งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นเนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรืองาน Motor Show 2023 ครั้งนี้เป็นการแสดงแสนยานุภาพของทั้งค่ายรถจีนและรถญี่ปุ่น ที่ต่างนำรุ่นใหม่มาประชันกัน ทั้งรุ่นที่พร้อมขาย และรถต้นแบบสารพัดรุ่น ที่เรารวมมาให้ชมทั้งหมดในงานแล้วในบทความเดียว
ภายในบูธของ Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) มาพร้อมรถเวอร์ชั่นพิเศษที่แสดงถึงศักยภาพของแบรนด์ให้มากขึ้น ได้แก่ Aston Martin DBX707 และ Aston Martin Vantage Roadster F1 Edition
Aston Martin DBX707 มาพร้อมคุณสมบัติเด่น 3 ประการ ได้แก่ เร็วสุด แรงจัด และทรงตัวเป็นเลิศ มีการปรับปรุงจาก DBX เดิมหลาประการ เช่น พาร์ทรอบคันที่ใหญ่และรับลมมากขึ้น เครื่องยนต์ V8 4.0 ทวินเทอร์โบ จับคู่เกียร์อัตโนมัติแบบ multi-plate wet clutch 9 สปีด ให้กำลังสูงสุด 707 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.3 วินาทีเท่านั้น
ส่วน Aston Martin Vantage Roadster F1 Edition รถคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 535 แรงม้า แรงบิด 685 นิวตันเมตร ที่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที โดยเครื่องยนต์ถูกติดตั้งใหม่ให้การกระจายน้ำหนักที่สมดุล 50:50% และน้ำหนักรถที่ 1,645 กก. ส่งผลดีต่ออัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก
สำหรับ Audi (อาวดี้) แม้จะยังไม่มีรถใหม่มาโชว์ แต่ก็นำมาให้เลือกกันครบรุ่น ทั้ง Audi TT Audi RS4 Avant Audi RS5 Audi Q3 Audi Q5 เป็นต้น พร้อมจัดแคมเปญเฉพาะในงาน ที่ได้ดอกเบี้ย 0% พร้อมส่วนลดต่าง ๆ เช่น รูดบัตรจอง 50,000 บาทขึ้นไป จะได้รับส่วนลดไปด้วย 5,000 บาท
ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์นี้มาร่วมงานทั้งหมด 2 รุ่น 3 คันแบบไฮบริดทั้งหมดดังนี้
Bentayga ราคา 14,819,600 บาท
Flying Spur ราคา 14,569,600 บาท
Flying Spur mulliner ราคา 19,495,800 บาท
สำหรับไฮไลท์ของค่ายใบพัดฟ้าขาว BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) จะเป็นรถที่เปิดให้สาธารณชนพบเจอคันจริงครั้งแรก ได้แก่ รถใหม่ล่าสุดอย่าง
BMW XM ราคา 14,899,000 บาท
BMW M2 ราคา 6,499,000 บาท
BMW X1 เจเนอเรชั่นล่าสุดราคา 2,249,000 บาท
รวมถึงมีการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ นั่นคือ
BMW i4 eDrive35 M Sport ราคา 3,899,000 บาท
BMW iX xDrive40 Sport ราคา 5,299,000 บาทและ
BMW 530e Luxury ราคา 3,269,000 บาท
BYD Atto3 ยังคงเป็นรุ่นเดียวที่วางขายตอนนี้ ส่วนรถ BYD Dolphin มีแค่การประกาศราคาคาดการณ์จำหน่ายเอาไว้ที่ 799,999 นำตัวสเปคพวงมาลัยขวามาโชว์ตัว แสดงความพร้อมที่จะขายเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ยังนำรถตัวโชว์เข้ามาจอดเด่นอยู่กลางบูธนั่นคือ Fregate07 เป็น SUV ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีตัวโชว์ที่เคยมาไทยแล้ว ก็ยังปรากฎตัวอย่างคับคั่งประกอบด้วย Seal, Song Plus, Han EV แต่ไม่มี Qin ซีดานขนาดเล็กมาโชว์แล้ว
สำหรับค่ายพันธุ์แกร่งอย่าง Ford (ฟอร์ด) ได้นำเสนอรถทุกรุ่นในไลน์อัพ และเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ ดังนี้
Ford Ranger Stormtrak รุ่นย่อยที่เปิดตัวไปแล้ว เพิ่มเงินจากรุ่น Wildtrak ซึ่งจะได้ความอเนกประสงค์รวมถึงหน้าตาที่ดุดันยิ่งขึ้น
Ford Ranger XLS ที่ตอบโจทย์การใช้งานกลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจที่ต้องการความประหยัด แต่ก็ยังมีออพชั่นต่าง ๆ มากพอรวมถึงความปลอดภัย และ Ford Everest Wildtrak ที่เพิ่มความดุดันมากขึ้นจากรุ่น Titanium
แต่ส่วนที่เป็นไฮไลท์ของงานนี้เลยคือ Ford Ranger Raptor รุ่นย่อยใหม่ ในขุมพลังดีเซล 2.0 Bi-Turbo ซึ่งจะมีราคาที่ถูกลง ตัดออพชั่นบางอย่างที่ไม่จำเป็น แต่ยังคงความสามารถการลุยได้เท่าเดิม
สำหรับ GWM (เกรท วอลล์ มอเตอร์ส) ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ได้จัดแสดงรถทั้งไลน์อัพของค่าย แต่รถที่เป็นไฮไลท์ของงานนี้คือ Tank 500 (แท็งค์ 500) ที่จะเปิดราคาในอีกไม่นานนี้
Tank 500 เป็นเอสยูวีที่มีพื้นฐานแชสซีแบบขั้นบันไดขนาด 7 ที่นั่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Toyota Land Cruiser เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมีขนาดพอ ๆ กับ Land Cruiser แล้ว ยังมีอุปกรณ์ที่บ่งบอกถึงความหรูหราให้กับคนที่ใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้น เช่น เบาะแถวสามปรับไฟฟ้า บันไดข้างเลื่อนขึ้น-ลงอัตโนมัติ เบาะหนัง Nappa ลำโพง Infinity จำนวน 12 ตัว
รถคันนี้มาพร้อมขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตรเทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์แบบ DHT พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ โดย Tank 500 จะจัดแสดงในงานทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดง ORA Good Cat (โอร่า กู๊ด แคท) สีใหม่ pistachio green ที่มีลักษณะเป็นสีเขียวแบบพาสเทลที่ภายนอกและภายใน ภายในของรถเป็นสีครีมตัดด้วยสีเขียวและส้ม และยังมีลวดลายตีนแมวบริเวณที่พักแขนอีกด้วย
2023 Honda CR-V (2023 ฮอนด้า ซีอาร์-วี) เปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนครั้งแรกที่งานนี้ รถเอสยูวีรุ่นยอดฮิตผลัดโมเดลเข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่ 6 ได้รับการยกระดับทั้งความสปอร์ต หล่อเหลา และพรีเมียม ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่มได้เป็นอย่างดี
ไฮไลท์ของ CR-V ใหม่คือการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายถึง 5 รุ่นย่อย มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา 190 แรงม้า และครั้งแรกกับขุมพลังไฮบริด e:HEV ที่ประหยัดทะลุหลัก 20 กม.ต่อลิตร นอกจากนี้ยังมีเบาะแบบ 3 แถว รองรับ 7 ที่นั่ง อีกทั้งยังมีรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและขับเคลื่อน 4 ล้อ
ราคาจำหน่ายของ CR-V ใหม่เคาะเริ่มต้น 1,419,000 บาทไปจนถึงตัวท็อป 1,729,000 บาทซึ่งจะได้การตกแต่งอัพเกรดความสปอร์ตประทับตรา RS ให้ได้ชื่นชมกันอีกด้วย ขณะที่ความปลอดภัยก็อุ่นใจกับ Honda SENSING
2023 Hyundai Stargazer (ฮุนได สตาเกเซอร์) ได้เปิดตัวพร้อมขายจริงแล้วในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ โดยบริษัทแม่มาทำตลาดเอง นำเข้าจากอินโดนีเซียทั้งคัน ขายด้วย 4 รุ่นย่อยและราคา
Stargazer Trend ราคา 769,000 บาท
Stargazer Style ราคา 829,000 บาท
Stargazer Smart7 ราคา 869,000 บาท
Stargazer Smart6 ราคา 889,000 บาท
Stargazer Smart6 Black Roof ราคา 909,000 บาท
นอกจากนี้ยังได้นำรุ่น Ioniq5 และ Ioniq6 มาโชว์ตัวอีกครั้ง เพื่อรอดูกระแสความชัดเจนอีกทีว่าจะนำรุ่นใดมาขาย
มาโชว์ตัวอย่างคึกคักกับรุ่น Neta V (เนต้า วี) ที่มีทั้งการโชว์ตัวชุดแต่งสปอร์ต โชว์ตัวแต่งสติ๊กเกอร์ชิค ๆ หลายแบบ ยังขายในราคาเดิม 549,000 บาท ไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด และยังมีการโชว์รถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็ก Delivery ใช้เป็นรถขนของ และดาวเด่นในบูทยังเป็นรถ Neta S อยู่ตรงกลางเวที โดยยังไม่มีวี่แววของการเปิดตัว Neta U Pro แต่อย่างใด
ทางค่ายขวัญใจคนไทยอีกค่าย ยังคงนำ Isuzu (อีซูซุ) ที่ได้รับการตกแต่งหลากหลายรุ่นทั้ง Isuzu D-Max (อีซูซุ ดี-แมกซ์) และ Isuzu MU-X (อีซูซุ มิวเอกซ์) ที่มีชุดแต่งใหม่ Phantom Collection มาโชว์ตัว ที่จะมีการตกแต่งสีดำรอบคัน ทั้งกระจังหน้า ชายกันชนล่าง ราวหลังคา บันได เบาะหนังสีดำเดินด้ายสีขาว
Jeep (จิ๊ป) นำรุ่น Wrangler Rubicon มาตกแต่งด้วยผลิตภัณฑ์ Mopar ทั้งหมด 2 รูปแบบ โดยอยู่ภายใต ้แนวคิด ‘Outdoor Adventure Awaits’ 2 แบบ 2 สไตล์ เริ่มจาก Wrangler Rubicon 4 ประตู สีนำเงิน Hydro Blue แต่งดุสไตล์ตกแต่งในสไตล์ ‘Monster Edition’ และอีกรุ่นมีพื้นฐานจากรุ่นเดียวกัน แต่จะมาพร้อมสีเทา Sting Grey แต่งสไตล์ ‘Urban Edition’ สำหรับการใช้ชีวิตในเมือง
เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ Kia Carnival LX ให้ออพชั่นคุ้มค่าในราคา 1,892,000 บาท ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ลายแถบแนวตั้งสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ไฟหน้าแบบ LED และ Daytime Running Light ไม่มีไฟตัดหมอกหน้า มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว Snow Flake White และสีดำ Jet Black เท่านั้น
Carnival ทุกรุ่นย่อยใช้เครื่องดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มีขายรวมทั้งหมด 3 รุ่นย่อยดังนี้
ราคา 2023 KIA Carnival
รุ่น LX ราคา 1,892,000 บาท
รุ่น EX ราคา 2,234,000 บาท
รุ่น SXL ราคา 2,594,000 บาท
Lexus
สำหรับ Lexus (เล็กซัส) ในงานนี้ได้จัดแสดงรถครบทั้งไลน์อัพที่จำหน่ายในประเทศไทย แต่ไฮไลท์ของงานนี้คือ 2023 Lexus RZ450e (2023 เล็กซัส อาร์แซด450อี) รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของค่าย เวอร์ชั่นที่หรูกว่าของ Toyota bZ4X
โดยเปิดตัวพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่
ซึ่งทาง Lexus เปิดให้รับจอง RZ450e ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ไฮไลท์ของบูธ Maserati (มาเซราติ) คือ Maserati MC20 Cielo (มาเซราติ เอ็มซี20 แชย์โล) ซุปเปอร์คาร์รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายที่มีหลังคาแบบเปิดประทุน มาพร้อมขุมพลัง ‘เน็ททูโน’ (Nettuno) เบนซิน V6 ทวินเทอร์โบ 630 แรงม้า แรงบิด 730 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม. มีหลังคากระจกพับเก็บได้ที่ใช้วลาเพียง 12 วินาที
