2022 Toyota Alphard รุ่นใหม่อาจหน้าตาโหดล้ำ วางขุมพลังเทอร์โบชาร์จ!

2022 Toyota Alphard (2022 โตโยต้า อัลฟาร์ด) รุ่นใหม่อาจถูกอัพเกรดให้มีความโฉบเฉี่ยวและล้ำสมัยกว่าเดิม พร้อมเพิ่มเติมคือสมรรถนะการขับขี่ที่ปราดเปรียวยิ่งขึ้น

Alphard เป็นรถอเนกประสงค์เอ็มพีวีรุ่นยอดนิยมของคอรถยนต์กระเป๋าหนัก เหมาะสำหรับการใช้งานของผู้บริหารระดับสูง นักการเมือง และผู้มีชื่อเสียงที่มองหาการเดินทางที่นุ่มนวล พรีเมียม และสะดวกสบายไปสู่ทุกจุดหมาย

หลังจาก Toyota เปิดตัว Alphard รุ่นปัจจุบันออกทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2015 ล่าสุดใกล้ได้เวลาปรับโมเดลไปสู่เจนเนอเรชั่นที่ 4 ภายใต้รหัสตัวถัง AH40 เตรียมเปิดตัวออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปี 2022

ชมข้อมูลทางเทคนิคเบื้องต้น 2022 Toyota Alphard

หลายเดือนที่ผ่านมา เริ่มมีรายงานข่าวและภาพเรนเดอร์ของ 2022 Toyota Alphard ออกมาให้ติดตามกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะจากเว็บไซต์ Bestcarweb ในประเทศญี่ปุ่นที่เผยให้เห็นภาพร่างดีไซน์สุดล้ำ เน้นความโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากขึ้นอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า Toyota อาจยกเลิกเครื่องยนต์วี6 ขนาด 3.5 ลิตร ที่มีพละกำลังสูงสุด 296 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 361 นิวตันเมตรที่ 4,600 – 4,700 รอบต่อนาทีเพื่อหันไปใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จแทน

เว็บไซต์ Mag-X ในแดนอาทิตย์อุทัยรายงานว่าขุมพลังเทอร์โบรุ่นใหม่ดังกล่าวจะเป็นบล็อก 4 สูบ รหัส T24A ขนาด 2.4 ลิตร ซึ่งปัจจุบันวางอยู่ใน Lexus NX 350 มีพละกำลังสูงสุด 279 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร

ขณะเดียวกัน ลูกค้ายังจะได้ใช้รุ่นไฮบริดเหมือนเดิม แต่ถูกปรับปรุงใหม่ โดยจะใช้เครื่องยนต์ Dynamic Force เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตรที่มีพละกำลังสูงขึ้นและประหยัดน้ำมันกว่าเดิม ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า

ไม่เพียงได้รับการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและขุมพลังขับเคลื่อน แต่ห้องโดยสารของ Alphard รุ่นใหม่จะมีทัศนวิสัยที่ชัดเจนกว่าเดิมด้วยการปรับปรุงเสาหลังคาหน้าให้มีขนาดเรียวบางลง ส่วนจอกลางบนแดชบอร์ดจะใช้ขนาด 12.3 นิ้วแบบเดียวกับ Toyota Land Cruiser 300

All-New Alphard จะพัฒนาบนแพลตฟอร์ม TNGA ที่จะช่วยยกระดับความสะดวกสบายในการขับขี่และความเหนียวแน่นทนทานของตัวถังรถอีกทางหนึ่ง

ยอดขายรถยนต์ Alphard ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ถือว่าสูงมากจนสามารถติดอันดับ 5 ของรถยนต์ที่มียอดขายสูงที่สุดในญี่ปุ่น ต้องติดตามกันต่อไปว่าการเปลี่ยนโมเดลเชนจ์ครั้งนี้จะสานต่อความสำเร็จของรุ่นเดิมได้หรือไม่ทั้งในตลาดบ้านเกิดและในเมืองไทย