2023 Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) เวอร์ชั่นปรับโฉม เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการรีเฟรชภาพลักษณ์ของสินค้าให้ทันสมัย และสปอร์ตโดนใจมากขึ้น Honda (ฮอนด้า) ยังได้ปรับให้รถของพวกเขานั้น สามารถเข้าถึงได้โดยผู้บริโภคได้ง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะในรุ่นไฮบริด ที่มีการเปิดตัวเวอร์ชั่นเอสวีเป็นครั้งแรก ด้วยค่าตัวที่น่าสนใจไม่น้อย
จากในอดีตที่ฮอนด้า ซิตี้ เป็นหนึ่งในอีโคคาร์กลุ่มระดับกลางค่อนสูง ที่เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ที่ดุดัน ออพชั่นที่อัดกันมาให้เต็มที่ และแน่นอนว่าราคาก็ทิ้งห่างคู่แข่งไปพอสมควร ล่าสุด ฮอนด้าได้ปรับจุดขายในการทำตลาดใหม่ โดยใช้จุดขายด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่โดดเด่น แต่ใส่ความคุ้มค่าเข้าไปในแต่ละรุ่นย่อย ด้วยออพชั่นที่เรียกว่าโดนใจผู้บริโภคให้ยอมขยับจ่ายแพงได้อีกนิด
การทำตลาดไฮบริดรุ่นเริ่มต้นที่มีค่าตัวถือว่าถูกเมื่อเทียบกับของเล่นที่ได้มาทั้งหมด และการอัดออพชั่นด้านความปลอดภัยให้กับรถทุกรุ่น น่าจะทำให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถอีโคคาร์ในปัจจุบันต้องหันมาพิจารณากันใหม่ เพราะแม้ว่าคู่แข่งหลายรายอาจจะมีราคาค่าตัวที่ถูกกว่า แต่หากเทียบกันตัวต่อตัว ออพชั่นต่อออพชั่นแล้ว ต้องบอกว่าฮอนด้า ซิตี้ ในนาทีนี้ไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ แน่นอน
มีออพชั่นอะไรที่น่าสนใจในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้บ้าง มาชมกัน...
ก่อนหน้านี้ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี คือรถยนต์อีโคคาร์ที่มีราคาจำหน่ายแพงที่สุด ด้วยค่าตัวระดับ 8.39 แสนบาท แม้จะมีออพชั่นที่ครบครัน แต่ก็ถือว่าราคาเกินเอื้อมสำหรับลูกค้าที่อยากได้รถซิตี้คาร์สักคัน แต่ในรุ่นเริ่มต้นใหม่อย่างเอสวี ที่มาพร้อมออพชั่นที่ทัดเทียมกันทั้งหมด ขาดแค่ชุดแต่งแบบอาร์เอส แต่ราคาถูกกว่ากันถึง 7 หมื่นบาทอยู่ที่ 7.69 แสนบาท ซึ่งถือว่าสามารถเข้าถึงลูกค้าที่อยากได้รถไฮบริดได้ง่ายขึ้น และแพงกว่าเทอร์โบตัวท็อปแค่ 2 หมื่นบาทเท่านั้น
ไฮไลท์ของการเปลี่ยนแปลงของฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ คือการเลือกติดตั้งระบบ Honda Sensing ในทุกรุ่นย่อย เริ่มกันตั้งแต่เทอร์โบตัวเริ่มต้น ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัย 6 ระบบหลัก ที่รวมไปถึงระบบที่คนอื่นไม่ค่อยมีกันอย่างระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน พร้อมทั้งเพิ่มระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าออกตัวมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม และแน่นอนว่าในรุ่นไฮบริดนั้น ให้ระบบช่วยติดตามรถคันหน้าที่ความเร็วต่ำมาเพิ่มให้อีกระบบแบบครบ ๆ กันไปเลย
หากไม่เอ่ยถึงเรื่องของระบบความปลอดภัยที่เหมือนจะให้มากันเต็มที่แล้ว ในด้านของสมรรถนะนั้นก็ถือว่าไม่เป็นรองใคร และยังมีทางเลือกทั้่งเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ รวมถึงเครื่องยนต์ไฮบริด อี:เอชอีวี ที่เป็นทางเลือกหัวใจลูกผสมไฟฟ้าเพียงรุ่นเดียวในคลาส ซึ่งเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ ให้การตอบสนองอย่างฉับพลันในทุกย่านความเร็ว และที่สำคัญก็คือการให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีเยี่ยม เรียกว่าถ้าเป็นมนุษย์ขานิ่ง อาจจะเห็น 20 กิโลเมตรต่อลิตรเป็นเรื่องปกติ
จุดขายที่สำคัญก็คือความโออ่าและสะดวกสบายของห้องโดยสารภายใน ได้รับการอัพเกรดไปอีกขั้นกับการเปลี่ยนเบาะโดยสารภายในของรุ่นอาร์เอสเป็นเบาะหนังทั้งตัว จากเดิมที่เป็นเบาะแบบลูกผสม และการตกแต่งห้องโดยสารโทนใหม่ ที่เพิ่มแถบสีแดงแนวสปอร์ตในรุ่นอาร์เอส และการเปลี่ยนสีตกแต่งในรถจากขาวเป็นแดงในรุ่นเอสวี ประกอบกับความใหญ่โตของพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางเท้า ทำให้ฮอนด้า ซิตี้ สามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลาบรูปแบบ
นอกจากจะพัฒนาสินค้าให้มีความน่าสนใจและความคุ้มค่าที่มากขึ้น ฮอนด้าได้ปรับกลยุทธ์ด้านการรับประกันให้ลูกค้ากลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริด ด้วยการขยายระยะเวลารับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบเป็น 5 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง เพียงซื้อ Honda City e:HEV ก่อนเดือนกันยายนนี้เท่านั้น ซึ่งฮอนด้ามั่นใจว่าจะเพิ่มสัดส่วนการขายเครื่องยนต์ไฮบริดจาก 10% ในรุ่นก่อนหน้าให้มาเป็น 20% ในรุ่นนี้ได้อย่างแน่นอน
พร้อมทั้งตัวสินค้าและการดูแล งานนี้ลูกค้าคงตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}