All-New 2019 Honda Accord Hybrid TECH ขับสนุกเต็มออพชั่น คุ้มค่าตัว 1.799 ล้านบาท

ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย เปิดตัว 2019 ฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่ 10 ออกจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Turbo EL ราคา 1.475 ล้านบาท มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ VTEC Turbo ขนาด 1.5 ลิตร กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 243 นิวตันเมตร พร้อมกับรุ่น Hybrid ราคา 1.639 ล้านบาท และรุ่น Hybrid Tech ราคา 1.799 ล้านบาท มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลังรวมสูงสุด 215 แรงม้า

2019 ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถยนต์ซีดานกลุ่มดีเซกเมนท์ที่ผลิตโดย ฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ทำตลาดกลุ่มรถซีดานขนาดกลาง เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 รุ่นไฮบริดมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 14 – 15 กม.ต่อลิตร บนน้ำหนักตัวรถ 1,568 กก.

ตลาดรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ หรือดี-เซกเมนต์ ซีดาน เป็นหนึ่งในตลาดที่การแข่งขันรุนแรง เมื่อมีผู้เล่นรายใหญ่ยึดครองตลาดอย่างเหนียวแน่น สวนทางกับตลาดที่มีการหดตัวอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของคู่แข่งข้ามเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นเอสยูวีหรือพีพีวีก็ตามที

ฮอนด้า (Honda) ถือเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงในตลาดระดับนี้มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการส่งฮอนด้า แอคคอร์ด (Honda Accord) เข้าทำตลาดมาโดยตลอด และเจนเนอเรชั่นที่ 10 ของรถรุ่นนี้อย่าง All-New 2019 Honda Accord ที่เปิดตัวไปล่าสุดก็ถือเป็นสินค้าที่น่าสนใจในหลายด้าน

 ความน่าสนใจเรื่องการออกแบบรถยนต์คันนี้ทั้งภายในและภายนอก ให้ได้รถที่มีภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยว โดยที่ไม่ทิ้งความหรูหราโอ่อ่า เพื่อเป็นทางเลือกให้กับบรรดาผู้บริหารที่ยังเลือกใช้รถยนต์ระดับนี้มากกว่าเอสยูวี ถือเป็นสิ่งที่แอคคอร์ดทำได้ดี และน่าจะขยายกลุ่มลูกค้าอายุน้อยได้เพิ่ม

ทางเลือกเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเป็นครั้งแรกของเซกเมนต์ และเครื่องยนต์ไฮบริดที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก รวมไปถึงระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถที่มีมาให้ครบครัน ล้วนแล้วแต่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ในระดับนี้

2019 ฮอนด้า แอคคอร์ด เปิดตัวใน 3 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นทางเลือกเครื่องยนต์เทอร์โบ 1 รุ่นย่อยและไฮบริด 2 รุ่นย่อย วันนี้จะขอนำรุ่นท็อปอย่าง 2.0 ไฮบริด เทค มาทดสอบกันว่า รถยนต์เจ้าของค่าตัว 1.799 ล้านบาทคันนี้ มีดีมากขนาดที่จะล้ำหน้าคู่แข่งอีก 2 แบรนด์ไปได้หรือไม่

มิติตัวถังและการออกแบบแนวสปอร์ต

ฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่ 10 มาพร้อมรูปลักษณ์แบบสปอร์ตมากขึ้น ห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางขึ้น แม้มิติตัวถังนั้นจะไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเดิมมาก เป็นผลมาจากการออกแบบจัดวางพื้นที่ของตัวรถที่เน้นการใช้งานที่หลากหลาย ลงตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม

รถยนต์รุ่นใหม่นี้มาพร้อมขนาดตัวถังกว้าง 1,860 มิลลิเมตร ยาว 4,920 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร ตัวรถนั้นสั้นลง 10 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร และเตี้ยลง 15 มิลลิเมตร ทำให้ดูมีความสปอร์ตเพรียวบางกว่ารุ่นเดิม มีความใกล้เคียงกันฮอนด้า ซีวิค (Honda Civic) มากขึ้น

แต่ภายในห้องโดยสารไม่ได้สั้นตามลงไปด้วย เมื่อพวกเขาทำการขยายฐานล้อออกไปเพิ่มเป็น 2,830 มิลลิเมตร ซึ่งยาวกว่ารุ่นเดิมถึง 55 มิลลิเมตร ทำให้สามารถย้ายที่เก็บแบตเตอรี่ไฮบริดมาไว้ที่ใต้เบาะนั่งด้านหลังได้ พื้นที่ในห้องโดยสารและที่เก็บสัมภาระจึงไม่ได้ลดลงจากเดิม

