงานไฮโดรเจนฟิวเซลก่อนที่จะไประบบไฟฟ้าอย่างเต็มตัว”
ดังนั้น จึงมีความน่าสงสัยว่า สิทธิบัตรนี้มีการใช้แซลซีแบบรูปกล่อง ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็น Ford F-250 Super Duty ที่จะได้ใช้ขุมพลัง FCEV ในอนาคต
อ่านเพิ่มเติม : รถกระบะไฟฟ้ามีระยะทางขับขี่ที่เพียงพอต่อ "การใช้งานเชิงพาณิชย์" แล้วหรือยัง?
Ford ไม่ใช่ผู้ผลิตรถรายเดียวที่เห็นถึงความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนในการขนส่งเชิงพาณิชย์ แต่เราจะเห็น Toyota ก็คิดตรงกันในเรื่องนี้ และได้ทดลองใช้ในญี่ปุ่นจนมาลองให้คนไทยได้สัมผัสเมื่อไม่นานมานี้
การใช้พลังงานจากไฮโดรเจนดูเหมือนจะเป็นไปได้มากขึ้น ค่ายรถยักษ์ใหญ่หลายค่ายต่างทุ่มเงินในการวิจัยในทางเลือกนี้นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV เราอาจจะเห็นรถ FCEV ในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึงก็ได้
อ่านเพิ่มเติม : สวนทาง Toyota - ซีอีโอ Volkswagen ชี้ ไฮโดรเจนไม่เหมาะที่จะใช้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}