ความพิเศษของรถคันนี้อยู่ที่กระจก electrochromic (smart glass) ที่ใช้เทคโนโลยี Polymer-Dispersed Liquid Crystal (PDLC) สามารถปรับให้ใสหรือทึบแสงได้อัตโนมัติผ่านการกดปุ่มพร้อมเครื่องเสียง High Premium Sonus faber 12 ตำแหน่ง การันตีด้วยรางวัล EISA ในสาขาเครื่องเสียงรถยนต์
นอกจากนั้น ยังจัดแสดงอีกหลายรุ่น ได้แก่ Gracale, Levante GT Hybrid, Ghibli GT Hybrid และ Quattroporte
Mazda (มาสด้า) นำรถยนต์สกายแอคทีฟทุกรุ่น ทั้ง Mazda 2, Mazda 3, รถเอสยูวีตระกูล CX-Series, รถปิกอัพ Mazda BT-50 และรถยนต์รุ่นพิเศษ Mazda Carbon Edition มาให้ชมกัน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี ฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ มูลค่า 2,990 บาท เมื่อจองภายในงาน
จุดเด่นของงานอยู่ที่ Mercedes-Benz EQB เป็นเอสยูวีขนาดเล็กขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ขายในไทยแล้วด้วยราคา 3,020,000 บาท อันเป็นราคาที่หักส่วนลดจากรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ส่วนรุ่นอื่น ๆ ในงานก็มากันครบถ้วน ตั้งแต่ A-class จนไปถึง Maybach ในงานนี้ยังไม่มีวี่แววของ GLC ใหม่ ที่เปิดตัวในตลาดโลกไปเมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว
MG
แน่นอนว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ MG (เอ็มจี) ก็คือการเปิดราคา 2023 MG ES (เอ็มจี อีเอส) ในฐานะตัวท็อปใหม่ของ MG EP (เอ็มจี อีพี) ที่ได้รับการอัพเกรดความแรงมอเตอร์เป็น 177 แรงม้า และระยะการวิ่งเป็น 412 กิโลเมตร ทำราคา 959,000 บาท แพงกว่า EP อยู่เกือบ 2 แสนบาท
ระบบความปลอดภัยใหม่มีดังนี้
Mini Clubman Multitone Red มาพร้อมแนวคิด “ชีวิตหลายแง่มุม” ผ่านการใช้สี โดยเฉพาะสีของหลังคาที่เปรียบเสมือนผืนผ้าใบของงานศิลปะที่แสดงออกถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่แต่ละคน และหลังคาเฉดสีใหม่ที่จะมาเติมสีสันให้ชีวิตด้วยการไล่ระดับเฉดสีแดงสดใสของมินิรุ่นนี้ โดยมีราคาที่ 3,199,000 บาท
Mini John Cooper Works Hatch Classic ราคา 3,248,000 บาท มาพร้อมสีเหลือง Zesty Yellow และดีไซน์แบบใหม่พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันยิ่งขึ้น รวมไปถึงระบบปฏิบัติการใหม่และแพ็คเกจอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะเพิ่มความสนุกในการขับขี่สุดเร้าใจตามแบบฉบับของผู้ขับขี่แต่ละคนได้อย่างเต็มพิกัด
Mitsubishi
สิ่งที่น่าสนใจของ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) คือสิ่งที่อยู่ในผ้าคลุม ที่ดูแล้วจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากว่าที่ Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมใหม่ มีรายงานข่าวระบุว่าจะมีฐานล้อที่ยาวขึ้นและกว้างขึ้น ขณะที่มิติตัวถังจะถูกขยายให้ใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อยทั้งความกว้าง ความยาว และความสูง เนื่องจากได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่หมดจดโดยเป็นการร่วมมือกับ Nissan ดังนั้นจึงจะแชร์ชิ้นส่วนร่วมกับ Navara รุ่นต่อไปด้วย
