Honda (ฮอนด้า) ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยภาพแรกของ 2023 Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) หนึ่งในรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดกลางที่ทำตลาดอยู่ก่อนหน้านี้ในหลายตลาดทั่วโลก ซึ่งคราวนี้เป็นทีของตลาดอเมริกาที่จะได้รถที่หน้าตาแตกต่างกัน
กำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ และฮอนด้าประกาศว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ระบุว่านี่คือรถที่จะต้อนรับลูกค้าเจนเนอเรชั่นใหม่ เข้าสู่แบรนด์ ในฐานะประตูสู่การเป็นลูกค้าฮอนด้า
โฉมที่ 2 ของเอชอาร์-วีในสหรัฐอเมริกา มาพร้อมความแตกต่างด้านรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นจำหน่ายในไทยและญี่ปุ่น แต่ยังคงใช้พื้นฐานร่วมกันกับ Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) เหมือนกับตลาดอื่น ๆ แต่พัฒนาให้กว้างและขับสนุกยิ่งขึ้น
มาดูรายละเอียดแรกของรถคันนี้กันเถอะ...
การออกแบบโดยภาพรวมนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากฮอนด้า เอชอาร์-วีในตลาดโลก แต่ที่โดดเด่นจริง ๆ ก็คงเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบมาเป็นช่อง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ซ้อนกัน ฝากระโปรงที่มีมัดกล้ามบึกบึน พร้อมด้วยสเกิร์ตหน้าที่ดูเป็นชิ้นเดียวกันกับกระจังหน้า โคมไฟหน้าพร้อมไฟเดย์ไทม์วางตามนอนเหนือกระจังหน้า เส้นคาดตามแนวนอนของตัวรถ สัดส่วนของฝากระโปรงด้านหน้าแบบยาว และเส้นหลังคาที่ดูไหลลื่น ทำให้รถคันนี้ดูออกแนวสปอร์ตกว่าเวอร์ชั่นที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ฮอนด้าออกแบบรถรุ่นนี้มาเพื่อเน้นย้ำถึงวิถีแห่งการผจญภัย ด้วยการเลือกใช้ลายเส้นที่ทอดยาวจากฝากระโปรงหน้าไปจรดด้านท้ายรถ ชุดโคมไฟหน้าและท้ายแบบแอลอีดีที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ลงตัวและใช้งานได้ดี หลังคา บานประตูท้ายและสปอยเลอร์ออกแบบมาเน้นความสปอร์ตของรถ ภายในห้องโดยสารมาพร้อมหลังคากระจกบานใหญ่ ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ทำให้ลดพื้นที่ของหลังคาไปได้บางส่วน นอกจากนี้ ใบปัดน้ำฝนยังถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนใต้ฝากระโปรงเมื่อไม่ใช้งาน
แม้จะยังไม่ประกาศสเปกและรายละเอียดของเครื่องยนต์ออกมา แต่ฮอนด้าระบุว่า เอชอาร์-วีใหม่นั้นได้รับการออกแบบและพัฒนามาใหม่ เพื่อให้ได้ความเนี๊ยบ สร้างความมั่นใจและให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยการพัฒนาและปรับปรุงการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่เหนือกว่ารุ่นเดิม ซึ่งก็ต้องรอชมกันว่าฮอนด้าจะเลือกใช้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังใดเมื่อเปิดตัว
ฮอนด้านั้นยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในกับรถหลายรุ่นในตลาดสหรัฐอเมริกา โดยฮอนด้า ซีวิคจะมาพร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ 2 รุ่น ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 158 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 138 ปอนด์-ฟุต อีกทางเลือกหนึ่งก็คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 177 ปอนด์-ฟุต ซึ่งหากต้องการเครื่องยนต์ที่แรงกว่านี้ ก็อาจจะต้องพิจารณาทางเลือกไฮบริดในประเทศไทยไปเป็นออพชั่นเมื่อเปิดตัว
แม้จะมีพื้นฐานการพัฒนาบนฮอนด้า ซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน แต่ได้รับการออกแบบเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ด้วยขนาดที่ใหญ่โตขึ้น มีความยาวของฐานล้อที่มากกว่า ความกว้างของรถก็ถูกปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ยังคงให้ภาพลักษณ์ที่สปอร์ตเหมือนเดิม เพื่อให้รองรับความต้องการในการใช้งานของขนาดในห้องโดยสารในวันธรรมดา และพารถออกไปขับขี่ผจญภัยในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้พร้อมกัน
ดูจากหน้าตาก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าสวย แต่ดูเหมือนเอาหลายรุ่นมาผสมกัน รอดูคันจริงอีกทีละกันนะ!!!
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}