พลันทันทีที่มีข่าวออกมาว่า รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งประเทศอินโดนีเซีย ได้ออกมาแถลงว่า Isuzu (อีซูซุ) หนึ่งในผู้ผลิตรถเชิงพาณิชย์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เตรียมที่จะขยับขยายในอาเซียน ด้วยการเปลี่ยนที่ตั้งโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศไทย ไปไว้ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
ก็เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า มันเป็นความจริงหรือไม่ ที่ผู้นำตลาดปิกอัพและท็อปทรีตลาดพีพีวีในประเทศไทย แถมยังเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดทั่วโลก จะตัดสินใจทิ้งประเทศไทยที่มีฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แข็งแกร่ง และเป็นตลาดหลักสำหรับรถเชิงพาณิชย์มานานแสนนาน ไปยังประเทศที่ไม่ได้นิยมรถกระบะและพีพีวีมากนักอย่างเพื่อนบ้านของเรา
ถ้าถามว่าความเป็นไปได้มีไหม ก็พอจะมีแง่มุมให้คิดได้ว่าอาจจะเป็นไปได้บ้างแม้ไม่มากนัก เพราะน้ำหนักและเหตุผลของฝั่งที่บอกว่าไม่นั้น หนักแน่นกว่ามาก แถมเบื้องต้น AutoFun Thailand ได้สอบถามไปยังอีซูซุแล้ว ก็ได้รับการปฏิเสธเบื้องต้นมาแล้ว และน่าจะมีการแถลงเพิ่มเติมจากตรีเพชรอีซูซุเซลล์ ในประเด็นนี้ตามมาอีกครั้งในอนาคตอันใกล้
มาดูกันว่าอะไรคือปัจจัยที่พวกเขาจะอยู่หรือไปจากประเทศไทยกันบ้าง...
แน่นอนว่าเงื่อนไขเดียวที่ประเทศอินโดนีเซียจะใช้เป็นเงื่อนมัดใจให้ค่ายรถรายใหม่ ๆ ที่จะต้องการลงทุนเปิดหรือขยายโรงงาน ก็คือความพร้อมของวัตถุดิบเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อย่างที่พวกเขาประโคมข่าวว่า Tesla (เทสล่า) สนใจจะตั้งโรงงานแบตเตอรี่หรือโรงงานผลิตรถยนต์มานานนม โดยอีซูซุเองก็เคยประกาศว่าพวกเขาอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเปิดตัวรถเชิงพาณิชย์ที่ใช้แบตเตอรี่เหมือนกัน หากมองในมุมของการจัดหาซัพพลายเออร์ที่สะดวกกว่าในประเทศไทย ก็มีน้ำหนักสำหรับการย้ายที่มากพอสมควร
แต่ถ้าถามว่าเงื่อนไขของการผลิตรถกระบะไฟฟ้าจะมากพอที่จะทำให้อีซูซุย้ายถิ่นฐานกันเลยหรือไม่ ลองคิดถึงค่ายรถที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 พร้อมลงทุนมากมายเปิดโรงงาน 2 แห่ง ผลิตรถเชิงพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถปิกอัพ 1 ตัน ด้วยกำลังการผลิตรวมกว่า 3.85 แสนคันต่อปี มีพนักงานมากกว่า 6,000 คน แถมยังเป็นผู้นำในตลาดปิกอัพในช่วง 3 ปีล่าสุดที่ผ่านมา พร้อมด้วยยอดขาย 3.9 แสนคัน ครองส่วนแบ่งตลาด 46% ของตลาดปิกอัพ และเป็นผู้นำอันดับ 2 ในตลาดรวม ซึ่งถือว่าแตกต่างกันมากจากในอินโดนีเซียที่มีตัวเลขแบบเทียบกันไม่ติด
แต่เหตุผลหลัก ๆ ที่คิดว่าไม่ง่ายหากอินโดนีเซียจะโยกโรงงานหนึ่งจากประเทศไทยไปไว้ที่เขา ถ้าไม่นับเรื่องตัวสินค้าและความนิยมของแบรนด์ ก็คือสิ่งที่หลาย ๆ คนรู้อยู่แล้วว่า ตรีเพชรฯ นั้น เปรียบเสมือนแม่แบบของการทำตลาดและการขายรถอีซูซุทั่วโลก แถมที่ผ่านมา ก็มีการลงทุนเพิ่มเติมไปจำนวนมากทั้งในส่วนของโรงงานและอาคารสำนักงาน ซึ่งต่อให้มีการปรับไปขายรถกระบะไฟฟ้าจริง การปรับไลน์ผลิตในประเทศไทย รวมถึงการวางกลยุทธ์ด้านการทำตลาดก็น่าจะทำได้ง่ายกว่าจากประเทศไทยเหมือนเดิม แล้วใช้วิธีนำเข้าแบตเตอรี่เข้ามาน่าจะสะดวกกว่าอีกนะ
คิดคำนวนสรตะหลายรอบแล้ว รอตรีเพชรฯ ออกมาปฏิเสธอย่างเป็นทางการละกัน...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}