2023 Mazda BT-50 ชุดแต่งออฟโรด มาสด้า บีที-50
- ชุดแต่งออฟโรดสำหรับ Mazda BT-50
- เพิ่มทั้งความดุดันและสมรรถนะในการขับขี่
- เสียดายที่มีแค่ในออสเตรเลียเท่านั้น
หลังจากเปิดตัว Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ในตลาดออสเตรเลียตั้งแต่ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา และยังไม่ได้มีการปรับโฉมอะไรอย่างเป็นทางการ แต่ Mazda (มาสด้า) ในออสเตรเลีย ได้ตัดสินใจทำการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการรถกระบะสำหรับการใช้งาน โดยเน้นหนักไปที่การใช้งานบนเส้นทางออฟโรดสำหรับรุ่นท๊อปที่ทำตลาดอยู่เท่านั้น
โดยชุดแต่งของมาสด้า บีที-50 จะสามารถเลือกติดตั้งกับเกรดสูงสุดของรถที่ทำตลาดอยู่อย่าง SP และ Thunder ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปที่มาพร้อมอุปกรณ์และระบบความช่วยเหลือด้านการขับขี่แบบครบครัน และเติมเข้ามาใส่ส่วนของช่วงล่างแบบออฟโรด อุปกรณ์ด้านการใช้งานในการขับขี่บนเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นออพชั่้นจากแบรนด์ดังที่ทำให้กับรถปิกอัพอยู่แล้ว
แนวคิดในการออกแบบชุดแต่งนี้ก็คือการเพิ่มทางเลือกที่สปอร์ตและเหมาะสมกับการใช้งานที่เหนือกว่า โดยลูกค้าไม่จำเป็นที่จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ให้มา และสามารถเลือกได้ตามความต้องการเท่านั้น ซึ่งสนนราคาก็จะแพงขึ้นไปตามการเลือกอุปกรณ์ที่ใช้งาน ว่าจะเน้นแค่ภายนอก เพิ่มออพชั่นหรือมีไปยันเปลี่ยนช่วงล่างกันให้เป็นปิกอัพขาลุยกันทั้งระบบ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เห็นแบบนี้แล้ว ดีลเลอร์มาสด้าในไทยน่าจะเอาเข้ามาทำเพื่อสร้างความแตกต่างบ้างนะ...
enhancement pack สำหรับรุ่น SP เพิ่มความดุดัน
มาสด้าทำการติดตั้งช่วงล่างไนโตรชาร์จเจอร์เป็นครั้งแรกสำหรับรถรุ่นนี้ พร้อมการอัพเกรดสปริงและโช๊คอัพแบบท่อคู่ พร้อมการปรับเพิ่มความสูงของช่วงล่างรถขึ้นมาเล็กน้อย ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการนำเสนอล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสำหรับแทร็คที่มีขนาดกว้าง ติดตั้งไลท์บาร์บนกระจังหน้า ที่สามารถส่องสว่างได้ระยะทางถึง 569 เมตร พร้อมด้วยโลโก้ SP Pro ที่ด้านท้ายของฝากระโปรง
หรือจะไป Thunder Pro pack ให้สุดทางไปเลย
ถ้ารุ่นเริ่มต้นยังไม่สุดพอ ลูกค้าตัวท็อปอย่างธันเดอร์สามารถเลือกติดตั้งชุดแต่งโปรที่ดุดันกว่า โดยอุปกรณ์ทั้งหมดจะติดตั้งบนพื้นฐานของรถเดิม โดยผ่านข้อกำหนดด้านการออกแบบทั้งหมด ไฮไลท์อยู่ที่ช่วงล่างใหม่ของ Old Man Emu BP-51 ที่รองรับน้ำหนักโหลดระดับกลาง พร้อมวาล์วไนโตรเจนที่ปรับได้ตามการใช้งาน มาพร้อมสนอร์เกิล ไฟแอลอีดีทรงกลมขนาดใหญ่ ทำงานร่วมกับไลท์บาร์ ให้การส่องสว่างมากกว่า 1.1 กิโลเมตร
ค่าตัวชุดแต่งไม่ธรรมดา แต่เศรษฐีก็คงจ่ายไหว
มาสด้าบอกว่ารถที่ติดตั้งชุดแต่งเหล่านี้จะมีสมรรถนะในการขับขี่ที่โดดเด่นขึ้นกว่าเดิม และแน่นอนว่ามันก็ต้องมีราคาจำหน่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย โดยชุดแต่งสำหรับรุ่น SP นั้น จะมาพร้อมค่าตัวระดับ 7,668 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 1.8 แสนบาท) และชุดแต่งรุ่นธันเดอร์จะแพงกว่าที่ 9,046 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2.1 แสนบาท) แม้จะสนนราคาแพงอยู่ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะเมื่อเทียบกับสมรรถนะของรถที่ได้เพิ่มมา
ไม่รู้ว่ามาสด้า ประเทศไทย คิดจะทำอะไรแบบนี้ออกมาบ้างไหมนะ..
Pisan
หัวหน้าทีมบรรณาธิการ
Head of Content ของ AutoFun Thailand ผู้ใช้ชีวิตกับรถมาตั้งแต่สมัยใส่ขาสั้นไปโรงเรียน ทุกวันนี้รถติดบนถนนมากกว่าวันละ 2-3 ชั่วโมง ที่้บ้านใช้งานรถหลายแบบ ตั้งแต่อีโคคาร์ เอ็มพีวีไปยันปิกอัพ อยู่ในวงการมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำมาแล้วทุกอย่างทั้งงานเปิดตัว ทดสอบรถ ผ่านการอบรมการขับขี่ตั้งแต่คอร์สเริ่มต้นไปจนแอดวานซ์จากค่ายรถมากมายทั้งในและต่างประเทศ ยังเชื่อว่ารถทุกคันทำมาสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม ถ้ามันไม่เหมาะกับคุณ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ดีสักหน่อยนะ...
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });