ลองขับ Ford Everest Sport vs Nissan Terra VL ในงบ 1.4 ล้าน มีข้อดีและเสียที่ต้องพิจารณา

เปรียบเทียบจากการลองขับ PPV ในงบประมาณ 1.4 ล้านบาทเท่ากัน ระหว่าง Ford Everest Sport กับ Nissan Terra VL 4WD ซึ่งมีความแตกต่างในสเปค และมีข้อดีกับข้อเสียที่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะไม่มีบอกไว้ในโบรชัวร์

ซื้อรถมือสองกับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจสภาพ 175 จุด พร้อมรับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน

เทียบในงบ 1.4 ล้าน

2022 Ford Everest (2022 ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์) รถพีพีวี 7 ที่นั่งพื้นฐานมาจาก Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เหมือนเช่นเดิม ในรุ่นย่อยกลาง Sport เมื่อเทียบกับ Nissan Terra VL 4WD (นิสสัน เทอร์ร่า) ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นการนำรุ่นย่อยกลางมาเทียบตัวท็อป ที่อาจจะไม่ยุติธรรมกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เท่ากันก็คือ ราคาค่าตัว โดยทั้งคู่ใช้งบประมาณดังนี้

• Ford Everest 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT ราคา 1,464,000 บาท
• Nissan Terra 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท

การออกแบบต่างสไตล์สิ้นเชิง

เมื่อไล่ดูรายละเอียดของการออกแบบ พบว่า Ford Everest Sport ได้ความหล่อเท่อย่างรุ่นท็อป ตรงที่มีล้ออัลลอยลายกิ่งไม้ขนาด 20 นิ้ว แร็คหลังคาพร้อมกาบบันไดข้างขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้จริง โดยชิ้นส่วนคิ้วขอบต่าง ๆ ถูกทำเป็นสีดำทั้งหมด มาพร้อมจุดเด่นไม่เหมือนใครตรงที่ได้อักษร Everest บนขอบฝากระโปรงสำเร็จรูปมาจากโชว์รูม ที่คุณจะไม่มีวันได้ในรุ่นท็อป พร้อมด้วยออพชั่นเด่นอื่น ๆ ที่ไฮเทคไม่แพ้ตัวท็อป เช่น ประตูท้ายไฟฟ้าที่เปิดได้ด้วยระบบไร้สัมผัส กับสีน้ำเงินครามสดใส ทำให้ภาพรวมดูเข้มแข็งดุดัน

ทางด้าน Nissan Terra VL 4WD มาในแนวภูมิฐาน ด้วยการเพิ่มพื้นที่ของโครเมียม 3.5 เท่า เพื่อให้ได้ความพรีเมียม มาพร้อมชุดโคมไฟหน้า Quad LED ที่มีไฟต่ำ 2 ดวงและไฟสูง 2 ดวง ให้ความสว่างเพิ่มขึ้นจากเดิม 34% ส่วนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย 6 ก้านแบบทูโทน อาจจะดูเล็กไปไม่สมกับขนาดซุ้มล้ออันใหญ่โต และยังได้ประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เหมือนกัน โดยรวมแล้วการตกแต่งจะเป็นแนวครอบครัว พรีเมียม อบอุ่น และเป็นมิตรมากกว่าคู่แข่งที่เคร่งขรึมกว่า

ภายในสูสีสมฐานะ

Ford Everest Sport ยังได้ความไฮเทคสมตัว ด้วยหน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto ในขณะที่ Nissan Terra VL 4WD แม้ว่าจะได้หน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว(รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto)เท่านั้น แต่ก็ยังเพิ่มหน้าจอเพดาน 11 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งติดตั้งอย่างแนบเนียนมาจากโรงงาน 

จุดเด่นอื่น ในรถทั้ง 2 รุ่นที่อีกฝ่ายไม่มีได้แก่ Ford Everest Sport มีเบาะคนนั่งปรับไฟฟ้า กับถุงลมนิรภัย 7 จุด ส่วนทางด้าน Nissan Terra VL 4WD ได้ชุดลำโพง Bose กระจกมองหลังแบบดิจิตัล และกล้องมองภาพ 360 องศา โดยมีแอร์แบค 6 ใบอย่างทั่วถึง

การขับขี่ต่างกันเยอะ

การลองขับ Ford Everest Sport ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว มีกำลัง 170 แรงม้า กับแรงบิด 405 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ นับว่ามีเรี่ยวแรงพอใช้งาน กับช่วงล่างที่เหนียวแน่นกว่าโฉมเดิม มีความแข็งกระด้างกว่า Nissan Terra VL 4WD ซึ่งทำได้นิ่มนวลกว่า ต้องขอบคุณล้อขอบ 18 ด้วย ที่ยังคงความนุ่มนวลเอาใจผู้ใหญ่ที่โดยสารได้ดี ขณะที่คงสมดุลย์ได้โดยไม่ย้วย ควบคุมง่ายสบายมือ

ขณะที่เครื่องของ Nissan Terra VL 4WD ได้เปรียบกว่าชัดเจน ด้วยสเปคดีเซล 4 สูบ 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด มากกว่าทุกประการ และให้อัตราเร่งในระดับสายแข็ง ตรึงร่างกายติดเบาะได้ชัดเจนกว่าคู่แข่ง อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้า และมีกล้องมองมุมข้างล้อ Off-Road Monitor ซึ่งช่วยในการขับทางลูกรังได้ดีมาก

ข้อเสียที่ต้องรู้

ข้อเสีย Nissan Terra ที่พบส่วนใหญ่เป็นเรื่องจุกจิกอย่าง เช่น ออพชั่นเบาะไฟฟ้าฝั่งคนนั่ง ขนาดหน้าจอสัมผัสที่เล็กกว่า และที่พักเท้าคนขับไม่มีถาดรอง ทำให้พรมพื้นตรงส่วนนั้นเปื้อนฝุ่นโคลนได้ง่าย ส่วนข้อดีของเทอร์ร่าอยู่ที่หน้าจอเพดานกับเครื่องเสียงและความบันเทิงครบครัน มีเครื่องยนต์และเกียร์ ที่ให้กำลังแรงและลื่นไหลดี มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมระบบรองรับการลุยพร้อมสรรพ

อ่านเพิ่มเติม ลองขับ 2022 Ford Everest พี่ใหญ่ปรับใหม่ ครบครันคุ้มค่าตัว 1.854 ล้าน

ทางด้านข้อเสียของ Ford Everest Sport อยู่ที่ระบบเครื่องเกียร์ ที่พอมีเรี่ยวแรงใช้งานได้ แต่อาจจะไม่สนุกทันใจ กับหน้าจอขนาดใหญ่ที่ปิดแสงหน้าจอมืดสนิทไม่ได้ ทำได้เพียงแค่หรี่แสงไฟเท่านั้น ทำให้การขับกลางคืนมีแสงไฟแยงตามากกว่า Terra ที่สามารถปิดหน้าจอได้สนิท

ส่วนข้อดีของเอเวอร์เรสอยู่ตรงที่หน้าตาใหม่ ซึ่งไม่ตกรุ่นง่าย พร้อมกับออพชั่นไฮเทคเยอะ กับหน้าตาที่ดูสปอร์ตกว่า ซึ่งแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล

อ่านเพิ่มเติม: 2021 Nissan Terra ไมเนอร์เชนจ์ ปรับหน้าหรู ได้คอนโซลใหม่ มีดิสค์หลัง ในราคา 1.199-1.499 ล้านบาท

ซื้อรถมือสอง มั่นใจ ได้มาตรฐาน ต้อง CARSOME