รีวิว 2019 Ford Everest 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + ยอดภูเขาน้ำแข็งค่าตัว 1.799 ล้านบาท

ฟอร์ด ค่ายรถพันธุ์แกร่งสัญชาติอเมริกัน ส่ง 2019 ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ราคา 1.29 ล้านบาทสำหรับรุ่นเริ่มต้น 2.0L Turbo Trend 4x2 10AT ไปจนถึงราคา 1,799,000 บาทกับรุ่นท็อป 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร Bi Turbo พละกำลัง 213 แรงบิด 500 นิวตันเมตร

ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ เป็นรถอเนกประสงค์ที่พัฒนาบนพื้นฐานรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ผลิตในประเทศไทย และออกจัดจำหน่ายในกลุ่มรถอเนกประสงค์พีพีวี เปิดตัวโฉมล่าสุดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 เครื่องยนต์มีทั้งดีเซลเทอร์โบเดี่ยวกับเทอร์โบคู่ น้ำหนักตัวถังประมาณ 2,190 กก. มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 12 – 13 กม.ต่อลิตร

หากต้องการรถอเนกประสงค์ที่เน้นความบึกบึน สมบุกสมบัน และเทคโนโลยีล้นคัน 2019 Ford Everest ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ย่อมผุดขึ้นมาในใจผู้บริโภคเป็นอันดับต้น ๆ

แต่กระนั้นความนิยมในรถพีพีวีบนพื้นฐานกระบะอย่าง Everest ลดน้อยถอยลงจนหล่นลงไปอยู่ในอันดับที่ 4 เมื่อคู่แข่งดันผลิตภัณฑ์ที่มีความสดใหม่กว่าออกมาสู้ ทั้ง Toyota Fortuner และ Mitsubishi Pajero Sport ขณะที่ Isuzu MU-X ยังคงเป็นโฉมเก่าและยังไม่ได้ปรับตาม D-Max แต่ด้วยชื่อชั้นแบรนด์ที่แข็งแกร่งทำให้สามารถรักษายอดขายติดท็อป 3 อย่างต่อเนื่อง

Ford Everest ออกจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่นย่อย มีราคาดังนี้

รุ่น 2.0L Turbo Trend 4x2 10AT ราคา 1,299,000 บาท

รุ่น 2.0L Turbo Titanium 4x2 10AT ราคา 1,439,000 บาท

รุ่น 2.0L Turbo Titanium 4x2 10AT Sport ราคา 1,469,000 บาท

รุ่น 2.0L Turbo Titanium 4x2 10AT ราคา 1,599,000 บาท

รุ่น 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + ราคา 1,799,000 บาท

วันนี้เราจะมารีวิวตัวท็อป รุ่น 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + ด้วยระดับราคาขาดอีก 1,000 บาทจะแตะหลัก 1.8 ล้านบาทนั้น รถพีพีวีอเมริกันพันธุ์แกร่งรุ่นนี้มีดีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย

มิติตัวถัง

Ford Everest 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium +
ความยาว 4,903 มม.
ความกว้าง 1,869 มม.
ความสูง 1,837 มม.
ระยะฐานล้อ 2,850 มม.
ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มม.
ล้อ 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/50 R20

ไฮไลท์

Ford เพิ่งเปิดตัว Everest เวอร์ชั่นล่าสุด 2.0 Sport รุ่นตกแต่งพิเศษที่เน้นคาแรคเตอร์สปอร์ตมากยิ่งขึ้นเมื่อปลายปี 2019 มาพร้อมกระจังลวดลายใหม่สีดำ ตัวอักษร EVEREST และกันชนหน้าตกแต่งด้วยสีดำ ล้ออัลลอยสีดำขนาด 20 นิ้วฝาประตูท้ายตกแต่งด้วยสีดำ ประทับสัญลักษณ์ SPORT บริเวณท้ายรถและข้างประตู อุปกรณ์ตกแต่งภายในเป็น Hydrographic สำหรับขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดพร้อมโหมดเกียร์ธรรมดา เคาะค่าตัว 1.469 ล้านบาท

การออกแบบภายนอก

รูปลักษณ์ภายนอกของ Everest 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + ครบครันฟังก์ชั่นสไตล์รถยุคใหม่ ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ มีไฟส่องสว่างข้างตัวรถ ไฟเดย์ไลท์และไฟท้าย LED มีไฟตัดหมอกด้านหน้า หลังคาพาโนรามิกมูนรูฟ กระจะมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับไฟฟ้า มือจับเปิดประตูด้านนอกและกระจกมองข้างโครเมียม มีราวหลังคาและบันไดข้าง

