BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) เป็นหนึ่งในค่ายรถยุโรปที่พัฒนารถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนมาอย่างยาวนาน
เริ่มตั้งแต่ในปี 2004 รถต้นแบบอย่าง BMW H2R นำเครื่องยนต์ V12 6.0 ลิตร ที่ยืมมาจาก 760Li และดัดแปลงให้ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแทนน้ำมัน ทำให้รถคันนี้สร้างสถิติด้านความเร็วไปได้หลายที่อยู่เหมือนกัน
แต่ด้วยความเป็นรถเปิดประทุนที่นั่งเดี่ยวของ H2R จึงไม่ได้มีการผลิตเพื่อจำหน่ายจริง แต่ได้มี BMW Hydrogen 7 ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก BMW 7-Series ออกมาจำหน่าย แต่มีจำหน่ายเพียงไม่กี่คันเท่านั้นในช่วงกลางยุค 2000s และพบเฉพาะกับคนดัง นักการเมือง นักธุรกิจ และผู้มีอิทธิพลคนอื่น ๆ เท่านั้น
ถัดมาในปี 2015 ยังมีการดัดแปลงให้ 5-Series Gran Turismo สามารถใช้พลังงานไฮโดรเจนได้โดยการช่วยเหลือจาก Toyota และยังมี BMW i8 ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนแบบ fuel-cell เพื่อการวิจัย และยังมีรถต้นแบบอีกคันที่ยังไม่เคยเปิดตัวออกมาในปีเดียวกัน
ข้ามมายังปี 2019 BMW ได้เปิดตัว BMW i Hydrogen NEXT ในงาน Frankfurt Motor Show และกลายมาเป็น BMW iX5 เมื่อปีที่แล้วในงานมอเตอร์โชว์ที่มิวนิค
มีการทดสอบ iX5 ในสถานการณ์ที่หฤโหดมากมาย และในครั้งนี้ได้ทดสอบการขับขี่ในบริเวณ Arctic Circle ซึ่งได้รับการประเมินใน Arjeplog ของสวีเดน ในที่ที่ BMW ตั้งศูนย์ทดสอบรถในหน้าหนาว
ขณะเดียวกัน รถยนต์ค่ายอื่นจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ แต่ iX5 จะมีถังไฮโดรเจนทั้งหมด 2 ถังที่ทำจากพลาสติกเสริมแรงด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ซึ่งคล้ายกับ Toyota Mirai เจเนอเรชั่นแรก
BMW iX5 Hydrogen มีเป้าหมายที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายอย่างแน่นอน แต่เอสยูวีจากแบรนด์หรูแคว้นบาวาเรียมีเป้าหมายในการผลิตจำนวนไม่มาก นอกจากนี้ ยังสัญญาที่จะสนับสนุนการขยายโครงข่ายสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน
ในการทดสอบ iX5 Hydrogen จะต้องทนต่อสภาพอากาศที่ -20°C และยังคงให้ประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ เพื่อให้ทาง BMW สามารถเคลมได้ว่าการเซ็ทอัพเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็น “ทางเลือกที่ใช้งานได้จริงนอกจากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยระบบไฟฟ้าจากแบตเตอรี่”
ด้วยกำลังกว่า 369 แรงม้า (275 กิโลวัตต์) และของเสียที่ปล่อยออกมามีเพียงน้ำเปล่าเท่านั้น ทำให้ iX5 Hydrogen อาจเป็นรถที่มีสมรรถนะที่ดีแถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้
แม้ว่า BMW จะมุ่งมั่นตั้งใจในการวิจัยและพัฒนารถ fuel-cell แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับรถเวอร์ชั่นผลิตจริงในอนาคตอันใกล้ เนื่องด้วยโครงสร้างพื้นฐานของเชื้อเพลิงไฮโดรเจนยังคงต้องปรับปรุงกันอีกมาก
BMW ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะทำแต่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว แต่ยังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าควบคู่กันไปอีกด้วย โดยจะเปิดตัว i7 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และ iX1 ภายในปีนี้
ในปี 2023 จะเปิดตัว i5 ซึ่งเป็นเหมือน 5-Series เวอร์ชั่นไฟฟ้า นอกจากนี้ในแบรนด์ลูกอย่าง Mini ก็จะเปิดตัว Countryman EV ขณะเดียวกัน Rolls-Royce กำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าคันแรกอย่าง Spectre คูเป้สองประตูควบคู่ไปกับรถเครื่องยนต์สันดาป
ส่วน BMW ในประเทศจีนก็มีการนำรุ่น “i3” มาใช้ใหม่สำหรับเวอร์ชั่นไฟฟ้าของ 3-Series รุ่นฐานล้อยาวที่ประกอบในประเทศอีกด้วย
ดูเหมือนว่า BMW จะมีทิศทางการพัฒนาที่คล้ายกับ Toyota ที่ไม่พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็ม 100% แต่ยังแบ่งส่วนที่พัฒนาเครื่องยนต์ fuel-cell เชื้อเพลิงไฮโดรเจนอยู่ด้วย
การใช้รถ fuel-cell อาจได้เปรียบในแง่ของความรวดเร็วในการเติมเชื้อเพลิง ส่วน EV จะได้เปรียบที่ค่าใช้จ่ายของไฟฟ้าและความครอบคลุมของโครงสร้างพื้นฐานในตอนนี้ แต่พลังงานทั้งสองรูปแบบล้วนใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนกัน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดทั้งคู่
ซึ่งหากมีวิกฤตในการผลิตแบตเตอรี่ และโครงสร้างพื้นฐานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเริ่มครอบคลุม รถ fuel-cell ในอนาคตอาจเป็นที่นิยมแทนการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ก็ได้
อ่านเพิ่มเติม : BMW ทดสอบความแข็งแรงรถไฮโดรเจน นำระเบิดติดใต้ท้องรถ และนี่คือผลลัพธ์การทดลองนี้
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}