การออกแบบภายนอกที่โฉบเฉี่ยว

หากจะบอกว่านี่คือฮอนด้า แอคคอร์ดที่มีความโฉบเฉี่ยวที่สุดก็ไม่เป็นคำกล่าวที่เกินไปนัก ด้วยตัวถัวแบบฟาสต์แบ็ค ที่เสาซีลาดลงไปจรดฝากระโปรงท้าย รูปร่างหน้าตาการออกแบบดุดันสวยงาม แถมใช้ลายเส้นและการตกแต่งด้วยโครเมียมในตำแหน่งต่าง ๆ อย่างลงตัว

กันชนหน้าสีเงิน ดูตัดกับพื้นผิวตัวถังทุกสี ต่อเนื่องกับกรอบโคมไฟหน้าแบบแอลอีดี เส้นมัดกล้ามของฝากระโปรงที่ดูแข็งแกร่ง ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายใบพัดดูสะอาดตา กรอบโคมไฟท้ายถูกลากต่อไปจากเส้นหลังคา ที่มีซันรูฟติดตั้งไว้เรียบร้อยในรุ่นท๊อป

ระบบส่องสว่างรอบคันรถเป็นแบบแอลอีดทั้งหมด ประกอบไปด้วย ไฟหน้าแบบฟูล แอลอีดี ไฟส่องสว่างขณะวิ่งในเวลากลางวันและไฟท้าย มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ มาพร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม และตกแต่งมือจับประตูด้วยแถบโครเมียม

กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ เมื่อล็อครถ มาพร้อมระบบลดการเกาะตัวของหยดน้ำ และกระจกมองข้างด้านซ้าย ปรับลดลงอัตโนมัติ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ พร้อมกระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ

เอาใจคนกลับบ้านดึกด้วยไฟส่องมือเปิดประตูภายนอก และในรุ่นท็อปยังติดตั้งสปอยเลอร์หลังขนาดเล็กที่เพิ่มความดูดีให้กับบั้นท้ายของรถ ซึ่งโดยรวมความแล้ว ต้องถือว่าแอคคอร์ดใหม่ มีการออกแบบภายนอกที่สวยหรู ดูดี เอาใจวัยรุ่นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

ห้องโดยสารภายในโอ่อ่าพรีเมียม

การออกแบบห้องโดยสารภายในของแอคคอร์ดยังเน้นความหรูหราโอ่อ่า ด้วยการจัดการพื้นที่อย่างลงตัว วัสดุที่นำมาใช้ตกแต่งเป็นแบบผิวสัมผัสนุ่มเป็นส่วนใหญ่ สลับกับลายไม้สีเข้มและโครเมียม ซึ่งดูตัดกันอย่างลงตัว มาพร้อมอุปกรณ์การใช้งานที่ดูทันสมัย

เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีน้ำตาลแดงหรือสีดำตามสีของตัวถัง มาพร้อมระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกบังลมหน้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มมาในรุ่นท็อป ม่านบังแดดสำหรับกระจกหน้าต่างด้านหลัง ซ้าย-ขวาติดตั้งไว้ให้ผู้บริหาร และรุ่นนี้มาพร้อมระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายอีกด้วย

เพิ่มความเงียบสบายในห้องโดยสารด้วยระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร มาพร้อมเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง รวมถึงอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว เพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่บนถนน

เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางและปรับดันหลังด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชั่นเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงจากรถ ที่วางแขนตรงกลางเบาะนั่งด้านหลัง พร้อมช่องเปิดผ่านที่เก็บสัมภาระด้านท้าย มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ที่สามรถควบคุมระบบต่าง ๆ ในรถได้

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ ออโต้ ช่องเชื่อมต่อยูเอสบีด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ที่ชาร์จไฟยูเอสบีด้านหลัง 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบนำทาง

เครื่องยนต์ไฮบริดอันยอดเยี่ยม

ฮอนด้าเลือกใช้เครื่องยนต์ไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3 มาประจำการในรถยนต์รุ่นท็อปของพวกเขา โดยมีความเชื่อมั่นว่าเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้จะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน ทั้งในเรื่องของสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน ตามที่ผู้ใช้รถมีความต้องการ

ระบบไฮบริดใหม่นี้ เป็นการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์แอทคินสัน ไซเคิล เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1,993 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังดีอยู่แล้ว

เสริมพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor 2 ตัว โดยตัวมอเตอร์ไฟฟ้านั้นทำงานตั้งแต่เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที

