Nissan สัญญา จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 19 รุ่นให้คนทั่วโลกได้ใช้ ภายใน 2030

Nissan (นิสสัน) เริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ในการเติบโต ประกอบกับความต้องการของลูกค้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

พวกเขาจึงอยากที่จะเร่งแผนการขายรถไฟฟ้าให้ไวขึ้นมาอีก และเป็นไปได้จริง ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่อีก 19 รุ่น

แผนการ Nissan Ambition 2030 ถูกประกาศมาตั้งแต่ปี 2021 แต่เดิมมีการวางไว้ว่าจะทำให้รถยนต์ 23 รุ่นใช้ระบบไฟฟ้าช่วย และมี 15 รุ่นเป็นไฟฟ้าเต็มระบบภายในสิ้นทศวรรษนี้

แต่ในการอัพเดตใหม่ ทางค่ายต้องการที่จะนำเสนอรถที่เปลี่ยนไปใช้ระบบไฮบริดและแบตเตอรี่เพื่อให้เข้ากับ "ความต้องการเฉพาะของแต่ละตลาด, ปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของการพัฒนา และการผลิตทั่วโลก”

อ่านเพิ่มเติม Nissan เตรียมตัวทำ Juke, Qashqai และ X-Trail ให้เป็นไฟฟ้า

ตอนนี้ Nissan ต้องการที่จะทำรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ที่ไม่น้อยกว่า 19 รุ่น และอีก 27 รุ่นเป็นการใช้ไฟฟ้าช่วยภายในปีงบประมาณ 2030 

ทางผู้ผลิตวางแผนไว้ว่าจะทำให้รถกว่า 55% ของยอดขายเป็นไฮบริดภายในปีนั้นจากสองแบรนด์คือ Nissan และ Infiniti

ในยุโรป มีการคาดเดาว่ายอดขายของรถยนต์กว่า 98% จะกลายเป็นพลังงานทางเลือกแล้วภายในปี 2026 ส่วนในสหรัฐ เป้าหมายจะอยู่ที่ 40% ภายในสิ้นทศวรรษ

มีจีนพิเศษ 1 รุ่น

ตามข้อมูลของแผนการใหม่นี้ สัดส่วนยอดขายทั่วโลกของบริษัทจะเป็นการผสมกันระหว่างรถพลังงานสะอาด น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 40% ที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้เป็นมากกว่า 44% ภายในปี 2026

แม้ว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในจีนจะเติบโตอย่างมาก แต่ Nissan ก็มีการคาดการณ์ที่ค่อนข้างแตกต่าง เพราะพวกเขาต้องการให้มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 35% ภายในปี 2026 กลับลดลงจาก 40% จากที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม จะมีรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับประเทศจีนโดยเฉพาะเปิดตัวในปี 2024

Nissan เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกร่วมกับ Renault และ Mitsubishi ทั้งสามบริษัทประกาศเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้วว่ากำลังลงทุน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่กว่า 35 รุ่นภายในสิ้นทศวรรษนี้

Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance กล่าวว่า 90% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 35 รายการนี้จะอิงตามแพลตฟอร์มทั่วไป 5 แพลตฟอร์ม ได้แก่ CMF-AEV, KEI-EV, LCV-EV, CMF-EV และ CMF-BEV

ด้วยการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ทั่วไป ทั้งสามแบรนด์หวังว่าจะลดราคาแบตเตอรี่ลง 50% ในปี 2026 และ 65% ภายในปี 2028