รีวิว 2022 Nissan Kicks Autech จากการลองขับจริง ในสภาพการจราจรในเมือง ลองเล่นฟังก์ชั่นเด่น พร้อมจับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบไม่ปั้นแต่งตัวเลขสวยหรู พ่วงด้วยการทำอัตราเร่งที่แรงจนน่าตกใจ

Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) ครอสโอเวอร์ขนาดเล็กที่ใช้พลัง e-Power ได้เปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ มีความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หน้าตา จนถึงระบบขับเคลื่อน ทำตลาดด้วย 4 รุ่นย่อย  ซึ่งรุ่นใหม่ที่เราได้ลองขับคราวนี้ เป็นรุ่นท็อปสุด Autech ซึ่งเป็นรุ่นที่เราแนะนำให้ซื้อใช้มากที่สุด เพราะมันไม่ใช่แค่การเป็นท็อป แต่มันมีความลิมิเต็ด ด้วยชุดแต่งระดับญี่ปุ่นมาเอง

ที่มา Autech

Autech (ออเทค) เดิมทีเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิสระในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1986 รับตกแต่งรถยนต์ทั่วไปในแนวสปอร์ตหรูหรา โดยร่วมงานกับนิสันในยุค 90 ได้ตกแต่งรถในญี่ปุ่นให้มีความพิเศษด้านรูปลักษณ์ เช่น Nissan Cefiro Autech ที่ไม่มีขายในไทย แต่นักเล่นรถยุค 90 นิยมนำเข้าชิ้นส่วนมาแต่งกัน หรือใกล้ตัวขึ้นมาอีกนิด ก็จะเป็น Nissan March Sports version ในปี 2011 ที่ใส่ชุดแต่งกันชนหน้าแบบปากบึ้ง และรุ่น March Limited Edition ในปี 2014 กับจุดเด่นกระจังหน้าลายตาข่าย ทั้งคู่นี้มีขายในไทยอย่างเป็นทางการ แต่ยังไม่ได้ใช้ชื่อออเทคมาต่อท้ายเท่านั้น

ครั้งแรกของชื่อ Autech ในไทย

Autech ได้รวมแผนกกับ Nismo เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง จากผู้ผลิตชิ้นส่วนตกแต่งมานาน 35 ปี ได้เข้ามารวมเป็นส่วนหนึ่งของ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผลิตรถที่มีสมรรถนะดีแบบนิสโม่ พร้อมความสวยระดับพรีเมี่ยมแบบออเทค อย่างที่ค่ายญี่ปุ่นอื่น ๆ ยังไม่เคยมีพร้อมกันในแผนกเดียว

Nissan Kicks Autech เป็นครั้งแรกของตลาดรถเมืองไทย ที่ได้ใช้ชื่อออเทค มาพร้อมสีอันเป็นเอกลักษณ์ คือ Autech Blue มีที่มาจากสีน้ำเงินของการบรรจบกันระหว่างแม่น้ำและทะเล ที่เมืองชิงาซากิ ซึ่งเป็นเมืองที่ ออเทค ก่อตั้งขึ้น ซึ่งเฉดน้ำเงินนี้ ถูกนำมาใส่ไว้ใน Nissan Kicks เฉพาะรุ่นท็อปเท่านั้น แต่งมาทั้งภายนอก และภายใน แบบที่หาซื้อเพิ่มไม่ได้จากที่ไหน

เกียร์โยกแบบใหม่

การลองขับครั้งนี้ เป็นการขับโดยมีประสบการณ์จากโฉมแรกไว้แล้ว ทำให้เราสามารถทราบความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การเริ่มขับที่ได้จับหัวเกียร์แบบสวิตช์โยกขึ้นลง แบบกดปุ่มในท่าบีบหัวเกียร์ แล้วออกแรงดันตามทิศทางหน้าหลัง แล้วเมื่อปล่อยมือ หัวเกียร์ก็จะเด้งกลับที่เดิม ลักษณะแบบเดียวกับปุ่มจอยสติ๊ก ที่ใช้เลือกตำแหน่งเกียร์ ไม่หัวเกียร์ไม่ได้คาอยู่ในตำแหน่งหน้า-หลัง แบบด้ามเกียร์ออโต้แบบเดิม หากเราสลัดความเคยชินแบบเดิมออกไปได้แล้ว จะพบว่ามันสะดวกสบาย จนแทบกลับไปขับด้ามเกียร์ออโต้แบบเดิมไม่ได้เลย

