Toyota Yaris Hatchback เก๋งเล็กขวัญใจมหาชน สมดุลแบบรถอีโคคาร์

โตโยต้า ผู้นำตลาดรถยนต์ในประเทศไทย นำเสนอ 2019 โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบ็ก ทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่รุ่น 1.2 Entry ราคา 5.29 แสนบาท รุ่น 1.2 Mid ราคา 5.79 แสนบาท และรุ่น 1.2 High ราคา 6.49 แสนบาท มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร 92 แรงม้า แรงบิด 109 นิวตันเมตร

2019 โตโยต้า ยาริส แฮทช์แบ็ก เป็นรถอีโคคาร์ที่ผลิตโดยโตโยต้า ในประเทศไทย เปิดตัวโฉมล่าสุดในปี 2562 ออกทำตลาดในกลุ่มรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) มีน้ำหนักตัวรถ 1,087 กก. จุดเด่นอยู่ที่ความประหยัดน้ำมันระดับ 23.3 กม./ลิตร

Toyota Yaris Hatchback รุ่นไมเนอร์เชนจ์เป็นเหมือนดาบสองที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นเปิดตัวหลังจาก Toyota Yaris Ativ รุ่นซีดานโฉมปรับปรุงใหม่

เดิมที Yaris Hatchback มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย แต่ถูกปรับลดเหลือเพียง 3 รุ่นและขยับราคาให้สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็มาพร้อมการอัพเกรดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมากขึ้น หวังครองความนิยมในการเป็นรถแฮทช์แบ็กขวัญใจมหาชนเช่นเดิม

สำหรับราคาจำหน่ายของ Yaris Hatchback มีดังนี้

รุ่น 1.2 Entry ราคา 529,000 บาท

รุ่น 1.2 Mid ราคา 579,000 บาท

รุ่น 1.2 High ราคา 649,000 บาท

มิติตัวถัง

มิติตัวถังของ Yaris Hatchback มีความยาว 4,145 มม. กว้าง 1,730 มม. และสูง 1,500 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,550 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.1 มม. ความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 42 ลิตร น้ำหนักตัวรถเท่ากับรุ่นซีดานคือ 1,087 กิโลกรัม

ไฮไลท์

Yaris Hatchback 2019 ยังมาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ นั่นคือชุดแต่ง Yaris Cros สไตล์ครอสโอเวอร์ออกจำหน่ายในราคา 35,000 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า หลังคาเคลือบฟิล์มดำ Matt Black สไตล์สปอร์ตสเกิร์ตข้าง ชุดตกแต่งขอบประตูรถ ชุดโช๊คอัพและสปริงหน้าหลัง ยกตัวรถให้สูงขึ้น 30 มม. ล้ออัลลอยสีทูโทนปัดเงาขนาด 16 นิ้ว สวมทับด้วยยางขนาด 195/50 R16 คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ สเกิร์ตหลัง และปิดท้ายด้วยสัญลักษณ์ Cross ท้ายรถ

การออกแบบภายนอก

ภายนอกยังคงเอกลักษณ์เดิม ปรับนู่นนิดนี่หน่อยเพิ่มความทันสมัยและสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเอาใจคนรุ่นใหม่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมด้วย LED Light Guiding และระบบ follow-me-home กระจังหน้าสีดำเงาตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศครีบฉลาม ไฟท้าย LED Light Guiding กระจกมองข้างสีดำเงา พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทนขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R15

รูปลักษณ์ภายนอกโดยรวมยังเอาใจลูกค้าที่ต้องการรถแฮทช์แบ็กสำหรับการใช้งานทั่วไป แม้ไม่โดดเด่นบนท้องถนน แต่ก็ไว้วางใจได้ในการขับขี่ตามปกติ งานดีไซน์มีความพิถีพิถันตามมาตรฐานรถซับคอมแพ็กต์

สีตัวถังภายนอก มีให้เลือกด้วยกัน 7 สี สีขาว Super White สีเงิน Silver Metallic สีเทา Grey Metallic สีดำ Attitude Black Mica สีแดง Red Mica Metallic สีส้ม Orange Mica Metallic และสีเขียวเฉดมะนาว Citrus Mica Metallic

