BMW ประเทศไทย เผยโฉม BMW M2 CS รถสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล M ในดวงใจของแฟน ๆ ที่ผสานความเร้าใจจากสนามแข่งเข้ากับการขับขี่ที่สนุกในชีวิตประจำวันไว้ได้อย่างลงตัว หวนคืนสู่ท้องถนนอีกครั้ง ด้วยความแรงที่เหนือกว่า M2 Competition ยกระดับตามแบบรุ่นพี่อย่าง M3 CS และ M4 CS
ซึ่งจะเป็นรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด มีราคาจำหน่าย 6,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิ้ลยู เอ็ม 2 ซีเอส ใหม่ มีการใช้วัสดุหลักเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อลดน้ำหนักของตัวรถและเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศและ Aerodynamics กระโปรงหน้าที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์สามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 50% เปอร์เซ็นต์ เพิ่มช่องระบายอากาศตรงกลางในสีดำเงา เพื่อลดแรงกดดันและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศในห้องเครื่อง
รวมถึงการใช้วัสดุใหม่บนหลังคา เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและลดเสียงจากภายนอก อีกทั้งยังสร้างจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพิ่มความปราดเปรียวอีกด้วย ชิ้นส่วนภายนอกอื่น ๆ ได้แก่ ลิ้นกันชนหน้า สปอยเลอร์หลัง แผงใต้กันชนท้าย และฝาครอบกระจกข้าง ใช้วัสดุใหม่ ช่วยใน Aerodynamics ของรถเพื่อศักยภาพในการเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น
ใช้ขุมพลังเบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร M TwinPower Turbo 331 กิโลวัตต์/450 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน สูงกว่าบีเอ็มดับเบิลยู M2 Competition ถึง 29 กิโลวัตต์/40 แรงม้า เมตร อัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียง 5 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด พร้อมระบบ Drivelogic ก็พร้อมให้ผู้ขับขี่เลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด ได้แก่ COMFORT SPORT และ SPORT+
ระบบช่วงล่าง ได้รับการออกแบบใหม่ให้ได้ความรู้สึกแบบสนามแข่งเรียกว่า Adaptive M เป็นครั้งแรก มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) และระบบเฟืองท้ายแบบ Active M (Active M Differential) ที่ปรับการควบคุมการล็อคเฟืองท้ายด้วยไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมเบรก M Sport และคาลิปเปอร์เบรกในสีแดงสะดุดตาสำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
ภายนอกโดดเด่นด้วยสี Misano Blue metallic ท่อไอเสียสแตนเลสแบบคู่ทั้งสองข้าง พร้อมสลักตัวอักษร M ภายในมอบความรู้สึกเร้าใจแบบฉบับรถแข่งด้วยพวงมาลัย M Sport เบาะหนังแท้สีดำเดินด้ายสีแดง ที่มีปีกออกมาเพื่อความกระชับ บริเวณพนักพิงศีรษะมีสีสันจากลาย BMW M บนขอบประตูสลักโลโก้ M2 CS เสริมเอกลักษณ์ความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
เรียกได้ว่า ถ้าใครชอบค่ายใบพัดสีน้ำเงิน ก็อาจจะถูกใจไม่น้อย แต่ดูจากสมรรถนะและราคาแล้ว ต้องบอกเลย 3 คำว่า “มัน แพง มาก” ในตลาดรถยนต์สปอร์ตพรีเมี่ยมในเมืองไทยยังมีรถรุ่นอื่นๆที่น่าสนใจอีกเพียบ ที่ราคายังถูกกว่า ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน รถแรงม้าเยอะอาจจะดี แต่ถ้าอยู่ในมือคนที่ขับไม่เป็น ก็จะขับเหนื่อยเอามาก ๆ
แบงค์อยากนำเสนอคู่แข่งที่น่าสนใจ ให้ดูกันเป็นทางเลือก
ถือเป็นตัวแรงสุดในตระกูล TT ทั้งหมด เครื่องยนต์เบนซิน 5 สูบ TFSI 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที เร็วกว่าถึง 1.3 วินาที เสริมความเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยชุดท่อไอเสีย RS sports exhaust เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ด้วยราคาเปิดตัวเพียงแค่ 5,299,000 ล้านบาท ถูกกว่ากัน 1.7 ล้านบาท มีสีเฉพาะรุ่นอีก 2 สี ภายในดูออกจะสวยกว่าด้วย เหมือนขับเครื่องบินเจ็ทกันเลย
ขึ้นชื่อ AMG ก็ต้องแรงธรรมดา แม้ดูไม่แรงเท่า แต่ก็เหลือเฟือต่อการใช้งาน เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 390 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 5,000 รอบ/นาที ระยะ 0-100 กม./ชม. 4.6 วินาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic
สามารถปรับการขับขี่ได้ 4 โหมด โดยจะมีโหมด Slippery, Comfort, Sport และ Sport plus ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC สวยงามตามสไตล์เบนซ์ที่ลดราคาเหลือ 4,099,000 บาท แถมยังนั่งได้ 4 คนสบาย ๆ ไม่อึดอัด
สมรรถนะสูง, สะดวกสบายสำหรับทุกคนในครอบครัว E53 AMG มีทั้งหมดให้คุณทั้ง 4 ประตูและ 2 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร และเทอร์โบชาร์จควบคุมด้วยไฟฟ้า 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,800 - 5,800 รอบ/นาที 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.5 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.
ในราคาที่สมเหตุสมผล 4,990,000 บาท
CLS 53 คือรถยักษ์ความยาวเกือบ 5 เมตร กว้างกว่า 1.8 เมตร และ น้ำหนักตัวเฉียด 2 ตัน ไม่ซ้ำใคร เหมาะกับสายนักธุรกิจ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.06 วินาที เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,800 รอบ/นาที พร้อมระบบ EQ Boost มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังเพิ่มอีก 22 แรงม้า และ แรงบิดอีก 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift TCT 9G 9 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC+
ราคา 5,350,000 บาท เนื่องจากเป็นรุ่นประกอบในประเทศ ทำให้ราคาถูกลงจากรุ่นนำเข้า CBU กว่า 1.74 ล้านบาท (ราคาเดิม 7,090,000)
อันที่จริงแล้ว ไม่ได้จะ Discredit ค่าย BMW แต่อย่างใด แน่นอนว่า รถแต่ละคันจะมีจุดแข็งและจุดอ่อนของมันอยู่ในตัว ความคุ้มค่า ราคา ความสวยงาม ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเท่านั้น ดังคำที่ว่า "คนซื้อไม่บ่น คนบ่นไม่ซื้อ"
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}