2022 Nissan Kicks e-Power (2022 นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์) จ่อเปิดตัวออกสู่ตลาดเมืองไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมการปรับโฉมใหม่หมดจด
หลังจากมีกระแสข่าววิ่งทดสอบสมรรถนะในเมืองไทยอยู่นานหลายเพลาแล้ว ล่าสุด Nissan เตรียมเปิดตัว 2022 Kicks e-Power รุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์อย่างเป็นทางการพร้อมความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถแก้มือและกระตุ้นยอดขายได้ดีกว่าเดิม
ล่าสุด เว็บไซต์ Creative311 ได้เปิดเผยภาพภายนอกและภายในของ 2022 Kicks e-Power ไมเนอร์เชนจ์ออกมาแล้วซึ่งตามรายงานระบุว่าเป็นเดโมคาร์ที่ถูกทดสอบโดยสื่อยานยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์ ไปชมกันว่ามีการปรับเปลี่ยนตรงจุดใดบ้าง
รูปลักษณ์แต่งหน้าทาปาก
2022 Nissan Kicks e-Power ถูกห่อหุ้มพรางสายตาไว้ทั้งคัน หากมองจากด้านหน้าจะเห็นว่าแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังคงใช้เอกลักษณ์กระจังหน้าแบบ V-Motion ที่มีแพทเทิร์นเดิม เช่นเดียวกับไฟหน้า ไฟตัดหมอก และล้ออัลลอยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แต่เมื่อขยับมาดูที่บั้นท้ายจะเห็นว่า Nissan ใส่แถบไฟเชื่อมต่อไฟท้ายซ้ายและขวาเข้าไว้ด้วยกันซึ่งเป็นเทรนด์นิยมและกลายเป็นสูตรสำเร็จของงานดีไซน์ที่ใช้กับรถเอสยูวี-ครอสโอเวอร์ในปัจจุบัน ช่วยให้ตัวรถดูกว้างขึ้นและทันสมัย
ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากมือจับเปิดประตูข้างจะเห็นว่าเป็นสีขาวซึ่งตัดสายตากับสีดำของกระจกมองข้าง นั่นหมายความว่า Kicks e-Power โฉมใหม่จะยังมีสีตัวถังแบบทูโทนให้ลูกค้าได้เลือกสรรเช่นเดิม ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่ที่มองหาความโดดเด่นยิ่งขึ้น
เปิดฝากระโปรงขึ้นมาจะเห็นว่าองค์ประกอบโดยรวมของขุมพลังขับเคลื่อนยังคงเหมือนเดิม เครื่องยนต์ยังคงใช้บล็อกเบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตรซึ่งมีหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ตัวแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า
รายงานข่าวระบุว่า Nissan จะติดตั้งระบบ e-Power เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งใช้อยู่ใน Note และ Note Aura รุ่นใหม่ที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าในญี่ปุ่นจนคว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลังและแรงบิดสูงขึ้น ขณะที่ชุดแบตเตอรี่ก็มีความจุมากขึ้นด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ระบบขับเคลื่อน e-Power รุ่นใหม่ยังมีความประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิม โดยรุ่นปัจจุบัน ข้อมูล Eco-sticker ระบุมีอัตราการประหยัดเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 23.8 กม.ต่อลิตร
สำหรับระบบแป้นเหยียบเดียว e-Pedal ยังได้รับการอัพเกรดใหม่ให้มีการตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติและลดความเร็วลงได้อย่างราบรื่นมากกว่าเดิม
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการปรับปรุงในห้องโดยสารซึ่งเปลี่ยนคอนโซลกลางใหม่ที่มีดีไซน์เฉียบคมและเรียบง่ายมากขึ้น มีการออกแบบที่คล้ายคลึงกับ Note โดยเฉพาะหัวเกียร์แบบคันสวิทช์ที่ดูหรูหราและโมเดิร์นทันตาเห็น
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าส่วนอื่น ๆ ทั้งพวงมาลัย ชุดมาตรวัด และจออินโฟเทนเมนท์ยังคงเหมือนเดิม แต่ต้องเกาะติดกันต่อไปว่าสเปกเมืองไทยจะได้รับการปรับใหม่เพิ่มเติมแค่ไหน
สิ่งที่ต้องจับตาดูอีกประเด็นก็คือราคาจำหน่ายที่ว่ากันว่าจะเคาะ “ถูกลง” โฉมปัจจุบันเริ่มต้นที่ 889,000 – 1,049,000 บาท ส่วนโฉมใหม่จะลดเหลือเริ่มต้น 7 แสนกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งจะดึงดูดลูกค้าได้อย่างแน่นอน แต่จะกวาดยอดขายสู้คู่แข่งได้หรือไม่นั้น ต้องติดตามไปในระยะยาว