เจาะเวลากับบอริส ย้อนประวัติ Honda Civic กว่าจะมาเป็นรถซิ่งแห่งชาติ เกือบพลาดไปหลายหน

Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) ชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกัน ในปัจจุบัน Honda Civic แม้ว่าจะเปิดตัวโฉมปัจจุบันไปเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว (บวกไปอีก 2 ปีในตลาดโลก) และมีภาพของโฉมใหม่ให้เห็นกันเรียบร้อย แต่ยอดขายนั้นยังคงถล่มทลาย ครองส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ Sedan และ Hatchback ระดับ C-Segment ไปได้เกือบ 70% จะเรียกว่าผูกขาดตลาดก็ยังได้

แต่ถ้าหากเราย้อนกลับไปดูประวัติที่มาของ Honda Civic แล้วนั้น เราก็จะพบว่า มันมีพื้นฐานตั้งอยู่บนความล้มเหลว อีกทั้งในประเทศไทยเองก็มีจุดเริ่มต้นช้ากว่าเพื่อนร่วมชาติรุ่นอื่น ๆ อย่าง Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรล่า) หรือแม้กระทั่ง Mazda 3 (มาสด้า 3) ก็ล้วนแล้วแต่มีประวัติยาวนานกว่าทั้งสิ้น

วันนี้ บอริสจะอาสาพาท่านย้อนเวลากลับไปดูต้นกำเนิดของรถยนต์ยอดนิยมรุ่นนี้ ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ก่อนจะเป็น Honda Civic ใครจำ Honda 1300 ได้บ้าง?

ก่อนที่ Honda Civic จะถูกเริ่มต้นวางแผนการออกแบบด้วยซ้ำ Honda มีรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นหนึ่งชื่อว่า Honda 1300 ซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1969 ถึง 1973 ในรูปแบบตัวถัง 4 ประตู และ 2 ประตู คู่แข่งมีอาทิเช่น Toyota Corona (โตโยต้า โคโรน่า) และ Datsun Bluebird 510 (ดัทสัน บลูเบิร์ด 510 (เพลาลอย))

เจ้ารถ Honda 1300 แม้ว่าจะหน้าตาดูตุ่น ๆ แต่ภายใต้ภายนอกที่ดูไม่มีอะไรนั้น ซ่อนไว้ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร 4 สูบ ประสิทธิภาพสูง ใช้ระบบ Single Overhead Camshaft และระบบน้ำมันเครื่องแบบปั้มแยก ไม่มีอ่าง ปั้มเชื้อเพลิงไฟฟ้า มีตัวเลือกคาร์บูเรเตอร์ 4 ตัว สร้างพละกำลังสูงสุด 115 แรงม้า และมี Redline ที่ 8,000 รอบต่อนาที

แม้ว่าจะมีเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้ากว่าใครเพื่อนขนาดนั้น แต่ Honda 1300 กลับไม่ประสบความสำเร็จ มียอดขายที่น้อย สู้คู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์สามัญธรรมดามากกว่าไม่ได้ Honda 1300 อาจจะเป็นตัวอย่างว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง ไอเดียที่ฟังดูเหมือนจะล้ำ ไม่ได้นำพาไปสู่ความสำเร็จเสมอไป

First Civic: 1972-1979

Honda Civic รุ่นแรก ออกแบบโดยใช้แนวคิดของการเป็นรถคนเมืองขนาดเล็ก ที่มีความอเนกประสงค์ ประสิทธิภาพสูงแต่ประหยัดน้ำมัน อีกทั้งยังขับขี่สนุก แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดตัวในปี 1972 โดยเป็นการนำเอา Honda N600 (ฮอนด้า เอ็น600) มาขยายร่างให้กว้างขึ้นมาก

เครื่องยนต์นั้นมีให้เลือกด้วยกันหลากหลายแบบ 4 สูบขนาดตั้งแต่ 1.2 ลิตร ไปจนถึง 1.5 ลิตร โดยตัวถังนั้นมีให้เลือกด้วยกัน 5 แบบ แบบ Hatchback 3 และ 5 ประตู กับ Fastback 2 และ 4 ประตู และแบบสเตชั่นวากอน

