1st Impression 2021 Mercedes-Benz E300 e AMG Dynamic เพิ่มของเล่นท้าชน 5-Series และ A6

สมรภูมิรถยนต์นั่งหรูหราระดับกลางเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่ออดีตเจ้าตลาดขาใหญ่อย่าง Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) สั่งอัพเกรดอุปกรณ์มากมายให้กับ Mercedes-Benz E-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส) เรือธงตลอดกาลของพวกเขาในช่วงที่ผ่านมา

นอกเหนือจากจะเป็นการอัพเกรดรูปลักษณ์หน้าตาให้มีความพรีเมียมหรูหราขึ้น พวกเขาได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมหลายประการ รวมถึงปรับของเล่นและระบบต่าง ๆ มากมายในรถยนต์ โดยเฉพาะในรุ่นท็อปอย่าง 300 e AMG Dynamic เจ้าของค่าตัว 3.77 ล้านบาท

นอกเหนือจากการปรับตัวสินค้าตัวเองให้ดูสดใหม่ เป้าหมายของการอัพเกรดยกเครื่องของพวกเขาในครั้งนี้ ก็คือการประมือกับคู่แข่งในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น BMW 5-Series (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์-5) หรือแม้แต่ Audi A6 (อาวดี้ เอ6) ที่เปิดตัวรุ่นใหม่ไปก่อนหน้านั้นไม่นาน

AutoFun Thailand ติดสอยร่วมทริปการทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ของค่ายตราดาวเป็นครั้งแรก พร้อมกับรับมอบกุญแจรถรุ่นท็อปมาทำการทดลองตลอดเส้นทางกทม.-พัทยา โดยได้มีโอกาสลองกันแบบยาว ๆ ทำให้พอจะจับได้ว่ารถรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมาแล้วหลายจุด

แต่เอาไว้ขอยืมมาขับกันละเอียด ๆ ค่อยว่ากันอีกสักรอบ งวดนี้จะพาไปลองกันแบบสนุก ๆ เล่าความรู้สึกให้ฟังว่ารถที่ปรับปรุงมาใหม่นี้ มีอะไรที่โดดเด่นและแตกต่างบ้าง และมันจะน่าสนใจพอที่จะดึงดูดผู้บริโภค ให้กลับมาเลือกพวกเขาได้หรือไม่ในอนาคต!!!

ราคาจำหน่ายที่หายไป และของที่เพิ่ม-ลดจากรุ่นเดิม

แน่นอนว่าเรารู้แล้วว่าราคาจำหน่ายของรถคันนี้อยู่ที่ 3.77 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับโฉมเก่าอย่าง Mercedes-Benz E350 e AMG Dynamic แล้ว ค่าตัวของรถนั้นถูกลงไปถึง 4.2 แสนบาท ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนคงมีคำถามว่า เมื่อราคาเปลี่ยนไป มีอะไรหายหรือเพิ่มขึ้นมาบ้าง

สิ่งที่ตัดออกไปอย่างแน่นอนก็คือระบบช่วงล่างแบบถุงลม AIRMATIC ที่เคยทำให้รถมีอาการนุ่ม ๆ ย้วย ๆ แบบที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยชอบ ซึ่งก็อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้ตัวรถมีฟีลการตอบสนองที่กระฉับฉับไวมากขึ้น แต่เมื่อผ่านทางขรุขระก็กระดอนมากกว่าชัดเจน

ขณะที่พละกำลังของเครื่องยนต์ รวมไปถึงแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ทำให้รถมีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางที่ไกลกว่าเดิม รวมไปถึงมีการติดตั้งระบบ MULTIBEAM LED รุ่นใหม่ ที่ส่องสว่างได้ไกลกว่าเดิมขึ้นมาอย่างครบครัน

รูปลักษณ์ภายนอกสะอาดตาเน้นพรีเมียม

การปรับเปลี่ยนทางด้านรูปลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส รุ่นนี้ โดยส่วนตัวนั้นมองว่าเบนซ์เองพยายามที่จะทำให้รถดูมีภาพลักษณ์แบบหรูหราพรีเมียมเหนือกว่าคู่แข่ง และตัดภาพของความสปอร์ตออกไปค่อนข้างมาก ซึ่งก็ดูลงตัวกับอี-คลาสมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

การใช้เส้นสายแนวโค้งมนในปรับและออกแบบรถเกือบทั้งคัน ไล่ไปตั้งแต่กรอบโคมไฟหน้าที่ลดความเฉียบคมของลายเส้นลงไป กระจังหน้าที่ออกแบบป่อง ๆ สอดรับกับฝากระโปรง พื้นที่ด้านข้างของรถที่เหมือนว่าเส้นคาดด้านข้างจะดูบาง ๆ ลงไปก็เช่นเดียวกัน

