แม้ว่าในประเทศไทย Mazda (มาสด้า) จะยังทำกระบะขายอยู่ในปัจจุบัน แต่สำหรับในตลาดสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้เลิกขายมา 10 ปีกว่าแล้ว
Mazda เคยขายกระบะ B-Series ในตลาดสหรัฐตั้งแต่ปี 1961 จนถึง 2009 แม้ช่วงหลัง ๆ จะเป็นการนำกระบะ Ford (ฟอร์ด) มาแปะป้ายขาย แต่มันก็มีอยู่รุ่นหนึ่งที่แปลกไปจากคนอื่น
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้าอย่างหนึ่งก็คือ เครื่องยนต์ลูกสูบหมุน หรือโรตารี่ที่เรารู้จักกัน ใช้ลูกสูบแบบหมุนแทนการใช้งานลูกสูบแบบเลื่อนขึ้นลง จุดเด่นก็คือ มีขนาดเล็ก, น้ำหนักเบา, อาการสั่นน้อย เมื่อเทียบกับแรงม้าที่ทำได้
เรามักจะรู้จักเครื่องโรตารี่กันดีในรถสปอร์ตตระกูล RX ของ Mazda แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้นำมันมาใส่ในรถกระบะเช่นกันในปี 1974
อ่านเพิ่มเติม GMC Syclone จรวดทางเรียบ ที่เคยทำ Ferrari หน้าซีดมาแล้ว
1974 Mazda B-Series
เมื่อมาสด้ากำลังจับมือเป็นพันธมิตรกับฟอร์ดในปี 1970 เพื่อผลิตกระบะ Ford Courier ที่มีพื้นฐานเดียวกันกับ Mazda B-Series ในขณะนั้น พวกเขาอยากทำการผลิตกระบะขึ้นมาเองด้วยการนำเครื่องโรตารี่จาก RX-4 มาใส่
จึงเกิดเป็น Mazda Rotary Engine Pickup (REPU) ในปี 1974 ในฐานะกระบะรุ่นเดียวในโลกจนถึงปัจจุบันที่มีการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ แต่จะมีการวางขายในตลาดอเมริกาเหนือและแคนาดาเท่านั้น ไม่ขายญี่ปุ่น
ราคาช่วงนั้นอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 116,000 บาท) แต่หากคำนวนเป็นค่าเงินปัจจุบัน จะอยู่ที่ 20,100 ดอลลาร์ (หรือ 669,000 บาท)
เมื่อเทียบกับกระบะมาสด้าอื่น ๆ ในขณะนั้น มันมีการตกแต่งภายนอกที่ต่างออกไปที่ซุ้มล้อ, กระจังหน้า และไฟท้ายทรงกลม 4 ดวง
รวมถึงภายในที่แตกต่างกัน และมีการวางแบตเตอรี่ไว้ใต้กระบะ
มิติตัวถัง |
ยาว |
4,394 มม. |
กว้าง |
1,701 มม. |
สูง |
1,549 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,641 มม. |
น้ำหนัก |
1,281 กก. |
110 แรงม้า
ให้กำลังโดยเครื่องยนต์รหัส 13B ความจุ 1.3 ลิตร 4 พอต ให้กำลัง 110 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 158 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที
ใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วงล่างหน้าแบบวิชโบน หลังแหนบ Leaf Spring แม้มันจะไม่ได้เร็วมาก แต่ก็สามารถเร่งได้จาก 0-96 กม./ชม.ได้ภายใน 11 วินาที
ยังมีการไปลงแข่งใน 1976 Mojave 24 Hour Rally และคว้าที่ 3 กลับมาด้วย
ขายได้แค่ 15,000 คัน
น่าเสียดายที่ว่ามันถูกขายได้เพียงประมาณ 15,000 คันเท่านั้น ก่อนจะเลิกขายไปในปี 1977 ซึ่งหนึ่งในสาเหตุก็มาจากวิกฤติด้านพลังงานทำให้ยอดขายลดลงเรื่อย ๆ และรถคันนี้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่มากถึง 7 กม./ลิตร
ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่นกัน ถึงแม้เครื่องยนต์โรตารี่นั้นจะมีการตอบสนองที่ดีและให้การขับขี่ที่สนุก แต่มันก็มีข้อเสีย
หนึ่งในนั้นคือเครื่องยนต์โรตารี่ จะให้กำลังที่น้อยในรอบต่ำ นั้นหมายความว่ามันจะเป็นการยากลำบากมาก ๆ ที่จะทำการลากจูงของ หรือขนของที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวรถ
และปัญหาเรื่องซีลที่รู้จักกันดี ว่ามันจะมีการเสื่อมสภาพเมื่อขับไปได้หลายกิโล ดังนั้นเครื่องยนต์จะต้องได้รับการซ่อมหรือโอเวอร์ฮอลใหม่เพื่อให้วิ่งได้ดีเหมือนเดิม นี่เป็นปัญหาโดยเฉพาะในรถกระบะที่ความทนทานเป็นกุญแจสำคัญ
อ่านเพิ่มเติม ทำไมอเมริกาไม่มี Mitsubishi Triton ขาย?
แม้มันอาจจะไม่ใช่รถที่มีความพิเศษอะไรมากมาย แต่ในช่วงนั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นรถที่ค่อนข้างทนทานและมีน้ำหนักเบา แถมยังขับสนุก
จนในปัจจุบันยังเป็นที่ตามหาของคนรักรถในอเมริกา สำหรับในบ้านเราหากอยากได้ทรงแบบนี้บ้าง คงต้องหันไปเล่นเป็น Mazda Familia หรือซื้อใหม่ไปเป็น Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ไปแทนนะครับ