การเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) และ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ใหม่ ทำให้ Ford (ฟอร์ด) ในประเทศไทยกลับเข้าสู่ความคึกคักอีกครั้ง ด้วยการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม ทำให้รถของพวกเขานั้นกลับมามียอดค้างส่งมอบกันอีกครั้ง
สิ่งหนึ่งที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมก็คือโรงงานผลิตรถของฟอร์ด ที่ก่อนหน้านี้ฟอร์ดได้ทุ่มงบประมาณมากกว่า 2.8 หมื่นล้านบาทในการเตรียมความพร้อมด้านการผลิต ทั้งการเพิ่มระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ การลงทุนเครื่องจักรรุ่นใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดในประเทศและตลาดส่งออกจะดำเนินการได้อย่างราบรื่น
แน่นอนว่าเมื่อโรงงานที่ผ่านการลงทุนใหม่หมดจด จะต้องเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีที่สุดในโลก ประกอบกับการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ โดยเรนเจอร์นั้นถือเป็น 1 ใน 3 ฐานการผลิตทั่วโลก และเอเวอเรสต์ผลิตที่ประเทศไทยเพียงแห่งเดียว หากในอนาคตจะมีสินค้าใหม่มาเพิ่มอีกก็ไม่แปลก
และก็ไม่แปลกเช่นกัน หากฟอร์ดจะผลิตรถไฟฟ้าของพวกเขาในบ้านเรา...
ฟอร์ดนั้นทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้วในปัจจุบันหลายต่อหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตหรือรถเชิงพาณิชย์ รวมถึงรถกระบะรุ่นใหม่ในตลาดสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน ในกลุ่มรถกระบะ 1 ตันและพีพีวีบนพื้นฐานของกระบะ ยังมีข่าวลือและข้อถกเถียงกันอยู่ว่า จะเป็นการพัฒนาเครื่องยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ก่อนหรือไม่ หรือจะก้าวกระโดดไปสู่ยุคของยานยนต์พลังงานไฟฟ้ากันเลยทีเดียว ซึ่งที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยมีความชัดเจนออกมาจากปากผู้บริหารแต่อย่างใด แต่มีการระบุว่าจะมีรถที่มาพร้อมเครื่องยนต์สมรรถนะสูงกว่าเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ ที่ใช้งานในปัจจุบัน เป็นทางเลือกตามมาในอนาคต
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในงานดีทรอยท์ ออโต้โชว์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้บริหารระดับสูงอย่าง จอห์น ลอว์เลอร์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการเงิน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ที่กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ประเทศไทย ที่เป็นฐานการผลิตเรนเจอร์และเอเวอเรสต์จะกลายเป็น 'ฮับ' สำหรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแห่งโลกอนาคต "ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็นฮับของการผลิตยานยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ของเรา" ซึ่งฟอร์ดระบุว่าพวกเขาจะก้าวขึ้่นมาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั่วโลก ในการก้าวเข้าสู่โลกแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้านี้
ลอว์เลอร์ระบุอีกว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ นั้นเป็นโอกาสครั้งใหญ่ของฟอร์ด และเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมากและพวกเขาตื่นเต้นมากว่าจะสามารถทำอะไรกับมันได้ รวมถึงตัวฟอร์ด เอเวอเรสต์ที่ใช้พื้นฐานการผลิตและโรงงานผลิตในพื้นที่เดียวกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการประกาศแผนงานที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ว่าจะมีการผลิตหรือทำตลาดอย่างจริงจังเมื่อใด แต่ระบุว่าขอให้จับตามองได้เลยถึงการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ แม้อาจะจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากเหมือนในตลาดสหรัฐอเมริกา แต่ฟอร์ดก็อยู่ในทิศทางที่พร้อมจะเดินหน้าไปอย่างแน่นอน
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟอร์ดตัดสินใจเดินหน้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ก็คือการตอบรับของตลาดที่แตกต่างกันออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะกับเรนเจอร์ที่มีการทำตลาดมากกว่า 180 ประเทศ ซึ่งอาจจะแตกต่างกับการทำตลาดพี่ใหญ่อย่าง Ford F-150 Lightning (ฟอร์ด เอฟ-150 ไลท์นิ่ง) ที่มุ่งเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ซึ่งลอว์เลอร์บอกว่า รถรุ่นนี้มีความสำคัญมากในฐานะรถที่ขายดีที่สุดของฟอร์ดในสหรัฐอเมริกา แต่กับเรนเจอร์นั้นมีความแตกต่างกันออกไป และเขามองว่านี่คือโอกาสครั้งสำคัญของฟอร์ดในการบุกภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ ทีมผู้บริหารของฟอร์ด ประเทศไทย เคยระบุว่าจะไม่มีการทำตลาดเรนเจอร์เวอร์ชั่นไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน กระแสข่าวในตลาดโลกก็ระบุว่ากว่าจะได้ใช้งานรถรุ่นนี้กันจริง ๆ ก็ต้องมีไม่เร็วไปกว่าปี 2568 อย่างแน่นอน ซึ่งโรงงานของฟอร์ดในประเทศไทย ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกแต่ไม่ทำตลาดไทยอยู่แล้ว อย่างเช่น เอเวอเรสต์ที่ใช้เครื่องวี6 ขนาด 3.0 ลิตรที่ขายในออสเตรเลียก็ผลิตจากประเทศไทย ซึ่งก็ต้องมาดูว่า หากเปิดสายการผลิตรถกระบะและพีพีวีไฟฟ้าจริง ฟอร์ดจะใจร้ายไม่ขายในประเทศที่ผลิตอีกหรือไม่
งานนี้ถ้าไม่ขายอีก ลูกค้าฟอร์ดน่าจะออกมาประท้วงแล้วล่ะ...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}