ชุดไฟท้ายที่ออกแบบมาใหม่ในรูปแบบของแนวนอนนั้น ก็เหมือนโดนตีโป่งออกมาเล็กน้อย ชุดแต่งเอเอ็มจีและลายของล้อที่ให้มาก็ไม่ได้ออกแนวสปอร์ตหวือหวา มีพาโนรามิกซันรูฟติดตั้งมาให้เรียบร้อย ขณะที่การควบคุมทุกอย่างเป็นหน้าที่ของระบบไฟฟ้าทั้งคัน

ห้องโดยสารภายในเพิ่มอุปกรณ์และความพรีเมียม

สิ่งที่สวยที่สุดในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ในความรู้สึกของผมเอง ก็คือพวงมาลัยสำหรับรุ่นท็อป ซึ่งออกแบบมาใหม่ เน้นวัสดุสีดำมัน มาใช้งานกับระบบมัลติฟังชั่นส์ ที่แยกแถวของระบบควบคุมแบบสัมผัสออกจากกันเป็น 2 แถวอย่างชัดเจน

ภายในมาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ซึ่งผู้โดยสารตอนหลังสามารถควบคุมอุณหภูมิของตัวเองได้ หน้าจอด้านหน้าเป็นหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วต่อกันเหมือนรถตราดาวรุ่นใหม่ ๆ ที่รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายรูปแบบ ด้วยพอร์ตแบบยูเอสบี-ซี เท่านั้น

ในรุ่นท็อปนั้นจะมีฟังชั่นส์ในห้องโดยสารที่แตกต่างจากรุ่นย่อยอีก 2 รุ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงผลข้อมูลบนกระจกบังลม ระบบเสียงพิเศษจาก Burmester พวงมาลัยแบบท้ายตัด ชุดแป้นคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต แต่ที่เด่นจริงก็พวงมาลัยสุดสวยนั่นล่ะครับท่าน

เครื่องยนต์ใหม่ที่แรงและวิ่งด้วยไฟไกลกว่าเดิม

การทำงานของเครื่องยนต์ลูกผสมระหว่างเบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า ยังเป็นจุดเด่นของรถยนต์หรูหราเหล่านี้ และอี300 อี ก็มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,991 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,200 – 4,000 รอบต่อนาที 

ทางค่ายตราดาวมีการเปลี่ยนการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าลูกใหม่ ซึ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร เมื่อรวมพลังทั้งระบบ จะให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรเลยทีเดียว

เมื่อเทียบกับอี350 อี รุ่นเก่า ก็จะพบว่าระบบเครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้ให้สมรรถนะที่เหนือกว่า โดยให้กำลังรวมเพิ่มขึ้น 41 แรงม้า ให้แรงบิดรวมเพิ่มขึ้น 100 นิวตันเมตร และเลือกใช้แบตเตอรี่ความจุ 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มขึ้นมา 7.1  กิโลวัตต์ชั่วโมง และยังส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ลงสู่ล้อหลังเหมือนเดิม

ด้วยสเปกที่ว่ามานี้ ทำให้อี-คลาสใหม่นั้น แรงขึ้นกว่าเดิม โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5.7 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมยังคุยอีกว่า แบตเตอรี่ลูกใหม่นี้ ช่วยยืดระยะเวลาในการวิ่งด้วยไฟฟ้าออกไปเป็นมากกว่า 50 กิโลเมตรเลยทีเดียว

ซึ่งจากการขับทดสอบนั้น ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เจ้าอี-คลาสใหม่หัวใจไฮบริดนั้น มีความกระฉับกระเฉงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การออกตัวนั้นปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาในระดับหนึ่ง แถมยังเร่งความเร็วได้อย่างว่องไวปราดเปรียว แถมยังมีการควบคุมที่แม่นยำบนท้องถนนอีกด้วย

ระบบความปลอดภัย-ระบบช่วยเหลือที่ครบครัน

หากไม่นับระบบกล้อง 360 องศาที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่นท็อปมากกว่าอีก 2 รุ่นย่อยที่ให้มาแค่กล้องถอยหลังแล้ว ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่อื่น ๆ นั้นถือว่ามีเท่าเทียมกันหมด จนน่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าหันไปเลือกซื้อรุ่นกลางหรือล่างแทนก็ได้

ตัวรถนั้นมาพร้อมระบบที่ได้รับการอัพเดตขึ้น อาทิ ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติที่อัพเดตให้สามารถนำรถเข้าจอดในช่องได้เพียงแค่มีเส้นตีกะระยะเอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมที่จะต้องมีวัตถุเป็นตัวกะระยะ ซึ่งเอาไว้ให้สาว ๆ จอดในช่องจอดได้อย่างง่ายดาย

