ครั้งแรกที่รถ 7 ที่นั่งพื้นฐานกระบะมีช่วงล่างอิสระ
ระบบเบรคอย่างเดียวที่น่าเป็นห่วง
รุ่น Exclusive ที่ทำให้สีขาวพรีเมียมขึ้น
ราคาถูกกว่ารถอเนกประสงค์พื้นฐานเก๋งในช่วงนั้น
ราคามือสองดี ไม่หนีอีโค่คาร์
Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) รถอเนกประสงค์พื้นฐานกระบะ ซึ่งในบ้านเราจะเรียกว่า PPV (Pick-up Passenger Vehicle) แยกออกมาประเทศอื่น ๆ ที่จะเรียกประเภทนี้ว่า SUV
ซื้อรถ Toyota Fortuner มือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจสภาพ 175 จุด พร้อมรับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน
สำหรับ Toyota Fortuner เจเนอเรชั่นแรกในปัจจุบัน นั้นถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับรถมือสอง ด้วยราคาที่ต่ำกว่าอีโค่คาร์ป้ายแดงแต่ได้พื้นที่ใช้สอยที่อเนกประสงค์ รวมถึงความเป็นรถจากค่ายเจ้าตลาดที่ดูแลรักษาได้ง่ายแม้จะมีอายุอานามเกือบ 20 ปีแล้ว
Toyota Fortuner เจเนอเรชั่นแรกทำตลาดตั้งแต่ปี 2547 - 2558 โดยในรุ่นนี้มีการถูกปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ถึงสองครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะพูดถึง Fortuner รุ่นที่ทำตลาดในช่วงปี 2547-2551 ซึ่งเราคิดว่าน่าสนใจหากรับข้อดี-ข้อเสียเหล่านี้ได้
นอกจากนี้เราจะพูดถึง Toyota Fortuner รุ่น Exclusive ซึ่งมาพร้อมสีพิเศษ และการตกแต่งที่เป็นการยกระดับรถ 7 ที่นั่งพื้นฐานกระบะให้มีความหรูหรามากขึ้นเป็นครั้งแรก ๆ ในตลาดประเทศไทย
มาดูว่า Toyota Fortuner เจนแรกก่อนไมเนอร์เชนจ์นั้นจะเหมาะกับคุณไหม เราได้รวมมาให้ถึง 7 ข้อด้วยกัน
1. ครั้งแรกที่รถ 7 ที่นั่งพื้นฐานกระบะมีช่วงล่างอิสระ
Toyota Fortuner ถือว่าเป็นรถรุ่นเรือธงในโครงการ IMV ซึ่งเริ่มเมื่อปี 2545 โดยมีอีกสองรุ่นคือ Toyota Hilux Vigo ซึ่งเป็นรถกระบะ และรถเอ็มพีวีอย่าง Innova โดยรถทั้งสามรุ่นนี้กฎหมายระบุว่าจะต้องใช้พื้นฐานแบบอดี้ออนเฟรมสำหรับกระบะ 1 ตันหรือแบบเดียวกับของรถกระบะ Vigo นั่นเอง
รถกระบะส่วนใหญ่ใช้ช่วงล่างแหนบ จึงคล้ายกับว่ารถยนต์ประเภท PPV นี้ต้องมีช่วงล่างแหนบตามไปด้วย ซึ่งมีหลายค่ายที่คิดแบบนี้ เช่น Isuzu MU-7 เจเนอเรชั่นแรก
แต่ทาง Toyota คิดกลับกันว่า หากสร้างรถกระบะ Vigo ใช้ช่วงล่างคอยล์สปริง ประเทศไทยจึงมีรถ PPV ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Double Wishbone และด้านหลังแบบ 4-Link Live Axle ในรุ่นนี้เป็นครั้งแรก
เครื่องดีเซล 3.0 ลิตร รหัส 1KD-FTV
2. เครื่องแรงทันใจ
Fortuner เจเนอเรชั่นแรกมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบคือ ดีเซล 3.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน กำลัง 163 แรงม้า กับแรงบิด 343 นิวตันเมตร และเบนซิน 2.7 ลิตร กำลัง 160 แรงม้า กับแรงบิด 241 นิวตันเมตร มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น
แม้จะมีเครื่องที่แรง และถือว่าตอบสนองทันใจในสมัยนั้น แต่ก็มีปัญหาในเรื่องเบรคเล็กน้อย ซึ่งหากรู้แล้วแก้ก็คงไม่มีปัญหา
3. ระบบเบรคที่ไม่ควรวางใจ
ปัญหาของ Toyota Fortuner โฉมแรกสุดคือ ไม่มีระบบเสริมเบรค BA ไม่มีระบบกระจายแรงเบรค EBD หม้อลมเบรคชั้นเดียว และที่ล้อหลังใช้ดรัมเบรค โดยมีแค่ ABS กับวาล์วปรับแรงดันตามการยุบช่วงล่างเท่านั้น
