Nissan Teana (นิสสัน เทียน่า) ในไทยและเอเชีย หรือ Nissan Altima ในบางประเทศ แม้จะเป็นรถที่ถือว่าดีงาม กลับต้องเลิกขายไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ในต่างประเทศมันก็ถือว่าเป็นรถที่ขายดีเอามาก ๆ จนเจนเนอเรชั่นที่ 4 ได้มีการไมเนอร์เชนจ์อีกครั้งด้วยหน้าตาใหม่เอี่ยมทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
เราจะพาไปดูกันว่าเขาจะมีอะไรมาให้บ้าง
เริ่มที่จีนก่อน
สำหรับในประเทศจีน จะเป็นภาพหลุดที่ออกมากจากทางกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เผยให้เห็นกระจังหน้าที่ยกเลิกการดีไซน์แบบ V-Motion แต่ก็เพิ่มความหรูหราด้วยเส้นโครเมี่ยมแนวนอนตัดกับสีดำ
ไฟหน้าเองยังเป็นทรงเดิม แต่เปลี่ยนรายละเอียดโคมภายใน พร้อมกันชนหน้าดีไซน์ใหม่เสริมด้วยเส้นโครเมี่ยม เอาไฟตัดหมอกออก แล้วติดช่องดักลมแนวตั้งแทน
อ่านเพิ่มเติม แอบถ่าย 2023 Nissan Teana โฉมไมเนอร์เชนจ์ ถูกใจวัยรุ่นจีน
ด้านท้ายมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเยอะมาก ทั้งโคมไฟท้ายใหม่ดูทันสมัยมากขึ้น พร้อม LED Light Guiding แปะ โลโก้ ALTIMA ระหว่างไฟท้ายทั้งสอง
ปรับดีไซน์กันชนท้ายเสริมด้วยเส้นโครเมียมท่อไอเสียแบน 2 ข้าง โดยรวมทำให้รถดูดุดันมากขึ้น
สำหรับภายในนั้นยังไม่มีภาพที่ชัดเจนเผยออกมาให้เห็น แต่จากภาพแอบถ่ายที่หลุดมาก่อนหน้าของ 2023 Nissan Teana ก็เผยให้เห็นระบบ Infotainment ที่ใหญ่และกว้างกว่าเดิมป็นทรงสี่เหลี่ยม
ดูเหมือนว่าจะมีการเลิกใช้ปุ่มกดกลายเป็นแถบสัมผัสเพียงแถวเดียว คุณสมบัติอื่น ๆ บนแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางนั้นมีความโค้งมนน้อยลงเช่นกัน
ส่วนพวงมาลัย, หน้าปัด และคันเกียร์จะยังคงเหมือนเดิมเนื่องจากเป็นเพียงการไมเนอร์เชนจ์เท่านั้น
เครื่องยนต์ยังไม่เปิดเผย
สำหรับในประเทศจีนปัจจุบัน สามารถเลือกได้ 2 เครื่องยนต์คือ
2.0 VC-Turbo เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตรกำลัง 248 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ XtronicCVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
2.5 Direct Injection e-VTC เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร พร้อม e-VTC ฝั่งไอดี และ EGR กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 244 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ Xtronic CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive
อเมริกาก็ไม่น้อยหน้า
สำหรับ Teana ในสหรัฐ จะมีการใช้ชื่อเป็น Altima แทน ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนหน้าตามาเช่นกัน และแตกต่างจากเวอร์ชั่นจีนเล็กน้อย
ในด้านการออกแบบ เห็นได้ชัดว่าจะตัดกระจังหน้าแบบ V-Motion ไปเหมือนกัน แต่ก็มาพร้อมกับกระจังหน้าสีดำที่มีขนาดใหญ่กว่าและยาวมาจนถึงกันชนล่าง ขนาบข้างด้วยเส้นสีดำเงาและสีเงินที่ก็ยังสามารถมองเป็นตัว V ได้