ในช่วงที่กำลังพัฒนา Honda Civic รุ่นแรก แม้ว่า Honda ในช่วงที่กำลังพัฒนารถยนต์ Subcompact Hatchback รุ่นใหม่ จะไม่ได้ประสบปัญหาทางการเงินจากความล้มเหลวของ Honda 1300 เนื่องจากในฝั่งมอเตอร์ไซค์ก็ยังคงประสบความสำเร็จแบบถล่มทลายกันอยู่ แต่ถ้าหากฝ่ายรถยนต์ล้มเหลวกันขนาดนี้ รถยนต์ Honda รุ่นใหม่นั้นอาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้ทำก่อนที่จะกลับไปทำแต่มอเตอร์ไซค์ แน่นอนครับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เช่นนั้น

Honda Civic พลิกกลับสถานการณ์ของ Honda Cars ด้วยการเป็นทุกสิ่งที่ Honda วางแผนเอาไว้ แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่ภายในนั้นกว้างขวาง เครื่องยนต์แม้จะเล็กแต่ก็ขับขี่ได้อย่างสนุก ประหยัดน้ำมัน และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยระบบ CVCC

อะไรคือระบบ CVCC?

ในช่วงต้นยุค 1970 ประเด็นปัญหาเรื่องมลภาวะทางอากาศถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง และบริษัทรถยนต์ทั่วทุกแห่งก็พยายามสรรหาหนทางที่จะทำให้ไอเสียจากท่อนั้นลดน้อยลงมากที่สุด จึงเกิดการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ เช่น Catalytic Converter ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ผลมากนั้นเนื่องจากปัญหาเรื่องการดูดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ไปในระดับที่จากเดิมรถมี 130 แรงม้า อาจจะเหลือแค่ 80 แรงม้าเลยทีเดียว

Honda ซึ่งเป็นบริษัทที่บ้าบอในเรื่องนวัตกรรมพอสมควร จึงหาทางออกในด้านการลดมลพิษในรูปแบบของเขาเอง และผลลัพธ์ที่ได้ คือ Compound Vortex Controlled Combustion ย่อได้ว่า CVCC คำถามคือ มันคืออะไรกันแน่?

CVCC ถ้าหากจะอธิบายให้สั้นและง่ายที่สุด มันคือปั้มลมที่ใช้ยิงส่วนผสมของน้ำมันกับอากาศในปริมาณที่เหมาะสม ก่อนที่จะเข้าสู่ห้องเผาไหม้จริง และผู้เขียนจะไม่อธิบายอย่างยาก ด้วยเหตุผลที่ควรจะชัดเจนมากตามแผนผังของระบบดังกล่าวนี้ที่อยู่ด้านบน

ผลลัพธ์คือ เครื่องยนต์ของ Honda Civic สามารถผ่านมาตรฐานไอเสียได้โดยไม่ต้องใช้ Catalytic Converter ในยุคแรก และเกิดเรื่องเล่าตลก ๆ ขึ้น เมื่อวิศวกรของ General Motors ผู้ซึ่งสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดจากวิกฤติน้ำมัน วิพากษ์วิจารณ์ระบบ CVCC ว่าใช้ได้กับแค่ “รถของเล่น” คันเล็ก ๆ เท่านั้น

ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Soichiro Honda จึงสั่งรถ Chevrolet Impala เครื่องยนต์ 5.7 ลิตร กลับไปญี่ปุ่นเพื่อแปลงใช้ระบบ CVCC เป็นการทดสอบ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกัน ค่าไอเสียน้อยลงมากจนผ่านมาตรฐานได้อย่างสบาย ๆ

Super Civic: 1979-1983

หลังจากความสำเร็จของ Honda Civic รุ่นแรก Honda ได้เปิดตัว Civic รุ่นที่ 2 ในปี 1979 และในเมื่อ Honda Civic รุ่นแรกประสบความสำเร็จมาก รุ่นที่ 2 ก็ต้องต่อยอดจากสิ่งที่สร้างเอาไว้ แต่เพิ่มเติมข้อเรียกร้องของผู้ใช้งานเข้าไปมากขึ้น