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมากมายเกี่ยวกับขุมพลังขับเคลื่อนของ Triton ใหม่ ซึ่งอาจมีทั้งไฮบริดหรือปลั๊กอินไฮบริดที่ Mitsubishi มีความเชี่ยวชาญมากกว่าใครเพื่อน ซึ่งก็ต้องรอดูการเปิดผ้าคลุมกันในงานวันที่ 21 นี้
เป็นอีกค่ายที่ถ้าหลายคนไม่เดินดูดี ๆ อาจจะไม่เห็นว่าเขามีการนำ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) รุ่นปรับโฉมจากญี่ปุ่นมาโชว์ตัวด้วย
โดยจะได้กระจังหน้าสีดำเงาแบบใหม่ ใช้โลโก้แบรนด์นิสสันแบบมินิมอล เสริมลิ้นกันชน ด้านหลังเปลี่ยน diffuser ใหม่เพิ่มเส้นสีน้ำเงิน นอกจากนี้ยังมีชุดล้อขนาด 17 นิ้วที่ออกแบบลายใหม่ หน้าจอ Infotainment สัมผัสขนาด 8 นิ้วใหม่ที่รองรับ Apple CarPlay/Android Auto มอเตอร์ยังคงให้ความแรงเท่าเดิม แต่เปลี่ยนหัวชาร์จ AC จาก Type 1 เป็น Type 2 แล้ว แต่ว่าหัวชาร์จ DC ยังเป็น CHAdeMO เหมือนเดิม
น่าเสียดายที่ประเทศไทยน่าจะไม่ได้ใช้งาน
ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ Peugeot (เปอโยต์) ได้นำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ทั้งเครื่องปลั๊กอินไฮบริดไปจนถึงไฟฟ้าล้วน
รถที่เป็นไฮไลท์คันแรกคือ Peugeot 406 PHEV ซึ่งมาพร้อมตัวถังฟาสต์แบ็คยกสูงครอสโอเวอร์ นำเข้าจากฝรั่งเศสทั้งคัน ขายด้วยราคาที่น่าจะสู้กับ Volvo C40 Recharge ได้สบายด้วยราคา 2,790,000 บาท
ส่วนรถอีกคันคือ Peugeot e-2008 รถ B-SUV ที่คราวนี้มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% และไม่ได้ประกอบในมาเลเซีย แต่เป็นการนำเข้าทั้งคันจากฝรั่งเศส ด้วยราคา 2,490,000 บาท
Porsche (ปอร์เช่) ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2023 ครั้งนี้ ได้จัดแสดงรถสีสันสดใส เพื่อฉลองครบ 30 ปีกิจการปอร์เช่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มีการโชว์ตัวรถรุ่น 911 แต่งสีรุ้งพาดทั้งคัน พร้อมกับ 911 รุ่นแต่งพิเศษฉลองครบ 30 ปี รวมถึงมีรุ่น GT3 มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีรถสปอร์ตทุกรุ่นในปัจจุบัน มาจอดขายแน่นขนัดประกอบด้วย 718 Boxster, 911 TurboS, Panamera, Taycan, Macan, Cayenne ก็มีให้เลือกครบครัน
Rolls-Royce
สำหรับไฮไลท์ของบูธยนตรกรรมหรู Rolls-Royce (โรลส์-รอยซ์) คันแรกคือรุ่น Black Badge Ghost (แบล็กแบดจ์ โกสต์) ซึ่งถือว่าเป็นรถที่แพงที่สุดในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้เลยทีเดียว
ส่วนอีกรุ่นคือ Rolls-Royce Cullinan (โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน) ยนตรกรรม high body เอสยูวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นรถยนต์ที่ให้คำจำกัดความการเดินทางอย่างหรูหราที่สุด อีกทั้งยังเป็นสุดยอดแห่งการ 'ขับสบาย' ไม่ว่าเส้นทางจะเป็นอย่างไรก็ตาม
พร้อมขาย 2023 Subaru Forester ใหม่เต็มระบบ พร้อมมีรุ่นแต่งพิเศษ GT เพิ่มชุดสเกิร์ตและสปอยเลอร์รอบคัน มีชุดแต่งรองรับทั้งรุ่นท็อป GT และรุ่นเริ่มต้น GT lite
ส่วนทางด้าน Subaru XV ยังใช้โฉมเดิม ไม่ใช่โฉมใหม่แบบในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีรุ่น WRX และ BRZ มาวางขายเหมือนเดิม และยกรุ่น Outback กับ Levorg กลับญี่ปุ่นไปเรียบร้อย
ถึง Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟต์) จะยังไม่ได้เปิดตัวเจนเนอเรชั่นใหม่ แต่เขาก็เอาใจคนชอบความคุ้มค่าด้วย Suzuki Swift GL Next ที่ได้เพิ่มหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วมาให้แล้ว พร้อมชุดแต่งที่ออกแบบใหม่ให้ดูมินิมอลกว่าเดิม ด้วยการถอดสเกิร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์ออก เปลี่ยนเป็นการตกแต่งสีแดงแทน ในราคา 582,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการนำตัวแต่งของรุ่นอื่น ๆ มาโชว์ตัวกัน โดยเฉพาะใน Suzuki Celerio
สำหรับ Toyota (โตโยต้า) ในงานนี้ยังจัดเต็มเช่นเคย เพราะยังจัดแสดงครบทั้งไลน์อัพรถที่จำหน่ายในประเทศไทย แถมยังจัดแสดงรถพลังงานทางเลือกสำหรับอนาคตอีกด้วย
ไฮไลท์จะอยู่บนเวที ได้แก่ Toyota Hilux Revo BEV ที่ถือว่าเป็น Hilux ไฟฟ้าคันแรกอย่างเป็นทางการของโตโยต้า และ Toyota Prius เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่ดูมีลุ้นว่าจะมาขายเมืองไทย มาพร้อมขุมพลัง PHEV ที่คาดว่าจะประหยัดกว่าเดิม
ในบูธของ Toyota ยังจัดแสดงรถพลังงานทางเลือกมาอย่างครบถ้วน ได้แก่ Toyota LPG-HEV Taxi Concept ซึ่งเป็นการนำ Toyota JPN Taxi มาดัดแปลงองค์ประกอบบางอย่างให้เข้ากับบริบทในบ้านเรา เช่น ป้ายว่าง มิเตอร์ค่าโดยสาร สีภายนอกเขียว-เหลือง
ความสะดวกสบายรถแท็กซี่คันนี้ เช่น พื้นที่ด้านหลังที่กว้างขวางนั่งสบาย การออกแบบให้เหมาะกับผู้ใช้รถเข็น หรือองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรถแท็กซี่โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ในงานยังจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายอย่าง Toyota bZ4X รวมถึง Toyota Corolla H2 Concept ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์สันดาปไฮโดรเจนที่มีพื้นฐานจากเครื่องยนต์ของ GR Yaris
มีจุดเด่นตรงกลางเป็นรุ่น Volvo C40 Recharge Pure Electric (วอลโว่ ซี 40 รีชาร์จ เพียว อิเล็กทริค) ขายแล้วด้วยราคา 2,750,000 บาท พร้อมกองทัพรถยนต์รุ่นปัจจุบันแบบ Plug-in Hybrid ทั้งหมดประกอบด้วย XC40, S60, V60, XC60, S90 และ XC90 โฉมปัจจุบันก็ยังมีขายอยู่ โดยยังไม่มีการเปิดตัว EX90 ตามตลาดโลกในตอนนี้
ผู้นำเข้าอิสระ
ผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าอย่างอิสระ ก็ได้เสนอทางเลือกหลากหลาย กับรถมินิแวนหลายรุ่น เช่น Toyota Alphard, Honda StepWGN, Volkswagen ID.Buzz ฯลฯ
2023 Bangkok Motor Show ครั้งที่ 44 จัดขึ้นวันที่ 22 มีนาคม ถึง 2 เมษายน 2566 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี Challenger 1-3 บัตรราคา 100 บาทมีจำหน่ายที่หน้างาน วันธรรมดาเปิดเวลา 12.00 - 22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 11.00 - 22.00 น.
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}