การออกแบบภายใน

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำ วัสดุเบาะนั่งเป็นหนังและหนังสังเคราะห์ เบาะด้านหลังพับแยกได้ 60:40 วัสดุตกแต่งคอนโซลและแผงควบคุมเป็นสีเงินเมทัลลิกและสีดำ piano black ผสมผสานกันทั่วทั้งห้องโดยสาร

การออกแบบภายในดูทันสมัยผสมกับความเรียบง่ายสไตล์ Toyota คอนโซลกลางมีหน้าจอ ช่องแอร์ และแผงควบคุมไล่เลียงลงมาตามลำดับ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ค่อนข้างใหญ่ คันเกียร์แบบขั้นบันไดที่ให้ความหรูหราอีกระดับ มองในภาพรวม ตอบสนองการใช้งานได้ตามปกติ ขับในเมืองก็ดี ขับออกนอกเมืองก็ได้สบาย ๆ

ระบบความปลอดภัย

- ระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA      

- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC 

- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC 

- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC

- ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง และหัวเข่าฝั่งคนขับ 

- เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening)          

- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ที่นั่ง พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า

- เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR 3 จุด 3 ที่นั่ง

- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer    

- ระบบเตือนการโจรกรรม TDS (Theft Deterrent System)  

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย

- จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ (MID) แบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว

- ระบบ Smart Entry และ Push Start 

- กุญแจรีโมท 

- เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX

- หน้าจอสัมผัสขนาด 6.7 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay

- ระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง     - ลำโพง 6 ตำแหน่ง

- สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และโทรศัพท์บนพวงมาลัย พร้อมปุ่มควบคุมจอแสดงผลการขับขี่

- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ     

- ระบบส่องสว่างภายในห้องโดยสารอัตโนมัติ   

ระบบขับเคลื่อน

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 3NR-FKE บล็อก 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Dual VVT-iE ความจุ 1.2 ลิตร พละกำลังสูงสุด 92 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i และฟังก์ชัน S Mode เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่

ขุมพลังบล็อกนี้รองรับน้ำมันสูงสุด E20 มีระบบการจ่ายน้ำมันหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI มาพร้อมระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop and Start System)

สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย

ความเป็นรถอีโคคาร์-ซิตี้คาร์สไตล์แฮทช์แบ็กทำให้ Yaris Hatchback ตอบสนองได้ดีในการขับขี่ในเมือง มีความคล่องตัวพอสมควร พวงมาลัยน้ำหนักพอเหมาะช่วยให้สามารถควบคุมตัวรถฟันฝ่าการจราจรที่หนาแน่นได้

ในการขับขี่ที่ความเร็วระดับปานกลางไปจนถึงสูง Yaris Hatchback ก็ยังมั่นใจได้ ตราบใดที่ยังใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด

ช่วงล่างของ Yaris Hatchback มีความแข็งแน่นกว่ารุ่น Yaris Ativ ซีดานเล็กน้อย ช่วยดูดซับแรงสะเทือนได้ดี ความนุ่มนวลในการขับขี่อยู่ในระดับพอเหมาะ แต่การเก็บเสียงดูเหมือนว่าตัวถังแฮทช์แบ็กจะมีเสียงรบกวนดังกว่าซีดาน

อัตราความประหยัดน้ำมัน

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Yaris Hatchback ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมคือ 23.3 กม./ลิตร ลดการปล่อยไอเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษ EURO 5  

สรุป

Toyota Yaris Hatchback ยังคงเป็นรถที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้ค่อนข้างดี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกถือว่าครบครัน โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยที่มีถุงลมนิรภัยมาให้ถึง 7 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานทั้งในเมืองและต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นรถอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามปกติ ความโดดเด่นจึงขาดหายไป สมรรถนะการขับขี่ไม่ได้ตอบสนองด้านความเร้าใจด้วยขุมพลังที่มีพละกำลังค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหัวใจเทอร์โบในคู่แข่งอย่าง Honda City ซึ่งมีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักดีกว่า Yaris Hatchback มากพอสมควร

แต่อัตราการบริโภคน้ำมันของ Yaris Hatchback ที่มีตัวเลขแบบจิบ ๆ ประมาณ 23 กม.ต่อลิตรก็เป็นคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามปกติที่ต้องการความประหยัด ส่วนค่าตัวที่เอื้อมถึงได้ยังทำให้มีงบเหลือ ๆ สำหรับเติมน้ำมันและใช้จ่ายอย่างอื่นได้ตามต้องการ