Honda Civic รุ่นที่ 2 มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น รูปลักษณ์หน้าตาอิงจาก Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) รถขนาดกลางที่เปิดตัวในปี 1974 และประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน อีกทั้งการขับขี่ยังนุ่มนวล สบาย และมีความอเนกประสงค์มากขึ้น เครื่องยนต์นั้นมีให้เลือก 2 แบบ ตั้งแต่ 1.2 ลิตร จนถึง 1.5 ลิตร และตัวถัง 4 แบบ ทั้ง 3 ประตู 4 ประตู 5 ประตู และสเตชั่นวากอน

เครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นแบบเดิม 4 สูบ และใช้ระบบ CVCC ในรุ่น 1300 แต่รุ่น 1500 นั้นไม่สามารถผ่านมาตรฐานมลพิษได้ จึงต้องใช้ Catalytic Converter แบบ 2 ทาง ซึ่งก็ยังคงมีปัญหาการดูดแรงม้าไปมากอยู่ อีกทั้งยังทำงานได้ไม่ดีในขณะที่อุณหภูมิยังไม่สูง แต่ Honda ไม่มีทางเลือกมานัก

Honda Civic รุ่นที่ 2 นี้ ยังมีการเพิ่มรุ่น Ballade สำหรับตัวแทนจำหน่าย Honda Verno ซึ่งมีความน่าสนใจเพราะภายหลังถูกนำเอาไปผลิตในประเทศอังกฤษในชื่อ Triumph Acclaim จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรถที่ประกอบอังกฤษ ซึ่งน่าเชื่อถือมากที่สุดในยุคนั้น โดยที่ความจริงแล้วความลับก็คือความทนทานของ Honda นี่แหละครับ

Wonder Civic: 1983-1987

Honda Civic รุ่นที่ 3 เปิดตัวในปี 1983 และอาจจะเป็น Honda Civic รุ่นแรกที่เราคุ้นตากัน นอกเหนือจากการเป็น Honda Civic ทรงเหลี่ยมแห่งยุค 80 ที่คุ้นเคยแล้ว ยังเป็น Honda Civic รุ่นแรก ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย

ขนาดของตัวรถนั้นถูกขยับขยายในทุก ๆ ส่วนเล็กน้อย และช่วงล่างถูกทำให้เรียบง่ายมากขึ้นเพื่อพื้นที่ใช้สอย เครื่องยนต์มีขนาดตั้งแต่ 1.2 ลิตร ไปจนถึง 1.6 ลิตร

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ Honda Civic รุ่นที่ 3 มีอยู่ 3 ประการด้วยกัน ทั้งหมดไม่มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ประการแรกคือ การเพิ่มตัวถังรุ่น Honda Civic Shuttle อันเป็นรถสเตชั่นวากอนทรงสูง ซึ่งใช้ตัวถังไม่เหมือนกับรุ่นอื่นใดเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังมีตัวเลือก 4WD ที่เป็นที่นิยมในยุคสมัยนั้นอีกด้วย

ประการที่ 2 คือตัวเลือกของ Honda Civic CR-X อันเป็นรถยนต์สปอร์ตคูเป้ Hatchback 3 ประตูขนาดเล็ก ซึ่งสร้างชื่อของความเป็นรถยนต์สปอร์ต Honda มาจนถึงทุกวันนี้

แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า คือการที่ Honda Civic รุ่นที่ 3 เป็นรุ่นแรกที่ตัวเลือกสปอร์ต Si นั้นใช้เครื่องยนต์ D16A1 ZC แคมคู่ ซึ่งสร้างพละกำลังกว่า 120 แรงม้า เครื่องยนต์ ZC นี้จะมีความสำคัญมากขึ้นในลำดับถัดไป

Grand Civic: 1987-1991

Honda Civic รุ่นที่ 4 น่าจะเป็นที่คุ้นเคยในสายตาคนไทยเป็นอย่างมาก รู้จักกันในชื่อ Honda Civic “EF” เป็นรถ Honda รุ่นที่สอง รองลงมาจาก Honda Accord ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เปิดตัวเมื่อปี 1987 และมาไทยในปี 1988

