ลองขับ BMW ด้วยรถสันดาปตัวแรง M2 และ X4 M เทียบกับรถไฟฟ้า i4 ซีดานรุ่นเล็ก ซิ่งถวายชีวิตบนสนามช้างเซอร์กิต มาจับอาการพละกำลัง ความเกาะถนน และประสิทธิภาพโดยรวม รุ่นไหนจะถูกใจคนขับมากที่สุด

ปิดสนามช้าง

การลองขับ BMW ในสนามแข่งครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม BMW Driving Challenge 2023 จัดบนสนามแบบปิด ไม่มีรถแข่งอื่นเข้ามากวนใจ บนสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต วิ่งเต็มระยะทางต่อรอบ 4.554 กม.กับ 12 โค้ง ที่มีจุดเด่นตรงที่มีทางตรงยาวทำความเร็วได้สูงถึง 200 กม./ชม.(ในรถเดิมจากโรงงาน) และมีโค้งหักศอกแบบยูเทิร์น ให้เราได้จิ้มแป้นเบรคในจังหวะที่ถูกต้อง

ลองจับอาการรถ

ก่อนจะลงสนามลงขับจริง เราได้ลองสัมผัสกับอาการเข้าโค้งต่าง ๆ ทั้งการลองขับสนามรอบเล็ก เพื่อดูจุดหัวโค้ง และจุดออกจากโค้ง และยังได้ทำการลองขับรถ BMW 330e M Sport เพื่อลองแรงเหวี่ยงในโค้ง อาการของรถที่น่าจะพบเจอ นอกจากนี้ยังได้ลอง BMW M340i xDrive เพื่อฝึกการแก้อาการโอเวอร์สเตียร์หรือท้ายปัด เพื่อให้เราสามารถคุมพวงมาลัยได้แม่นยำ

เริ่มต้นกับ X4 M

หลังจากลองขับรถบ้านกำลังแรงไปแล้ว ก็มาลงสนามจริงด้วยรถตระกูล M ด้วยเอสยูวีรุ่น X4 M ที่เติมชุดแต่ง Competition เข้ามาให้มีแรงกดอากาศมากขึ้น ลงสนามแบบใช้โหมด Sport เปิดระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้เนียนขึ้น ต่อให้เราบานโค้งออกไปแค่ไหน แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ยังสามารถถ่ายแรงได้ดี ทำงานร่วมกันแล้วมันก็ทำให้เรากล้าเข้าโค้งหักศอกด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. พร้อมทั้งทำความเร็วทางตรงได้ถึง 180 กม./ชม.โดยประมาณ

การขับในรอบแรก เพื่อลองจับอาการรถ และลองเล่นสนุกกับเกียร์ ให้เราได้รู้ลิมิตของรถอย่างคร่าว ๆ จากนั้นก็ทำการจัดเต็มข้อ ใส่คันเร่งจมพื้นในรอบที่ 2 ลองให้รถปลี่ยนเกียร์เอง พบว่าเกียร์ออโต้แบบทอร์คคอนเวิร์ตเตอร์ 8 จังหวะ กับซอร์ฟแวร์ Drivelogic มันสร้างแรงกระชากและให้เสียงแบคไฟร์ คล้ายกับนิสัยของเกียร์ DCT คลัตช์คู่ นับว่าเป็นเอสยูวีที่คล่องแคล่วและแรงเกินตัวมาก

สนุกกับ M2

การลองรถ BMW M2 ในสนามเดียวกันนี้ เราเปิดระบบ DSC เหมือนกัน ซึ่งในตอนแรกมีความคาดหวังว่า รถขับเคลื่อนล้อหลัง มันอาจมีอาการท้ายปัดเล็กน้อยตามสไตล์รถที่มีกำลัง 460 แรงม้า ซึ่งขับออกจาพิทไปแล้วทำความเร็วได้สูงถึง 190-200 กม./ชม.ในทางตรง ก่อนจะเลียเบรคแล้วเข้าโค้ง Hairpin องศาแคบ ด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. ก็ยังไหว สบายมือ ไม่มีอาการให้ต้องแก้พวงมาลัย

ขับง่าย โค้งคล่อง

จุดเด่นอีกอย่างของรถ BMW M2 คือความคล่องแคล่วสุดขีด บางโค้งสามารถยัดเข้าไปได้เลยที่ความเร็ว 120 กม./ชม. หรือมากกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า คนขับจะสู้กับแรง G ได้มากแค่ไหน หรืออย่างในโค้งสลับต่อเนื่อง มันก็สามารถเปลี่ยนทิศทางอย่างง่ายดาย และสามารถกดคันเร่งก่อนออกโค้งได้เล็กน้อย ลองแกล้งขับให้เทโค้งแค่ไหน มันก็ยังไปได้อีกจนหมดแรงเสียดทานของยางไปเอง ด้วยระบบเสถียรภาพการขับขี่นี้ ช่วยให้การขับขี่ไม่มีความเครียด เหลือแต่ความเร้าใจจากเสียงเครื่องออกปลายท่อเท่านั้น 

ช่วงล่างไม่มีหลุด

นอกจากนี้ยังได้ลองเล่นช่วงล่าง Adaptive M Suspension สามารถเลือกได้อย่างอิสระระหว่าง Comfort และ Sport ซึ่งเราลองเลือกทั้ง 2 แบบแล้ว พบว่าโหมดสปอร์ตให้ความมั่นใจด้วยแรงโยนมีน้อย ทำให้เรากล้าเติมคันเร่งลงไปได้อีก หากประกอบกับการเล่นเกียร์ออโต้ 8 จังหวะเข้าด้วยแล้ว จะทำให้การขับรถคันนี้ มันหยดจนแอบลากรองถึงขีดแดงทุกโค้งกันไปเลย

BMW i4 ตัวตึงทางโค้ง

หลังจากลองตระกูล M ตัวแรงด้วยเครื่องสันดาปติดเทอร์โบคู่ไปแล้ว ก็ลงมาสลับเป็นรถไฟฟ้า BMW i4 eDrive35 M Sport ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นย่อยเริ่มต้น ยังไม่ใช่ท็อปสุด มาพร้อมกำลัง 286 แรงม้า ทำให้เราไม่ได้คาดหวังเรื่องความดุเดือด แต่เมื่อขับมันลงสนามนั้น ก็พบว่ามันสามารถเข้าโค้งที่ความเร็วสูงได้ในแบบเดียวกับที่ BMW M2 ทำได้เลย พร้อมความสามารถในการคงแรงบิดได้แม้อยู่ในความเร็วสูง ทำให้เราออกจากดค้งที่ความเร็ว 100 กม./ชม. แล้วพุ่งขึ้นไปถึง 170 กม./ชม.ได้อย่างติดเบาะและสะใจมาก 

แน่นอนว่าการเข้าโค้งและอัตราเร่ง ยังเป็นจุดเด่นในรถรุ่นนี้ แม้ว่าความเร็วปลายจะไม่มากเท่า BMW M2 แต่การเข้าโค้งได้ในระดับความเร็วเดียวกัน และการพุ่งได้ดั่งใจสั่ง ก็เป็นสิ่งที่ชดเชยกับความเร็วปลายไปได้

แบตที่เหลือจากการซิ่ง

การใช้พลังไฟฟ้าดุเดือด แลกมาด้วยการใช้แบตเตอรี่ที่ดุเดือดไม่แพ้กัน โดยการเริ่มขับในตอนเช้า จากแบตเต็ม 100% ถูกขับไปวน 2 รอบอย่างเข้มข้น ในระยะทาง 9 กม.กว่า พบว่าแบตเหลือ 85% จากนั้นถูกขับซิ่งไปอีก 2 รอบสนาม กลับมาเหลือ 64% และการลงสนามครั้งที่ 3 มีแบตเหลือ 44% และในการขับครั้งที่ 4 ก็ยังเหลือปริมาณแบตอยู่ประมาณ 30% โดยการขับทั้ง 8 รอบสนามนี้ ไม่มีโหมดประหยัดพลังงานเลยสักนิดเดียว นับว่าเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม สมน้ำสมเนื้อกับความแรงติดเบาะอย่างนี้

ขับมันทั้ง 2 แบบ

กิจกรรม BMW Driving Challenge 2023 ยังมีการให้ลองขับ BMW iX3 M Sport และรุ่น iX xDrive40 Sport ในแบบจิมคาน่า ด้วยการขัแบบเปิดโหมดสปอร์ตทุกอย่าง มันทำให้เราทึ่งว่า เอสยูวีขนาด 2 ตัน มันสามารถเลี้ยวลัดเลาะตามกรวย และโค้งหักศอก ได้ในความเร็วเกินคาด ทำให้เราสามารถเติมคันเร่งไปมากกว่าที่คิดไว้ตอนแรก ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความสนุกในการขับขีของ BMW ที่ไม่ว่าจะใช้น้ำมันหรือไฟฟ้า มันก็ยังคงแก่นแท้ของการขับขี่ที่ซุกซนได้ในแต่ละประเภทตัวถังนั่นเอง

เทียบสเปค

ข้อมูล BMW รุ่นอื่น ๆ ที่ลองขับ

อ่านเพิ่มเติม : ลองขับ BMW M340i ค่าตัว 3.999 ล้านบาท แลก 387 แรงม้า 500 นิวตันเมตร ขับสี่ ขับดี โคตรคุ้ม!!!