ทำให้เกิดปัญหาเมื่อกดเบรคเต็มที่ ท้ายจะยกขึ้น ทำให้วาล์วปรับแรงดันดรัมเบรคหลังปิดลง ส่งผลให้เหลือแต่เบรคหน้าทำงาน จึงมีระยะเบรคยืดยาวกว่ารถระดับเดียวกัน ซึ่งเกิดเป็นประโยคคลาสสิคในยุคนั้นว่ารถรุ่นนี้ "เบรคทื่อแต่ปลอดภัย"
4. ตอบโจทย์รถคันเดียวของครอบครัว
ขณะนั้น หากต้องการรถอเนกประสงค์ลุยได้ที่ไม่ใช่กระบะนั้นมีตัวเลือกไม่มากนัก สำหรับ Toyota ก็อาจต้องไปถึง Land Cruiser และหากต้องการความอเนกประสงค์อย่าง Honda CR-V ก็อาจจะลุยไม่ได้เท่าที่ควร การมีรถ PPV เข้ามาจึงสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่เป็นรถคันเดียวของครอบครัว
สิ่งที่ Toyota Fortuner โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งคือรูปลักษณ์ที่ดูหรูหราที่สุดในสมัยนั้น ดูคล้ายรถหรูในเครืออย่าง Lexus RX300 ทำให้ยอดขายแซงคู่แข่งไปไกล ยอดจองรุ่นดีเซลรอคิวนาน 3-5 เดือน คนที่รอไม่ไหวก็ไปซื้อรุ่นเบนซินที่รับรถได้เลย พร้อมมีรุ่นพิเศษ Exclusive ที่เพิ่มออพชั่นความหรูหรามาให้อีก
อ่านเพิ่มเติม : มือสองต้องรู้ : Toyota Fortuner โฉมแรก
5. รุ่น Exclusive ครั้งแรก ๆ ที่สีขาวทำให้รถพรีเมียมขึ้น
ในอดีตช่วงปี 1990 รถคันสีขาวคือรถที่มีราคาถูกที่สุด เนื่องจากเป็นสีพื้นที่สามารถนำไปผสมเพื่อสร้างสีอื่นภายหลัง แต่หลังจากนั้นไม่นานสีขาวก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ ซึ่งทำให้ค่ายรถหลายค่ายนำมาเพิ่มจุดขายกลายเป็นสีพรีเมียมที่ต้องเพิ่มเงินซื้อ
Toyota Fortuner ก็เช่นกัน เพราะพอทำตลาดไปสักพักก็ออกรุ่นพิเศษ Exclusive เพิ่มเข้ามาโดยเพิ่มเงินเพียงเล็กน้อย สิ่งที่เพิ่มเข้ามานั้นเริ่มด้วยสีภายนอกสีขาว White solid และมาพร้อมทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร และดีเซล 3.0 ลิตรเหมือนรุ่นอื่น ๆ
ภายในมาพร้อมการตกแต่งเพิ่มความหรูหราด้วยชุดลายไม้บริเวณคอนโซลกลาง พวงมาลัย คอนโซลเกียร์ และแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าแทนการตกแต่งด้วยพลาสติกสีเงิน และยังมาพร้อมพวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังเจาะรู Perforated
6. ยอดขายดี ราคาถูกกว่ารถอเนกประสงค์พื้นฐานเก๋ง
ในสมัยนั้น รถ PPV เดิมมีการจัดเก็บอัตราภาษีอยู่ที่ 20% ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 25 หรือ 30% ตามการปล่อยมลพิษ เทียบกับรถเก๋งที่มีการจัดเก็บอัตราภาษีอยู่ที่ 30%
Toyota Fortuner จึงสามารถราคาจำหน่ายสามารถทำได้ต่ำกว่าคู่แข่งในตอนนั้นอย่าง Honda CR-V ซึ่งเป็นรถ Crossover SUV ที่ใช้พื้นฐานจากรถเก๋ง และถูกคิดอัตราภาษีในระดับแพงสุดอยู่พอสมควร
และในขณะนั้นยังไม่มีการเข้ามาของคอมแพ็คเอสยูวีอย่าง Honda HR-V หรือสมาชิกร่วมค่ายอย่าง Corolla Cross รวมถึงรถพลังงานไฮบริด รถ PPV จึงเป็นทางเลือกที่ดูน่าสนใจมากที่สุดในสมัยนั้นหากต้องการรถที่มีความอเนกประสงค์ จึงทำให้ Fortuner กวาดยอดขายในประเทศไทยไปอย่างล้นหลาม
อ่านเพิ่มเติม : Toyota Fortuner มีที่มาอย่างไร?
7. ราคาดี ไม่หนีอีโค่คาร์
Toyota Fortuner เจเนอเรชั่นแรกปี 2547 - 2558 จะมีราคามือสองอยู่ระหว่างราคา 3 แสนกลาง ๆ ไปจนถึง 4 แสนนิด ๆ ส่วนรุ่น Exclusive มือสองจะเริ่มต้นที่ 4 แสนบาทขึ้นไป
ซื้อรถ Toyota มือสอง มั่นใจ ได้มาตรฐาน ต้อง CARSOME