ขยับขยายให้กว้างขวางไม่พอ Honda Civic EF รุ่นที่ 4 ยังมีการเพิ่มเติมช่วงล่างหน้าแบบ Double Wishbone ซึ่ง Honda โฆษณาว่าเป็นเทคโนโลยี “จากรถฟอร์มูล่า 1” และสร้างชื่อชั้นของการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมให้กับรถยนต์ Honda หลายรุ่นเลยทีเดียว

สำหรับตลาดในประเทศไทย มีเพียงแค่ตัวถัง 4 ประตู และเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ขนาด 1.5 ลิตร แต่สำหรับตลาดโลกนั้น มีความน่าสนใจอยู่หลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะด้วยตัวเลือก Honda Civic CR-X สปอร์ตคูเป้ หรือเครื่องยนต์ชนิดต่าง ๆ ที่ประสิทธิภาพสูง

Honda Civic EF เป็นรถรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์รหัส B16A ซึ่งแฟน Honda ต้องรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้ยินชื่อนี้ เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก “VTEC”

อะไรคือ VTEC?

VTEC นั้น ย่อมาจากคำว่า Variable Valve Timing & Lift Electronic Control หรือหลายท่านอาจจะเรียกว่า วาล์วแปรผัน แต่คนจำนวนมากอาจจะยังไม่ทราบว่า แล้วจะแปรผันวาล์วกันไปทำไม?

เครื่องยนต์สันดาปภายในนั้นทำงานโดยการนำเอาอากาศผสมกับน้ำมัน แล้วจุดระเบิดด้วยหัวเทียน และการควบคุมทุกสิ่งเกิดขึ้นจากปริมาณของอากาศ น้ำมัน และการจุดระเบิดนี่เอง อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้กับคนตรวจสอบรถที่สตาร์ทไม่ติด

เครื่องยนต์จะทำงานได้ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปริมาณของสิ่งต่าง ๆ แต่ปริมาณเหล่านี้นั้นไม่มีความพอดีอยู่บนโลกใบนี้ ในอดีต การจุดระเบิดสามารถตั้งได้ด้วยไฟแก่หรืออ่อน แต่องศาที่เหมาะสมของเครื่องยนต์จุดระเบิดนั้นไม่ได้มีจุดเดียว เมื่อนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาปรับตามจังหวะความเหมาะสม ก็จะสามารถมีเครื่องยนต์ที่ทำงานเต็มประสิทธิภาพในทุกช่วงความเร็วได้ นั่นคือ Variable Valve Timing หรือ VVT

ในอีกด้านหนึ่ง ปริมาณอากาศนั้นถูกควบคุมด้วยเพลาลูกเบี้ยว หรือ Camshaft และเช่นเดียวกัน เครื่องยนต์ที่ปรับปริมาณอากาศเข้าน้อย จะสามารถทำงานได้ดีตั้งแต่รอบต่ำ แต่รอบสูงก็จะหมดแรง ในขณะที่เครื่องยนต์แคมองศาสูง อากาศเข้ามาก รอบสูงก็จะเร่งได้มาก แต่รอบต่ำนั้นเดินเบาแทบจะไม่ได้ และขับขี่ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่นิดเดียว

Honda ผู้ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรม จึงได้คิดค้นระบบ Variable Valve Timing & Lift ขึ้นมา ด้วยการเพิ่มเติมจากระบบ VVT ซึ่งหลายค่ายเริ่มใช้กัน

ถ้าหากจะอธิบายให้ง่ายที่สุด VTEC นั้นคือปั้มไฮดรอลิก ซึ่งจะช่วยกดกระเดื่องให้ไปสัมผัสกับเนิน Camshaft เซ็ตที่ 2 เมื่อควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิค เราจึงสามารถที่จะเลือกปริมาณอากาศที่เหมาะสมในแต่ละรอบความเร็วได้

ผลลัพธ์คือเครื่องยนต์ที่รอบต่ำประหยัดน้ำมัน และรอบสูงเสียงหวาน แรงกระแทกใจ อันเป็นที่มาของชื่อชั้น VTEC ในหมู่ผู้คนทั่วโลกว่าเหมือนเป็นการรอรอบเทอร์โบ ทั้ง ๆ ที่เครื่องยนต์เป็นแบบธรรมดาไม่มีระบบอัดอากาศ