หน้าตาโดยรวมของ Everest ถึงแม้จะดูคุ้นเคยสายตาจนชวนให้เกิดความรู้สึกล้าสมัยไปหน่อย แต่ก็มีความลงตัว ผสมผสานความหรูหรา พรีเมียม และแข็งแกร่งไว้ได้อย่างกลมกลืน ล้ออัลลอย (รวมถึงล้ออะไหล่) มีขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้วเสริมความเกรงขาม หุ้มด้วยยาง 265/50 R20 กำลังพอเหมาะสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ

การออกแบบภายใน

เปิดประตูเข้ามาภายในห้องโดยสาร พบกับเบาะหนังสีดำ/สี Cognag เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้า-หลังได้ เบาะแถวที่ 3 พับได้ด้วยระบบไฟฟ้า มีเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน กระจกทุกบานเปิด-ปิดด้วยสัมผัสเดียว ชุดชายบันไดสแตนเลสแบบ LED ชุดจอเรือนไมล์แบบดูอัลมอนิเตอร์แสดงข้อมูลสำคัญ

การออกแบบห้องโดยสารของ Everest เป็นสไตล์อเมริกันขนานแท้ คือเน้นความเรียบง่ายใช้สีดำให้บรรยากาศเคร่งขรึม ไม่หวือหวาเหมือนกับรถอเนกประสงค์สัญชาติญี่ปุ่นรุ่นอื่น ๆ จึงตอบโจทย์พ่อบ้านหัวหน้าครอบครัวได้เป็นอย่างดี

เบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 ตอบสนองด้านความสบายได้ดี การติดตั้งสวิทช์ไฟฟ้าช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานเบาะทุกแถว ช่องแอร์มีมาให้ในทุกแถวที่นั่ง อย่างไรก็ตาม พื้นที่เบาะแถวที่ 3 ยังคงเหมาะสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย

- กุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท

- ช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลัง

- ช่องต่อไฟ 12V

- ปลั๊กไฟบ้าน AC230V

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ

- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ ซ้าย-ขวา

- ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบปรับแยกอุณหภูมิ

- เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

- หน้าจอมัลติทัชขนาด 8 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้

- ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 ภาษาไทย พร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-Fi

- ระบบแผนที่นำทางเนวิเกชั่น

- วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD/ MP3 และช่องต่อ USB จำนวน 2 จุด

- ลำโพง 9 ตำแหน่ง พร้อมซับวูฟเฟอร์และแอมพลิฟลายเออร์

ระบบความปลอดภัย

- ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และหัวเข่าคนขับ

- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน

- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA

- ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด

- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด

- ระบบตรวจจับลมยาง

- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD

- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TC และควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP

- ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ

- สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง

- กล้องมองหลังขณะถอยจอด

- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ

- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง

- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน AEB

- ระบบเตือนการชนด้านหน้า

- ระบบแจ้งเตือนการขับขี่

ระบบขับเคลื่อน

หัวใจขับเคลื่อนของ Everest 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + ตัวท็อปเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี พ่วงเทอร์โบ 2 ลูกและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลัง 213 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,000 รอบต่อนาที ถือเป็นขุมพลังที่แรงเหนือชั้นที่สุดในระดับเดียวกัน ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดพร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดา ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ พ่วงระบบ Terrain Management

ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่างหลังเป็นแบบคอยล์สปริง พร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง

สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย

Ford ยกเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ Ranger Raptor มาวางใน Everest เพื่อฉุดกระชากตัวถังให้มีความคล่องแคล่วมากขึ้น แต่กระนั้น การขับขี่ในเมือง พละกำลังมหาศาลก็ไม่ให้ประโยชน์เท่าไหร่นัก การออกตัวของ Everest เชื่องช้าด้วยมิติที่ใหญ่โต ความปราดเปรียวจะมีมากขึ้นเมื่อตัวรถลอยลำไปแล้ว แรงบิดตอบสนองได้ดีมากขึ้นช่วงความเร็วระดับ 40-50 กม.ต่อชม. ขึ้นไป

และเมื่อออกต่างจังหวัด ขุมพลัง 213 แรงม้าแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ อัตราเร่งแซงระหว่าง 80 – 120 กม.ต่อชม. ยืนอยู่แถวหน้าในกลุ่มรถพีพีวี ทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ

