เปิดตัวออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน แถมยังใช้เครื่องยนต์ขนาดเท่ากันด้วย Honda City และ Nissan Almera ทำให้ตลาดรถเก๋งเล็กมีความคึกคักต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้วยาวมาจนถึงปีนี้

ทั้งสองค่ายยักษ์ใหญ่จากแดนอาทิตย์อุทัยเลือกใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร เทอร์โบเหมือนกัน แต่ที่น่าสนใจก็คือราคาจำหน่ายที่ต่างกันพอสมควร โดย Almera ใหม่มี 5 รุ่นย่อย ราคาจำหน่ายระหว่าง 4.99 – 6.39 แสนบาท ส่วน City ใหม่มี 4 รุ่นย่อย เคาะเริ่มที่ 5.79 ไปจนถึง 7.39 แสนบาท

เราขอนำสเปกของตัวท็อป City RS vs Almera VL CVT มาเทียบกันดูว่ารุ่นไหนจัดเต็มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากกว่ากัน ไปชมกันเลย

มิติตัวถัง

Honda City มีขนาดตัวถังใหญ่กว่าในทุกมิติ ยกเว้นระยะฐานล้อที่ Almera มีความกว้างมากกว่าซึ่งส่งผลถึงพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารที่รถซับคอมแพ็กต์ของ Nissan มีความโอ่โถงสะดวกสบายมากกว่าเล็กน้อย

ระบบขับเคลื่อน

จากสเปกชีทจะเห็นว่า City มีพละกำลังมากกว่า Almera ทั้งแรงม้าและแรงบิด ถึงแม้สมรรถนะการขับขี่จะไม่แตกต่างกันจนเห็นได้ชัดเจนในการใช้งานชีวิตประจำวัน แต่อัตราเร่งของ City ก็ถือว่าคล่องแคล่วปราดเปรียวเหนือกว่าอยู่เล็กน้อยโดยเฉพาะ

แรงบิดที่มากกว่าและมาที่รอบต่ำกว่าของ City ช่วยให้เก๋งเล็กรุ่นใหม่ของ Honda ออกตัวได้ดีกว่า และยังมีอัตราเร่งแซงในช่วงความเร็วปานกลางที่ดี แต่ Almera ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ในด้านสมรรถนะการขับขี่ เพราะถือว่าดีกว่าเจนเนอเรชั่นเดิมอย่างชัดเจน

รูปลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

รูปลักษณ์ของ 2020 City RS ถือว่าสวยงามโดดเด่น ถูกใจคนรุ่นใหม่อย่างแน่นอน มาพร้อมไฟหน้า LED มีระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ ไฟเดย์ไลท์และไฟท้าย LED  กระจังหน้าสีดำเงา กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS สปอยเลอร์หลังแบบดำเงา มือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต มีฟังก์ชั่นพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว เสาอากาศครีบฉลาม ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสี วัสดหนังกลับ ผ้า และหนังสังเคราะห์ผสมผสานกัน ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยเปียโนแบล็ก

หน้าตาของ Almera VL CVT สปอร์ตและสง่างามไม่แพ้กัน กระจังหน้าเป็นแบบโครเมียมรมดำ ไฟหน้าแบบ LED Signature Light ไฟเลี้ยวบนกระจกมองข้างพร้อมฟังก์ชั่นปรับและพับด้วยไฟฟ้า ไฟตัดหมอกคู่หน้า แบบ LED ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 195/65 R15 เสาอากาศแบบฝังบนกระจกบังลมหลัง มือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ

ภายในตกแต่งด้วยหนังทั้งหัวเกียร์ พวงมาลัย ที่วางแขนและแผงประตู  มือเปิดประตูภายในห้องโดยสาร แบบโครเมียม

ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกของ Honda City RS มีดังนี้

- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ  

- กุญแจรีโมทพร้อมสวิตช์เปิดฝากระโปรงท้าย

- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ

- ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)

- ระบบ Idle Stop พร้อมสวิตช์ เปิด-ปิด 

- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

- หน้าจอแสดงข้Œอมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง   

- ช่องจ่ายไฟสำรองด้านหน้า 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

- ระบบเครื่องเสียงวิทยุหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์

- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth

- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์   

- รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน

- รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

- ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง

- จำนวนลำโพง 8 ตำแหน่ง 

- ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT

 ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกของ Almera VL CVT มีดังนี้

- ชุดมาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว

- สวิตช์ควบคุมหน้าจอ MID บนพวงมาลัย

- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ

- หน้าจอเครื่องเสียง ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว

- กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Around View Monitor

- ระบบตรวจจับวัตถุและบุคคลรอบคัน MOD

- ช่องเชื่อมต่อ-ชาร์จไฟ USB 2 ตำแหน่งทั้งตอนหน้าและตอนหลัง

- ช่องเชื่อมต่อ AUX

- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

- ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry

- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button

- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth

- ลำโพง 6 ตำแหน่ง

- ระบบ Nissan CONNECT รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายพื้นฐานครบครันสูสีกันและรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบาย ๆ แต่ถ้าลงรายละเอียดจะพบว่า City RS ซึ่งมีราคาสูงกว่า 1 แสนบาทถ้วนมีอ็อปชั่นเพิ่มเติมเข้ามาอย่างลำโพงที่มีจำนวนมากกว่า มีระบบสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงระบบ idle stop

ระบบความปลอดภัย

ระบบความปลอดภัยของ Honda City RS มีดังนี้

- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง คู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง

- ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD) 

- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)     

- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)

- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)

- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ

- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง

- เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง

- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)

 ระบบความปลอดภัยของ Almera VL CVT มีดังนี้

- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย

- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS กระจายแรงเบรก EBD และเสริมแรงเบรก BA

- ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC

- ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA

- ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW

- ระบบเบรกอัตโนมัติ ทั้งบุคคล และ ยานยนต์ IEB

- ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Warning

- ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA

- เข็มขัดนิรภัยผู้ขับขี่แบบผ่อนแรงและดึงกลับอัตโนมัติ

- เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ

- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX

- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

- กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Around View Monitor

แม้จะเป็นรองเรื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวก แต่ Almera VL CVT เหนือกว่าด้วยระบบความปลอดภัย มีทั้ง ระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง ซึ่งฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่เหล่านี้อาจต้องรอ City รุ่นไมเนอร์เชนจ์จึงจะได้ใช้งานกันแต่ราคาจำหน่ายก็อาจปรับสูงขึ้นอีก

สรุป

ด้วยราคาที่ห่างกันถึง 1 แสนบาท ลูกค้าที่มองหารถซีดานขนาดเล็กและมีงบประมาณจำกัดราว 6 แสนบาทสามารถตัดสินใจได้ง่าย เนื่องจากขุมพลังขับเคลื่อนและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ไม่ต่างกันมากนัก ทำให้  Almera รุ่น VL CVT มีความคุ้มค่ามากกว่าอย่างชัดเจน

แต่แน่นอนว่าสาวกแบรนด์ Honda ที่ต้องการความโดดเด่นแบบสปอร์ตเหนือกว่าใคร City รุ่น RS ย่อมตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี หรือจะขยับลงไปคบหากับรุ่น City SV ราคา 665,000 บาทก็ไม่น่าเกลียดแต่อย่างใด แม้อ็อปชั่นจะถูกลดทอนลงไปตามลำดับก็ตาม