Mercedes-Benz ชวนคนใช้รถปลั๊กอินเลิกเติมน้ำมัน รวมรุ่นเบนซ์ที่เสียบชาร์จไฟได้ในปี 2021

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) เริ่มต้นทำตลาดรถยนต์ประเภท Plug-in Hybrid ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2559 และทำยอดขายไปแล้วกว่า 20,000 คัน จึงได้เริ่มโครงการ “Charge to Change” เชียร์ให้คนใช้รถประเภทนี้ หันมาเสียบปลั๊กชาร์จไฟแทน เพราะอะไรกัน?

คนไม่ทราบว่ารถยนต์ของตัวเองชาร์จได้

หลายคนซื้อเบนซ์เพราะความหรูหรา ไม่สนใจสมรรถนะ ดังนั้นจงไม่ได้ติดตามเทคโนโลยีว่ามันสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ มาจากความเคยชินเดิมที่ใช้รถน้ำมันอยู่ เรียกว่าเป็นกลุ่มที่พลาดโอกาสใช้ของดีไปอย่างน่าเสียดาย

คนไม่อยากชาร์จ เพราะน้ำมันสะดวกกว่า

หลายคนที่ทราบแล้วว่ารถเบนซ์แบบปลั๊กอินไฮบริด สามารถเสียบไฟจากภายนอกได้ แต่ก็ไม่ยอมใช้อยู่ดี เพราะว่าขี้เกียจหาจุดชาร์จ และสะดวกเติมน้ำมันตามความเคยชินจากรถที่เคยใช้งานมาก่อน อีกทั้งจากความแพร่หลายของปั๊มน้ำมันที่มีมากกว่าด้วย

เบนซ์แก้ปัญหา แจก 150 จุดชาร์จ

เมอร์เซเดส-เบนซ์แก้ปัญหาคนไม่ยอมชาร์จไฟรถปลั๊กอินไฮบริด ด้วยการนำ Wallbox จุดชาร์จรถไฟฟ้าแก่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 150 กล่อง ไปติดตั้งฟรี ในโรงแรมและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อให้บริการอย่างตรงกลุ่มเป้าหมายที่ชอบเดินทางในเมือง

รถเบนซ์ไฮบริด วิ่งไฟฟ้าล้วนได้นะ

รถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นที่เสียบปลั๊กได้ปัจจุบันมีด้วยกัน 5 รุ่น 5 สไตล์ ซึ่งมีราคาดังนี้

Mercedes-Benz C-class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) 

• C 300 e Avantgarde ราคา 2.599 ล้านบาท

• C 300 e AMG Sport ราคา 2.739 ล้านบาท

• C 300 e AMG Dynamic ราคา 2.999 ล้านบาท

Mercedes-Benz E-class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส) 

• E 300 e Avantgarde ราคา 3.19 ล้านบาท

• E 300 e AMG Dynamic ราคา 3.77 ล้านบาท

Mercedes-Benz S-class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส)

• S 560 e AMG Premium ราคา 6.999 ล้านบาท

Mercedes-Benz GLC-class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี-คลาส)

• GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic ราคา 3.699 ล้านบาท

Mercedes-Benz GLC-class Coupe (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี-คลาส คูเป้)

• GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic ราคา 4.04 ล้านบาท

2021 Mercedes-Benz GLE 350 de (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี) เป็นรถรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในไทย รถเอสยูวีแบบดีเซลปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกของเบนซ์ ขายในราคา 4.699 ล้านบาท

Mercedes-Benz ตั้งเป้าในปี 2030 ต้องมีรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ทั้งแบบไฮบริดและไฟฟ้าล้วน เป็นจำนวนครึ่งนึงของรุ่นที่มีขายทั้งหมด และไม่เกินปี 2039 ตั้งใจขายทุกรุ่นเป็นแบบไฟฟ้าล้วน ซึ่งแสดงให้เห็นความตั้งใจอีกหนึ่งค่ายรถที่จะเปลี่ยนแปลงโลก รับกระแสการ Disrupt เครื่องยนต์สันดาปที่แพร่ไปทั่วโลก