แอร์ไม่หนาวเกินแล้ว

การปรับเบาะที่ยังทำด้วยมือ อาจทำให้หลายคนลืมข้อดีของการปรับพวงมาลัยได้ 4 ทิศทาง กับเข็มขัดนิรภัยปรับสูงต่ำได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีทัศนวิสัยปลอดโปร่ง ตามสไตล์รถหลังคาตัด ที่ยังดูเพรียวลม ไม่ทื่อเกินไป ส่วนเรื่องแอร์เย็นเกินไปที่เคยพบปัญหาในรุ่นก่อน คนขับและทีมงานในรถรุ่นใหม่นี้ด้วยอุณหภูมิ 23 องศา ที่ติดฟิล์มขับในตอนกลางวัน แล้วทุกคนบนรถก็ไม่บ่นว่าหนาวหรือร้อนเกินไปแต่อย่างใด

กราฟฟิกหน้าจอใหม่

หน้าจอได้ถูกเปลี่ยนการกราฟฟิกแสดงผลใหม่ เห็นภาพรถอย่างชัดเจน โดยมีรูปรถที่ใส่รายละเอียด 3 มิติเสมือนคันจริง วางอยู่ในหน้าปัดดิจิตัลข้างมาตรวัดเข็มแบบเดิม ให้การแสดงผลทั้งปริมาณการใช้ไฟฟ้า และการใช้ไฟเบรค 

การแสดงผลนั้นมีภาพที่เข้าใจง่าย ในส่วนการขับไฟฟ้า ก็จะมีภาพแบตกับสายไฟสีฟ้าโยงเข้าล้อ ส่วนตอนที่เครื่องยนต์ติด ก็มีภาพเครื่องยนต์กับสายสีส้มตัดกัน ส่วนการแสดงผลไฟเบรคท้าย ทำได้แม้กระทั่งตอบหน่วงความเร็วด้วยระบบ e-Pedal ชาร์จไฟกลับด้วยมอเตอร์ ก็มีไฟเบรคติดให้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ต้องลุ้นอีกต่อไป

ระบบ e-Pedal ไม่หน่วงจนหยุด

การขับด้วยโหมดธรรมดายังไม่มีระบบ e-Pedal ต้องกดปุ่มเลื่อนไปยังโหมด Sport หรือ Eco ที่มีแป้นคันเร่งหน่วงให้เมื่อถอนคันเร่ง ซึ่งการเปลี่ยนชื่อจากเดิม One-Pedal กลายเป็น e-Pedal นั้นมีความแตกต่างมากกว่าชื่อ เพราะแป้นรุ่นใหม่นี้ มีความหน่วงน้อยลง ไม่หยุดสนิท ยังเหลือช่วงปล่อยไหลแบบรถเกียร์ออโตปกติ เหมาะสำหรับคนชอบฟิลลิ่งการขับรถเกียร์ออโต้เดิม ที่มีการชะลอช่วยเบรค ทำให้ระยะเบรคสั้นลง และถ้าแบตยังว่างอยู่ ก็สามารถใช้การหน่วงนี้บางส่วนไปใช้ชาร์จไฟกลับได้อีกทอดหนึ่งด้วย

ช่วงล่างเกาะเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือนิ่มขึ้น

การขับขี่โดยรวมมีความแตกต่างตั้งแต่ออกตัว พบว่าการเก็บรอยต่อฝาท่อและหลุมบ่อในความเร็วต่ำดีขึ้น ทั้งที่เซ็ทค่าลมยางมาจากโรงงาน แต่พบว่ายางนั้นเปลี่ยนยี่ห้อใหม่ ทำให้มีความนุ่มด้วยเนื้อวัสดุของมันเอง ซึ่งนับว่าเป็นการให้ยางที่ดีมาจากโรงงาน เพราะแก้ไขความสะเทือนในรุ่นเดิมออกไป โดยแทบไม่สูญเสียคุณสมบัติการเกาะถนนเลย หากคุณไม่ใช่นักขับรถที่ต้องยัดโค้งหรือหักหลบซิกแซกบ่อย ๆ ก็สามารถใช้ยางจากโรงงานอย่างอุ่นใจได้เลย

อัตราเร่งโหมด sport 9.1 วินาที

การลองขับคราวนี้ยังมีระยะถนนโล่งพอที่จะได้ลองใช้งานอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. โดยใช้โหมด Sport และนั่งเพียง 2 คนขับในตอนกลางวันแบบเปิดแอร์ จับเวลาโดยกล่อง Racebox ด้วยความเร็วจาก GPS วิ่งจำนวน 2 ครั้งตามสภาพการจราจร แล้วหาค่าตัวเลขที่ดีสุด พบว่าทำอัตราเร่งถึงร้อยได้ในเวลา 9.1 วินาทีเท่านั้น นับว่าเร็วทันใจสำหรับรถครอสโอเวอร์ไซส์นี้ และยิ่งมองถึงตัวเลขความประหยัดที่ได้รับ ก็นับว่าคุ้มไปอีก

อัตราสิ้นเปลือง 23 กม./ล.