มีการตัดไฟตัดหมอกออกเหลือไว้เพียงช่องดักลมขนาดใหญ่สีดำ
อ่านเพิ่มเติม Nissan ระบุหยุดทำตลาด 3 รุ่นเหตุขายน้อย
ด้านท้ายจะยังใช้ไฟแบบเดิม ไม่ใช่แบบในประเทศจีน พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในตัวท็อป และ 17 นิ้วในตัวล่าง
สังเกตุได้ว่าจะไม่มีการแปะคำว่า ALTIMA ไว้ และได้เป็นดิฟฟิวเซอร์สีดำแทน มาพร้อมสีตัวถังใหม่ 2 คือ Gray Sky Pearl และ Garnett Pearl Metallic และสามารถเพิ่ม moonroof ได้
ภายในต่างกัน
สำหรับภายใน Altima ก็จะได้เป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 จาก Nissan Armada แทนที่ตัว 8 นิ้วเดิม มาพร้อมกับ Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto , Nissan’s Door-to-Door Navigation, และ NissanConnect
แต่หากลองสังเกตุที่หน้าจอดูดี ๆ ใน Altima จะมีการนำปุ่มไปไว้ที่ด้านซ้าย และมีปุ่มปรับเสียงและอื่น ๆ มาให้ ต่างจากจีนที่จะเป็นระบบสัมผัสเต็มจอ
และดูท่าทางช่องแอร์กลาง Altima จะดูใหญ่กว่า แต่ไม่มีการล้อมกรอบด้วยสีดำเปียโนแบล็ค
ออพชั่นภายในเพียบ
Nissan Altima นั้นจะมีรุ่นให้เลือกคือ S, SV, SR, SL, และ SR VC-Turbo FWD ที่จะาพร้อมระบบขับหน้า แต่ในรุ่น SV, SR, และ SL สามารถเลือก Intelligent AWD ได้
ออพชั่นที่มีให้ภายในต้องบอกว่าจัดเต็มเป็นอย่างมาก ทั้ง
- มาตรวัดขนาด 7 นิ้ว
- เบาะ Zero Gravity
- เบาะคนชับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- แท่นชาร์จไร้สาย
- WiFi hotspot
- ลำโพง 9 ตัวจาก Bose
- Active Noise Cancellation
- Amazon Alexa
ระบบความปลอดภัย Safety Shield 360 ที่ประกอบไปด้วยระบบ ADAS ต่าง ๆ ก็มีมาให้ตั้งแต่รุ่นล่าง ส่วน ProPILOT Assist และกล้องรอบคันจะมีให้ในรุ่นบน ๆ เท่านั้น
เครื่องคล้ายกัน
ในด้านเครื่องยนต์ก็เลือกได้ระหว่างเครื่อง 2.5 ลิตร 4 สูบให้กำลัง 188 แรงม้า แรงบิด 244 นิวตันเมตรในรุ่นขับหน้า หากเป็นรุ่นขับสี่ จะเป็น 182 แรงม้า แรงบิด 241 นิวตันเมตร
และมีเครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบสำหรับรุ่น SR VC-Turbo FWD ที่ให้กำลัง 248 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร
ทั้ง 2 เครื่องจะจับคู่กับเกียร์ Xtronic CVT และช่วงล่างอิสระ ส่วนในรุ่น SR ขึ้นไปจะมี Paddle Shift กับช่วงล่างที่สปอร์ตกว่ามาให้
2 แบบ 2 สไตล์
เท่าที่ดูแล้วจะเห็นได้ว่า ทั้ง Teana และ Altima จะมีการออกแบบที่แตกต่างกัน โดย Teana จะเน้นความหรูหราตามแบบฉบับของชาวจีนมากกว่า
ส่วน Altima ก็จะเน้นความสปอร์ตและออพชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า ภายในดูใช้งานง่ายกว่าด้วยปุ่มต่าง ๆ แต่ทั้งคู่ก็ยังใช้เครื่องคล้าย ๆ กัน
ซึ่ง Nissan Altima จะมีการวางขายก่อนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนทางฝั่งจีนต้องรอดูอีกครั้งเพราะยังเป็นเพียงภาพหลุดเท่านั้น
ส่วนไทยก็อดอีกตามเคย ซื้อ Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) ไปก่อนนะครับ