ระบบกล้อง 360 องศาของรุ่นท็อปนั้น สว่าง ชัดเจน และให้รายละเอียดในการใช้งานที่ครบถ้วนสมบูรณ์แม้แต่ในยามกลางคืน ก็ยังสว่างชัดเจนอยู่ ขณะที่ความปลอดภัยอื่น ๆ อาทิ ถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบเตือนรถในจุดบอด ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรกก็ให้มาครบ

ขับมาแล้วรู้สึกว่าเปลี่ยนไปมากไหม

เอาจริง ๆ ถ้าจำตัว Mercedes-Benz E350 e รุ่นเก่ากันได้ ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันจนถึงขั้นร้องว้าว เพราะสมรรถนะของรถเอง การตอบสนองด้านการขับขี่และความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ให้มาก็ถือเป็นมาตรฐานของอี-คลาส ที่ส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่นอยู่แล้วแบบไม่ขาดตกบกพร่อง

ช่วงล่างที่เปลี่ยนเอาช่วงล่างแบบถุงลมออก ยางขนาด 19 นิ้วที่มาพร้อมยางรันแฟลต อาจจะก่ออาการกระด้างกระเด้งกันบ้างเล็กน้อยเวลาที่วิ่งอยู่บนถนนที่เป็นลูกคลื่นหรือขรุขระ แต่การเซตอัพรถของค่ายนี้ก็ทำให้ความมั่นใจในการขับขี่ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อยในการใช้งานจริง

เอาเป็นว่าถ้าคุณคิดว่าหน้าตามที่ดูหรูหราพรีเมียมขึ้น ลดความโหดลงไปพอสมควร จะส่งผลกระทบต่อการขับขี่ล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคุณก็คิดผิดไปเหมือนกัน เพราะอี-คลาสก็ยังเป็นรถที่พร้อมจะลากเลื้อยไปตามท้องถนนอย่างสนุกสนาน ตามเท่าที่ความสามารถของคนขับจะทำได้นั่นล่ะ

การแข่งขันของตลาดรถที่น่าจะรุนแรงขึ้น

ตลาดรถยนต์นั่งหรูหราระดับกลาง ซึ่งเป็นอีกเซกเมนต์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงมาก และเป็นตลาดที่เป็นตลาดลูกผสมระหว่างการใช้งานของรถยนต์แบบครอบครัว รถประจำตำแหน่งของผู้บริหาร รวมถึงทางเลือกของพลังงานใหม่ ๆ ที่เริ่มเติบโตเพิ่มขึ้นในเซกเมนต์นี้

มีการเปลี่ยนแปลงในเซกเมนต์นี้หลายต่อหลายครั้ง จนปัจจุบันแต่ละค่ายเริ่มมีแนวทางในการทำตลาดที่ชัดเจนแยกกันไป บางคนมีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลและปลั๊กอินไฮบริด บางคนเป็นเบนซินไปเลย ซึ่งทั้งหมดก็ต้องแล้วแต่ลูกค้าว่าต้องการที่จะใช้รถยนต์แบบไหนในชีวิตจริง

ในอดีตนั้น เซกเมนต์นี้โดนถือครองแบบเบ็ดเสร็จโดยค่ายรถตราดาว แต่ในวันนี้ดูเหมือนทุกคนจะพร้อมแข่งขันและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ในเซกเมนต์นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องมาดูกันล่ะว่าโลโก้ตราวดาวยังมีมนต์ขลังพอที่จะฟาดฟันกับคู่แข่งในเซกเมนต์นี้ได้หรือเปล่า...

 

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:
Pisan

หัวหน้าทีมบรรณาธิการ

Head of Content ของ AutoFun Thailand ผู้ใช้ชีวิตกับรถมาตั้งแต่สมัยใส่ขาสั้นไปโรงเรียน ทุกวันนี้รถติดบนถนนมากกว่าวันละ 2-3 ชั่...

พร้อมจัดการซื้อ-ขายรถได้ภายใน 24 ชั่วโมง

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Mercedes-Benz E-Class Saloon

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

วิศวกร Honda พัฒนาระบบป้องกันเมาหัวในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งทันใจ

ทีมงานฝ่ายวิศวกรรมของ Honda (ฮอนด้า) พัฒนาระบบควบคุมอัตราเร่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการเวียนหัวหรือเมารถ เป็นที่ทราบกันดีว่าอัตราเร่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดให้ใช้แบบทันทีทันใดนั้นตอบสนองต่อเท้าขวาของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่ถูกใจผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าข้างคนขับหรือเบาะหลังเท่าใดนัก ธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้านั้นทำงานด้วยความเงียบสงบ ราบรื่น ปราศจากเสียงเครื่องยนต์รบกวน แต่อัตราเร่งที่เกิดขึ้นแบบกระทันหันอาจส่งผลต่อประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของหูชั้นในที่ทำงานไม่ประส

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ

เปรียบเทียบรถที่เกี่ยวข้อง

Mercedes-Benz E-Class Saloon
เช็คทันที