ทำไม Nissan ถึงเชื่อมั่นขุมพลัง e-Power ดีเทียบเท่าระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100%?

หัวเรือใหญ่ Nissan (นิสสัน) แสดงความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าระบบขับเคลื่อน e-Power มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและมีคุณสมบัติที่ดีเทียบเท่ารถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100%

มาโกโตะ ยูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะสามารถนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่แบบแข็งหรือแบตเตอรี่โซลิดสเตท (solid-state battery) ออกจำหน่ายภายในปี 2028

ซีอีโอของ Nissan คาดการณ์ว่าต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่แบบแข็งดังกล่าวจะอยู่ที่ 75 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงก่อนจะลดลงเหลือ 65 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งการที่ต้นทุนต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ถือว่าถูกมากและเป็นเป้าหมายของหลายบริษัทรถยนต์

การเปิดเผยต้นทุนของบริษัทรถยนต์เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ตัวเลขดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านแผนกลยุทธ์ของ Nissan เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจนถึงเวลานี้ยังไม่มีบริษัทรถยนต์รายอื่นระบุตัวเลขชัดเจนขนาดนี้อีกเลย

แต่ปี 2028 ถือว่าช้าไปหรือเปล่า?

ยูชิดะ แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าแบตเตอรี่โซลิดสเตทพร้อมใช้งานในอีก 6-7 ปีข้างหน้า แต่ก่อนหน้านี้ คู่แข่งอย่าง Toyota ประกาศว่าจะใช้งานแบตเตอรี่แบบแข็งภายในปี 2025 หรือเร็วกว่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Volkswagen ตั้งเป้าหมายไว้เช่นกัน

นั่นหมายความว่า Nissan จะก้าวช้ากว่าคู่แข่งสำคัญถึงราว 3 ปี ซึ่งอาจสร้างปัญหาในการไล่ตามหรืออาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลังตลอดไป

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอ Nissan ไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะเขามีไพ่เด็ดอยู่ในมืออยู่แล้วในรูปของขุมพลัง e-Power ซึ่งได้เสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยมในหลายประเทศ ล่าสุด Nissan Note e-Power ยังได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2021 – 2022 ของญี่ปุ่นมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ เขี่ย Toyota GR86 และ Honda HR-V ตกไปอยู่ที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

คอรถยนต์ในเมืองไทยรู้จักระบบ e-Power กันดีอยู่แล้วเพราะถูกใช้อยู่ใน Nissan Kicks e-Power เครื่อยนต์สันดาปขนาดเล็กทำหน้าที่สร้างกระแสไฟป้อนเข้าสู่แบตเตอรี่ที่ส่งต่อพลังงานไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถโดยตรง

อ่านเพิ่มเติม: ควรขายไทย? Nissan Note e-Power โค่น Honda HR-V คว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมญี่ปุ่น

e-Power จึงมีจุดเด่นตรงที่ให้สมรรถนะการขับขี่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ปราศจากความวิตกกังวลด้านระยะเวลาชาร์จไฟฟ้าหรือการต้องคอยหาจุดชาร์จไฟเมื่อต้องเดินทางไกล

ยูชิดะ ชี้ว่าการมีระบบขับเคลื่อนหลากหลายรูปแบบเป็นเหมือนการมี “เสาหลัก” หลายต้น คอยค้ำจุนความต้องการที่แตกต่างกันในหลายตลาดทั่วโลก บางประเทศไม่มีโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอต่อการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า นั่นจึงเปิดโอกาสให้ระบบ e-Power เข้ารุกตลาดได้

ขุมพลัง e-Power จึงเป็นเหมือนสะพานเชื่อมของจากรถเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งไม่มีใครฟันธงได้แม่นยำว่าการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่