การขับทดสอบความประหยัดนี้ เราไม่ได้เขี่ยคันเร่งเบา ๆ ให้ได้ตัวเลขความประหยัดสวย ๆ แต่เราเน้นใช้งานเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ที่ขับรถขึ้นทางด่วนไปเจอรถติดในกรุงเทพ ซึ่งได้เจอทั้งสถานการณ์ติดไฟแดง ติดคอขวด ติดเบี่ยงก่อสร้าง จนไปถึงการวิ่งออกชานเมืองโล่ง ๆ กับวงแหวนรอบนอก วัดความประหยัดด้วยน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล 95 เติมเต็มถังแบบไม่อัดแน่นและไม่เขย่า(เช่นเดียวกับคนทั่วไปเวลาเติมเต็มถัง)

เมื่อคำนวนหาปริมาณน้ำมันส่วนต่าง หารด้วยระยะทางจากหน้าปัด พบว่ามีความประหยัดได้สูงถึง 23.8 กม./ล. ส่วนในหน้าปัดคำนวนได้ประมาณ 21 กม./ล. ก็สามารถพูดได้ว่ามีความประหยัดน้ำมันอย่างเต็มปาก สมกับสมรรถนะที่ได้รับจริง ๆ

สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง

ออพชั่นอำนวยความสะดวกสบายและระบบไฟฟ้าบางอย่างที่อยากให้เพิ่มได้แก่ เบาะไฟฟ้า ฝาท้ายเปิดปิดไฟฟ้า ระบบล็อคประตูอัตโนมัติตามความเร็วรถ ซึ่งอาจจะหาซื้อติดตั้งเพิ่มเอาเองได้ และการเพิ่มโปรแกรมให้ระบบ e-Pedal สามารถเลือกระดับของการหน่วงความเร็วได้ด้วยตัวเอง เผื่อบางคนชอบหน่วงจนหยุดสนิท หรือบางคนอาจจะชอบหน่วงแบบนิ่มนวลมีปล่อยไหลได้บ้าง เพียงเท่านี้ก็สามารถเป็นรถที่ถูกใจคนกลุ่มใหญ่ได้แล้ว (ถ้าคงในราคานี้ด้วยจะดีมาก)

อ่านเพิ่มเติม : รู้ก่อนซื้อ Nissan Kicks เทียบออพชั่น 4 รุ่นย่อย ไม่น่าเชื่อว่าได้อุปกรณ์ครบตั้งแต่รุ่นรองท็อป

ข้อดีมากกว่าเสีย

Nissan Kicks Autech เป็นก้าวแรกของชื่อออเทคในไทย ที่สร้างภาพลักษณ์การตกแต่งหรูและทันสมัยขึ้น และเป็นก้าวสำคัญของนิสสันไทย ที่ปรับปรุงตนเองให้มีผลิตภัณฑ์น่าสนใจ ในราคาจับต้องได้ง่าย โดยรุ่น Autech มีราคา 949,000 บาท ยังคงคุณภาพและความไว้ใจได้จากการออกแบบระบบไฮบริดญี่ปุ่น ซึ่งนิสสันมีความเชี่ยวชาญ 

ด้วยคุณสมบัติที่ดีกว่าข้อเสียทั้งหมดนี้ ดังนั้นบทความรีวิวนี้จึงไม่เหมือนการเชียร์ให้ซื้อนิสสัน คิกส์ แต่เป็นการตอบคำถามยอดจองมากกว่า ว่าทำไมมันมียอดจองทะลุ 1,000 คัน ภายใน 10 วันแรกที่เปิดตัวไปแล้ว

ราคา 2022 Nissan Kicks

• E : 759,000 บาท
• V : 829,000 บาท
• VL : 899,000 บาท
• Autech : 949,000 บาท

อ่านเพิ่มเติม : 2022 Nissan Kicks ปรับจุดด้อย เพิ่มออพชั่น-ชุดแต่ง ดัมพ์ค่าตัว 7.59-9.49 แสนบาท