พวงมาลัยและช่วงล่างเซ็ทอัพมาอย่างลงตัวเหมาะเจาะและยืนหนึ่งในกลุ่มนี้ ควรคู่กับการใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งการขับขี่ท่องเที่ยวต่างจังหวัดแบบสายชิลล์ที่ให้ความสะดวกสบาย หรือจะเร่งทำความเร็วก็มอบความมั่นใจได้อย่างเต็มเปี่ยม

ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วให้แรงสะเทือนในบางจังหวะ แต่ก็เกาะหนึบเข้าโค้งได้ดีตามมาตรฐานรถยกสูงเช่นนี้ ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อม Terrain Management System ทำให้ทั้งมือเก๋าหรือมือใหม่ขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างไม่ยากเย็น

อัตราความประหยัดน้ำมัน

Everest 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยราว 12 – 13 กม.ต่อลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ของเซกเมนท์พีพีวี

สรุป

ถ้าคุณต้องการพละกำลังมหาศาลและอ็อปชั่นอำนวยความสะดวกที่อัดมาจนล้นคัน Everest 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + ตัวท็อปสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องแลกกับราคาค่าตัวระดับ 1.8 ล้านบาทที่ถือว่าสูงลิบลิ่วและทับซ้อนกับกลุ่มรถคอมแพ็กต์เอสยูวีที่ให้ความนุ่มนวลสะดวกสบายกว่าอย่าง Honda CR-V และ Mazda CX-5

หากปรับลดงบประมาณลงมาเหลือ 1.5 ล้านบาทก็จะได้รุ่นกลาง ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบแปรผันตัวเดียว รีดพลัง 180 แรงม้า แรงบิดลดเหลือ 120 นิวตันเมตร ซึ่งพูดก็พูดเถอะถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานปกติแบบเหลือ ๆ อยู่แล้ว

ดังนั้น Everest 2.0 Bi-turbo 4×4 Titanium + รุ่นสูงสุดจึงเหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณเหลือและต้องการยืนอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็ง ครบครันอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่จะไม่ทำให้รู้สึกเสียดายภายหลัง

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:
May

นักเขียนอาวุโส

อดีตนักข่าว เอเจนซี่ และฟรีแลนซ์ฝีมือเยี่ยม ที่นำประสบการณ์ร่วม 20 ปีมาถ่ายทอดคอนเทนท์และประเด็นข่าวในวงการยานยนต์ทั้งไทยและเ...

ขายรถเก่า-ซื้อคันใหม่ ไม่ยุ่งยาก ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Ford Everest

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

ไปลอง Next Gen Ford หลากหลายรุ่น บนออฟโรดเต็มพิกัดที่ซาปา ลุยครบ สนุกทุกแทร็ค ดุดันเต็มที่ | AutoFun

พรีวิว 3 รุ่นใหม่จาก Ford เน้นแต่งดุขึ้น เพิ่มออพชั่น เอาใจลูกค้าหลากหลาย ราคาเจอกันในงาน | AutoFun

รีวิว 2022 Ford Everest 1.854 ล้านบาท ตัวจบรถครอบครัว ถนนก็ดี ออฟโรดก็ไหว ใช้ง่ายสุดในคลาส | AutoFun

พรีวิว Ford Ranger Everest และ Raptor เปิดตัวพร้อมเผยราคาในมอเตอร์โชว์ เจอตัวเป็น ๆ กันได้ | AutoFun

ข่าวล่าสุด

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

วิศวกร Honda พัฒนาระบบป้องกันเมาหัวในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งทันใจ

ทีมงานฝ่ายวิศวกรรมของ Honda (ฮอนด้า) พัฒนาระบบควบคุมอัตราเร่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการเวียนหัวหรือเมารถ เป็นที่ทราบกันดีว่าอัตราเร่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดให้ใช้แบบทันทีทันใดนั้นตอบสนองต่อเท้าขวาของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่ถูกใจผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าข้างคนขับหรือเบาะหลังเท่าใดนัก ธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้านั้นทำงานด้วยความเงียบสงบ ราบรื่น ปราศจากเสียงเครื่องยนต์รบกวน แต่อัตราเร่งที่เกิดขึ้นแบบกระทันหันอาจส่งผลต่อประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของหูชั้นในที่ทำงานไม่ประส

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ

เปรียบเทียบรถที่เกี่ยวข้อง

Ford Everest
เช็คทันที