Sports Civic: 1991-1995

มีใครไม่รู้จัก Honda Civic EG บ้างไหมครับ? เปิดตัวเมื่อปี 1991 เข้าไทยปี 1992 ก่อนที่จะเริ่มจำหน่ายรุ่น 3 ประตูในปี 1993 อันเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยต้นยุค 1990 ด้วยราคาจำหน่ายอันเร้าใจ ไม่ถึง 4 แสนบาทในยุคที่รถอย่าง Toyota Corolla ราคาจำหน่ายโดดไปเกือบ 5 แสนบาทเข้าไปแล้ว

Honda Civic EG ในประเทศไทยนั้น มีอ็อปชั่นต่าง ๆ ให้บางเบาเสียจนนึกว่าเป็นรถแข่ง แต่ใช้เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ขนาด 1.5 ลิตร ที่หาตัวจับเรื่องความล้าสมัยได้ยาก ถึงกระนั้น วันเวลาที่ผ่านมา มีห้างร้านต่าง ๆ นำเข้าอุปกรณ์ตกแต่ง ทั้งที่ถอดจากตัวมาตรฐานในประเทศญี่ปุ่น หรือของแต่งนอกเหนือจากผู้ผลิตทำมา เสริมเติมแต่งให้รถยนต์ Honda Civic EG ในปัจจุบัน หาคันที่เดิมแท้ 100% ได้ยากนัก

ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ดีแล้วละครับ เพราะผู้เขียนเองก็เคยมี Honda Civic EG 3 ประตู เดิม ๆ อยู่คันหนึ่ง เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ เบาะหนังไวนิล และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ข้าพเจ้าไม่เห็นถึงความดีงามของรถยนต์รุ่นนี้ ในลักษณะเช่นนี้ ถ้าหากมันไม่ได้มีราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่ารถยนต์รุ่นใกล้เคียงกัน Honda Civic EG ที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เจ้าของสามารถมีความสุขกับเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพ และช่วงล่าง Double Wishbone เทคโนโลยีจากฟอร์มูล่า 1 คือ Honda Civic EG ที่มีอ็อปชั่นต่าง ๆ เหมือนตัวต่างประเทศ

Honda ประเทศไทยเอง ก็คงทราบเช่นนี้ดี เพราะในภายหลังมีการเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์หัวฉีด พร้อมระบบ VTEC มาให้ เติมแต่งอ็อปชั่นอีกเล็กน้อย อีกทั้งยังมีการนำเข้ารุ่น Honda Civic Ferio ประกอบญี่ปุ่นมาวางจำหน่ายอีกด้วย ซึ่งโดดเด่นด้วยหลังคาซันรูฟเปิดได้ แต่ก็หาได้ยากยิ่งครับ

Miracle Civic: 1995-2000

Honda Civic รุ่นที่ 6 เป็นเหมือนการเปลี่ยนทิศทางของบริษัท ทั้งในระดับประเทศไทย และระดับโลกเอง กล่าวคือ นี่เป็นครั้งแรกที่ Honda Civic มีตัวเลือกรูปแบบตัวถังที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคเป็นครั้งแรก ในยุโรปนั้น ไม่รู้จักคำว่า Civic “ตาโต” ที่คนไทยคุ้นเคยกัน

และในประเทศไทยเอง Honda Civic ก็ได้ถูกถีบตัวเองขึ้นไปเป็นยานยนต์ที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย ไม่ได้ขายแต่ราคาอันน่าทึ่งเพียงอย่างเดียว Honda Civic ที่คนไทยมักจะเรียกกันว่า EK นี้ มีเหลือเพียงตัวเลือกตัวถัง 4 ประตู ในขณะที่ตัวเลือกรถขนาดเล็ก ราคาประหยัด ถูกผลักไปให้กับ Honda City ที่บอริสเคยย้อนให้ท่านชมกันไปแล้ว

