เผยเหตุผล Toyota ยังทำตลาด Vellfire ต่อไปถึงแม้ยอดขายจะตกฮวบฮาบ

Toyota Vellfire ได้รับการเผยโฉมเจนเนอเรชั่นใหม่พร้อมกับ Alphard (2023 โตโยต้า อัลฟาร์ด) สร้างความประหลาดใจเล็กน้อยให้แก่ผู้ที่ติดตามข่าวสารในวงการยานยนต์

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า Vellfire ที่มียอดขายไม่สู้ดีมาอย่างยาวนานจะถูกยุติสายการผลิต เพื่อเปิดทางให้แก่แฝดคนละฝาอย่าง Alphard ที่ประสบความสำเร็จกว่ามาก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้แก่ Toyota อีกด้วย

แต่แล้วเมื่อถึงเวลาเปิดตัว ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นก็นำเสนอทั้งสองรุ่นพร้อมกันเพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกจับจองรถเอ็มพีวีพรีเมียมตามความต้องการ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ยังคงทำตลาดทั้งสองโมเดลคืออะไร มาชมกัน

หลายฝ่ายไม่เห็นด้วย

ไซมอน ฮัมฟรีส์ กรรมการบริหารของ Toyota ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่บริษัทฯ วางแผนยุติการจัดจำหน่าย Vellfire เพื่อมุ่งเน้นการทำตลาดไปที่ Alphard ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า แต่การตัดสินใจถูกยกเลิกกลางคัน

“Alphard ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ Vellfire ตอบสนองลูกค้าได้น้อยลง ซึ่งทำให้เรามองหาวิธีแก้ไข นั่นคือการยกเลิกการจำหน่าย” ฮัมฟรีส์ กล่าว “แต่แล้วเมื่อเราแชร์แผนการนี้ต่อดีลเลอร์และฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ พวกเขากลับต่อต้านอย่างหนักถึงแม้เราจะมีตัวเลขที่สมเหตุสมผลก็ตาม”

ฮัมฟรีส์ เปิดเผยว่า บรรดาทีมนักพัฒนา ผู้บริหารบางคน ดีลเลอร์ และที่ปรึกษาล้วนไม่เชื่อว่าจะมีการตัดสินใจยกเลิกการขาย Vellfire

“เราจะทิ้งผลิตภัณฑ์ระดับไอคอนของเราได้อย่างไร” ฮัมฟรีส์ กล่าว

มีรายงานว่าแม้แต่อากิโอะ โตโยดะ ประธานใหญ่ของ Toyota ก็อาจส่งสัญญาณมาว่าบางครั้งต้องเลือกตัดสินใจโดยไม่คำนึงถึงตัวเลขผลประกอบการทางธุรกิจ

ทั้งนี้ ในปี 2017 ยอดขาย Alphard อยู่ที่ 46,399 คัน ขณะที่ Vellfire อยู่ที่ 42,281 คัน แต่พอมาถึงในปี 2021 ยอดขายรุ่นแรกทะยานไปที่ 95,049 คัน ส่วนรุ่นหลังตกฮวบเหลือเพียง 5,000 คันเท่านั้น

ฮัมฟรีส์ กล่าวว่า บริษัทมีการปรับปรุงบุคลิกของตัวรถเจนเนอรชั่นใหม่ โดย Alphard ใหม่มีความมั่นใจและเป็นทางการ ขณะที่ Vellfire มีความดุดันและปราดเปรียวกว่า อีกทั้งยังติดตั้งขุมพลังระดับ 279 แรงม้าซึ่งน่าจะดึงดูดลูกค้าบางกลุ่มให้หันมาสนใจได้อย่างแน่นอน