เมื่อทำงานร่วมกัน จะให้พละกำลังรวมกันถึง 215 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอี-ซีวีที เจนเนอเรชั่นที่ 3 รองรับน้ำมันสูงสุดแก๊สโซฮอล์ อี20 พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมด ที่สามารถเลือกได้ตั้งแต่โหมดไฟฟ้าล้วน ๆ ไปจนถึงโหมดสปอร์ตเพื่อความสนุกสนานในการขับขี่

การตอบสนองของเครื่องยนต์ไฮบริดของแอคคอร์ดนั้นทำได้อย่างยอดเยี่ยม การส่งกำลังผ่านเกียร์ซีวีทีเป็นไปอย่างไหลลื่น และเสียงของมอเตอร์ไฟฟ้าก็ไม่ได้ดังมากนัก ความแรงของเครื่องยนต์นั้นแข่งกับคู่แข่งบนท้องถนนได้แน่นอน แถมยังประหยัดน้ำมันอย่างเหลือเชื่ออีกด้วย

อัดระบบความปลอดภัยเหนือชั้น

ราคาที่แพงกว่ากันเมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่นย่อยแบบก้าวกระโดด หมายถึงการที่ฮอนด้า สามารถเลือกใส่อุปกรณ์และระบบความปลอดภัยเข้าไปเพิ่มเติมในรถแต่ละรุ่นย่อย และทำให้รุ่นท็อปของแอคคอร์ด กลายเป็นรถที่มีระบบความปลอดภัยอย่างเหนือชั้น แม้จะเทียบกับคู่แข่งก็ตามที

ในรุ่นท็อปของแอคคอร์ดมาพร้อมระบบที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นก่อนหน้าประกอบไปด้วย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศา พร้อมด้วยเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลังอีก 4 ตำแหน่ง เพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านการจอดรถ

แต่ถ้ายังไม่มั่นใจอีก รุ่นท็อปยังมาพร้อมระบบช่วยจอดอัตโนมัติ พร้อมระบบช่วยเบรก ที่ช่วยจอดได้ทั้งแบบขนานและแบบเข้าซอง เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ด้วยตัวเอง ด้วยระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง ซึ่งมีประโยชน์กับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับรถคันนี้เป็นอย่างมาก

ระบบฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ติดตั้งมาตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านั้น ประกอบไปด้วยระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก

รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า ระบบความช่วยเหลือมาตรฐานประกอบด้วยระบบป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรกและระบบช่วยเบรก เสริมทัพด้วยระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง และระบบเพิ่มความคล่องตัวขณะขับขี่

แอคคอร์ดยังมาพร้อมระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน  ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน กล้องมองภาพขณะถอยจอดที่ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ และเสริมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ปลอดภัยกันเต็มที่

ระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้นของแอคคอร์ดนั้นทำงานสอดประสานกันอย่างเต็มที่ทุกระบบ ร่วมกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามา เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น หรือหากเกิดขึ้นจริง ๆ ก็จะต้องสามารถปกป้องผู้โดยสารและผู้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

น่าใช้งานเมื่อเทียบค่าตัว 1.799 ล้านบาท

ค่าตัวระดับ 1.8 ล้านบาททอนหมื่นเดียวของ 2019 Honda Accord 2.0 Hybrid TECH e-CVT อาจจะทำให้หลาย ๆ คนที่อยากได้รถรุ่นนี้อาจจะต้องลังเลกันบ้าง เพราะตัวเลือกในระดับนี้ถือว่ามีอยู่มากมาย ทั้งรถกลุ่มพีพีวี เอสยูวี หรือจะข้ามไปเลย่นรถยุโรประดับเอนทรีเลยก็ได้

แต่หากพิจารณาของเล่นที่ฮอนด้าใส่มาให้อย่างเต็มที่ ไล่กันไปตั้งแต่เครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่สมรรถนะไม่ธรรมดา ระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยที่มีมาล้นคัน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการใช้งานรถยนต์ เรียกว่าให้กันมาแบไม่ธรรมดา ใช้งานกันให้ครบยังยาก

ถ้าหากไม่ต้องการอุปกรณ์ทั้งหมด แต่ชอบรูปทรงหน้าตาแบบนี้ ก็สามารถเลือกซื้อรุ่นถัด ๆ ลงไปได้ จะเป็นรุ่นไฮบริดตัวล่างหรือรุ่นเทอร์โบไปเลยก็ได้เช่นเดียวกันแล้วแต่ความต้องการ แต่ก็ถือเป็นรถอีกคันที่สามารถขับหล่อ ๆ ได้บนท้องถนนแบบไม่อายใครแน่นอน