เครื่องยนต์เองก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ในไทยใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร D16Y 4 สูบ ความน่าสนใจเกิดขึ้นเมื่อ Honda ตัดสินใจนำเอา Honda Civic Coupe เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี 1999 ซึ่งเป็น Honda Civic ที่ราคานิ่งที่สุดรุ่นหนึ่ง เท่าที่ผู้เขียนจำได้ ราคาในตลาดมือสองอยู่ในระดับเกือบ 2 แสนบาท มาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีเข้าไปแล้ว

แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น การถือกำเนิดขึ้นของ Honda Civic Type-R EK9 ซึ่งใช้ตัวถัง 3 ประตู รวมกับเครื่องยนต์ชนิด B16B VTEC ซึ่งแม้จะมีขนาดเพียง 1.6 ลิตร แต่มีแรงม้าถึง 185 แรงม้า เปิดตำนานของ Type-R ตัวถังขาว โลโก้แดง ซึ่งมีน้อยคนที่จะสามารถเลียนแบบได้ เพราะตัวถัง 3 ประตูนั้นหาได้ยากยิ่งในประเทศไทย

Smart Civic: 2000-2005

Honda Civic รุ่นที่ 7 หรือ Honda Civic ES นั้น แม้ว่าในต่างประเทศจะได้รับชื่อเสียงเรื่องการเป็นรถที่มีปัญหาจุกจิกกวนใจหลายอย่าง แต่ในประเทศไทยก็ได้รับความนิยมมาก และได้ชื่อว่าทนทานมากในบรรดา Civic หลาย ๆ รุ่น

Honda Civic ES ในประเทศไทย ต่อยอดความสำเร็จในด้านความหรูหรา ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น และเครื่องยนต์ก็ใหญ่ขึ้นตาม ขนาดประหลาด 1.7 ลิตร D17 แต่ในภายหลังมีการเพิ่มรุ่น 2.0 ลิตร ซึ่งใช้เครื่องยนต์ในตำนาน “เคยี่” K20A เวอร์ชั่น 155 แรงม้า ซึ่งก็นับได้ว่าแรงที่สุดในบรรดารถ C-Segment ของไทยในยุคนั้น และเป็นรถที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

น่าเสียดาย ที่ Honda Civic ES ไม่ได้ใช้ช่วงล่าง Double Wishbone เทคโนโลยีฟอร์มูล่า 1 อีกต่อไป และนั่นทำให้การปรับแต่งอาจจะยากขึ้นเสียเล็กน้อย และการขับขี่อาจจะไม่ได้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เท่ากับยุคสมัยของ Civic EF EG และ EK

ในตลาดโลก มีความน่าสนใจอยู่ที่รุ่น Type-R ซึ่งใช้ตัวถังแบบ Hatchback 3 ประตู เกร็ดเล็กที่คนจำนวนหนึ่งอาจจะยังไม่ทราบ คือการที่ Honda Civic Type-R EP3 นี้ ทุกคันถูกผลิตขึ้นในเมืองสวินดอน ประเทศอังกฤษ และมีตราโลโก้ประเทศอังกฤษอยู่เล็ก ๆ ที่ท้ายรถ เพื่อบ่งบอกข้อเท็จจริงนั้นเอง

Modern Civic: 2005-2011

ผ่านมาแล้ว 33 ปี Honda ก็เปิดตัวรถ Civic รุ่นที่ 8 ซึ่งไม่ได้มีชื่อเรียกตามที่เราตั้งเป็นหัวข้ออีกต่อไป เราจึงอาสาตั้งให้เอง โดยที่ Honda Civic ที่มีชื่อเรียกกันว่า “FD” หรือ “ต๊อก ๆ” ในประเทศไทยนั้น เป็น Modern Civic เพราะมันเป็นรถที่เริ่มรูปแบบของ Honda Civic ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

ขนาดรถนั้นมีความกว้างขวาง ใหญ่ขึ้นมาก และเครื่องยนต์ก็ถูกขยับขยายขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง โดยที่ในไทย ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ชนิด R18A กับ 2.0 ลิตร K20Z โดยที่รุ่น 1.8 ลิตรนั้น ในช่วงแรกมีชื่อเสียงในเรื่องเสียงที่ดัง ต๊อก ๆ อันเกิดจากความผิดพลาดของผู้ผลิตในการกำหนดสเปคของการขันน็อต Crankshaft Bearing หรือ “น็อตชาร์ฟ” แต่เราก็ไม่เคยได้ยินว่ามีเครื่องยนต์ใดที่พังเพราะความผิดพลาดนี้ อีกทั้งยังถูกแก้อย่างรวดเร็ว และรุ่น 2.0 ลิตรก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ความโดดเด่นของ Honda Civic รุ่นที่ 8 อยู่ที่การผสานประสิทธิภาพสูง เข้ากับรูปลักษณ์ที่มีความล้ำยุคมากที่สุดในสมัยนั้น เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nissan Tiida (นิสสัน ทีด้า) หรือ Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรล่า อัลติส) แล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าทำไมคนจำนวนมากตัดสินใจเลือก Civic FD แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าใครเพื่อนพอสมควร

ในตลาดโลก Honda Civic รุ่นที่ 8 มีการแบ่งแยกแพลตฟอร์ม 2 แบบด้วยกัน นอกเหนือจาก FD ที่เรารู้จักกันแล้วนั้น ยังมีรุ่น FN หรือที่เรียกกันว่า Spaceship Civic อันมีหน้าตาล้ำสมัยในปี 2006 แต่ใช้ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม และมีการผลิตเฉพาะในเมืองสวินดอน ประเทศอังกฤษ

Crisis Civic: 2011-2015

Honda Civic รุ่นที่ 9 หรือที่คนไทยเรียกกันว่า Civic “FB” เราขอตั้งชื่อให้ว่า Crisis Civic ด้วยสองเหตุผลหลัก ๆ ด้วยกัน เหตุผลแรกนั้นคือ มันเป็น Honda Civic ที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ อันส่งผลทำให้ Honda ตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการออกแบบ ให้มีขนาดเล็กลง ภายในกว้างขวางสะดวกสบายมากขึ้น และในอีกทางหนึ่ง ก็เป็นเพราะมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ Honda ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

Honda Civic FB แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพที่ดี และพัฒนาในหลายด้านขึ้นจาก Honda Civic FD รุ่นที่ 8 แต่สื่อหลายเจ้ากลับมองว่า มันเป็นการพัฒนาที่ถอยหลัง จาก Honda Civic FD ที่ล้ำสมัย ในปี 2011 คู่แข่งจำนวนมากตีคู่ขึ้นมาเทียบชั้นกับ Honda Civic FB ได้แล้ว และอีกทั้งหน้าตาของ Honda Civic รุ่นนี้ก็ไม่ถูกใจผู้คนจำนวนมาก จนเกิดปรากฏการณ์ที่ Honda ออกรุ่นปรับโฉมอย่างรวดเร็วขึ้นจนเป็นข่าวดังอยู่พักหนึ่ง

ถึงกระนั้น ในประเทศไทย Honda Civic FB ก็ได้รับความนิยมในระดับสูงพอสมควร เครื่องยนต์ถูกปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบ R18A และ R20A ทั้งในรุ่น 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร ปิดตำนาน Honda VTEC แคมคู่ที่สร้างเสียงหวานพร้อมกับพละกำลังที่เด่นเป็นเอกลักษณ์ไปโดยปริยาย

ในตลาดยุโรปนั้น ก็มี Honda Civic รุ่นที่ 9 ซึ่งตัวถังเป็นแบบยานอวกาศอยู่ สิ่งที่น่าสนใจคือ ก่อนที่จะเกิดการเปิดตัวรุ่นถัดมาในปี 2015 Honda ได้เผยโฉม Honda Civic Type-R “FK2” ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ชนิด K20C1 สร้างพละกำลัง 310 แรงม้า มาเป็นตัวทดลองเครื่องยนต์ชนิดใหม่นี้ก่อนการแพร่กระจายเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเจอร์ใน Honda รุ่นต่าง ๆ ซึ่งผลลัพธ์ คือหนึ่งใน Honda ที่แรงที่สุด ประสิทธิภาพสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

Turbo Civic: 2015-2022

Honda Civic รุ่นที่ 10 เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาปี 2015 และในไทยปี 2017 คนไทยเรียกติดปากกันว่า “FC/FK” เป็น Honda Civic ที่มีหลายสิ่งกลับมาให้เห็น นอกเหนือจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ “Earthdreams” เทอร์โบชาร์จ ที่ล้ำสมัยแล้ว ยังเป็น Honda Civic ที่กลับไปใช้ตัวถังแบบเดียวกันทั้งโลก อีกทั้งยังเป็นการกลับมาของ Honda Civic Hatchback ในประเทศไทยอีกด้วย

เครื่องยนต์นั้นมีให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ 1.0 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ ไปจนถึง K20C 2.0 ลิตร 310 แรงม้าในรุ่น Type-R ในประเทศไทยมีให้เลือกเพียง 2 แบบคือ 1.8 ลิตร R18Z และแบบใหม่ 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์ L15B 173 แรงม้า อันเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ให้กับรถซิ่งแห่งชาติรุ่นนี้

Honda Civic FC/FK ถูกใจคนไทย ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามโดดเด่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพเยี่ยม ที่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ในราคา 1.2 ล้านบาท แม้ว่าอาจจะมีรถที่ประสิทธิภาพดีกว่าอย่าง Nissan Sylphy Turbo (นิสสัน ซิลฟี่ เทอร์โบ) หรือรถที่หรูหราสวยงามกว่าเช่น Mazda 3 (มาสด้า 3) แต่ในภาพรวมแล้วไม่ลงตัวเท่ากับ Honda Civic FC/FK

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Honda Civic รุ่นที่ 10 นี้จะครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ระดับ Compact Sedan และ Hatchback ในประเทศไทย ได้อย่างเด็ดขาด การสั่งสมชื่อเสียงตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ส่งผลทำให้ไม่มีรถรุ่นใดที่จะโค่นชื่อ Honda Civic ได้ แม้ว่าในตอนนี้จะเป็นรถที่เก่ามากแล้วในตลาดก็ตาม

Future Civic: 2022-

ปิดกันด้วยความสำเร็จระดับนั้น แล้วอนาคตจะเป็นเช่นไร?

ภาพของ Honda Civic รุ่นที่ 11 ได้ถูกเผยออกมาให้เห็นกันไปแล้ว โดยที่เสียงตอบรับมีทั้งในทางบวกและทางลบ แน่นอนครับว่าสำหรับรถที่มีความสนใจเป็นอย่างมากทั่วโลก ผู้คนต่างอยากวิพากษ์ ให้ความเห็นของตนออกมา แต่เราก็จะไม่มีทางรู้ได้ว่ารถยนต์ Honda Civic รุ่นใหม่นี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ จนกว่าจะได้เห็นคันจริงโลดแล่นกันบนถนน

ที่แน่ ๆ คือ Honda Civic รุ่นที่ 11 นี้ จะต้องได้รับการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ให้โดดเด่นกว่ารุ่นเดิมอย่างแน่นอน คอยติดตามชมกันเถอะครับ

สรุป

นับเป็นเวลาเกือบ 50 ปี ที่ Honda Civic กลายมาเป็นรถยนต์มีชื่อติดหูคนทั่วโลก และทุกวันนี้ ก็ยังคงประสบความสำเร็จเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้คนจำนวนมากที่สนใจอยากได้รถยนต์สักคัน รถยนต์ที่สามารถตอบสนองความต้องการในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถครอบครัว รถเพื่อภาพลักษณ์ รถใช้งานสมบุกสมบัน หรือแม้กระทั่งรถยนต์เพื่อความสนุก

แม้จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่ Honda Civic ไม่อาจจะหยุดนิ่งอยู่เฉย ๆ ได้ Soichiro Honda ไม่ได้ก่อตั้งบริษัทมาเพื่อทำรถยนต์ที่ตามใคร Honda ที่แท้จริง จะต้องมีทางออกที่ชาญฉลาดให้กับปัญหาตรงหน้า และ Honda Civic ในอนาคต ก็จะต้องเจอกับประเด็นที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกมาก แม้ว่าจะไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกครั้ง แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าไม่พยายาม เราก็อาจจะตามคู่แข่งไม่ทันได้ และนั่นน่าเศร้ายิ่งกว่าถ้าเราล้มเหลวแม้จะพยายามแล้วเสียอีก