- ชี้รถยนต์ไฟฟ้าทำให้ต้องพึ่งพาบางประเทศ
- มั่นใจยังมีลูกค้าอยากได้รถเครื่องยนต์
- พร้อมสร้างสมดุลทางสิ่งแวดล้อมและกำไร
กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอีกรอบสำหรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลก เมื่อโอลิเวอร์ ซิปส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ออกมาระบุว่าพวกเขาต้องระมัดระวังมากขึ้นในการโฟกัสเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ามากเกินไปเพียงอย่างเดียว
ซิปส์ให้เหตุผลว่า พวกเขาะจะไม่มุ่งมั่นเดินหน้าทำตลาดในประเทศเพียงไม่กี่แห่งที่มุ่งเน้นการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเป็นพิเศษ และต้องไม่ลืมว่ายังมีตลาดที่เหมาะสมกับการทำตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ ซึ่งก็มีลูกค้าที่ไม่พร้อมซื้อรถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
การออกมาประกาศทิศทางของเขาในครั้งนี้ เป็นการยืนยันคำพูดของค่ายรถหลาย ๆ ค่ายที่เคยออกมาระบุว่าไม่ควรเร่งเดินหน้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรีบเร่งเกินไป โดยคนที่เคยพูดเรื่องนี้ชัดเจนที่สุดก็คือ Toyota (โตโยต้า) ช่วงก่อนหน้าที่จะเปิดตัวฟลีตรถยนต์ยุคใหม่
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ซิปส์เองก็มีเหตุผลที่น่าสนใจของเขาเหมือนกัน...
รถไฟฟ้าเป็นการเพิ่มความสำคัญให้บางประเทศ
ซิปส์บอกว่า หากเรามองไปที่เทคโนโลยีที่ทำการพัฒนากันออกมา การผลักดันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะในขณะเดียวกัน มันจะเป็นการเพิ่มการพึ่งพาของอุตสาหกรรมไปอยู่ที่ประเทศเพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะหมายถึงใครไปไม่ได้นอกจากประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศหลักในการควบคุมวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในปัจจุบัน
ถ้าลูกค้าไม่อยากซื้ออีวี มันก็ต้องมีคนขายเครื่องยนต์
นอกจากนี้ เขาระบุว่า จะต้องมีลูกค้าบางกลุ่มแน่ ๆ ที่ไม่สามารถซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้ หรือมีเหตุผลที่จะไม่ซื้อ แต่ต้องการใช้งานรถยนต์ มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้ลูกค้านั้่นใช้งานรถคันเก่าของพวกเขาไปตลอดกาล เพราะฉะนั้น "หากคุณยกเลิกการทำรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปตลอด มันก็จะต้องมีคนอื่นที่ทำตลาดรถยนต์กลุ่มนี้อยู่ดี"
แต่ยังไงก็จะถูกบีบด้วยมาตรการสิ่งแวดล้อมอยู่ดี
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการทำตลาดรถยนต์ในหลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการควบคุมเรื่องของการปล่อยไอเสียของรถยนต์ แต่การทำตลาดเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีประสิทธิภาพสูงจะเป็นหัวใจหลักในการสร้างสมดุลในการลดการปล่อยไอเสียและการทำกำไรของบริษัทใน ในภาวะที่ต้นทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและมูลค่าของพลังงานที่ใช้ยังพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง
ต้องวางแผนเพื่อรับมือเรื่องนี้ในอนาคต
นายใหญ่บีเอ็มดับเบิลยูระบุว่า บริษัทจะต้องวางแผนเกี่ยวกับเรื่องของราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่มากขึ้นกว่าเดิมในการผลิตและการรีไซเคิลเพื่อที่จะลดต้นทุนลงมา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ที่จะต้อวคำนึงถึง ทั้งในมุมของสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ซึ่งซิปส์หวังว่าต้นทุนที่อยู่สูงในระดับสุดยอดในปัจจุบัน จะกลับสู่สถานการณ์ปกติได้ในอนาคต
ดูทิศทางแล้ว ค่ายนี้คงค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
แม้จะมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วหลายต่อหลายรุ่นในตลาดโลก รวมไปถึงการเปิดตัว BMW i7 (บีเอ็มดับเบิลยู ไอ7) ในไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดูรีบร้อนอะไร เพราะยังมีการพัฒนารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในออกมาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน แถมยังไม่มีแผนที่จะผลักดันฟลีตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาในเร็ววันนี้ด้วย ซึ่งอาจจะเป็นทิศทางที่เหมาะสมที่สุดในการบริหารธุรกิจในปัจจุบันนี้ก็เป็นไปได้
ต้องรอดูอีกสัก 4-5 ปี ว่าแผนงานระยะกลางของใครจะแน่กว่ากันแล้วล่ะ...
อ่านเพิ่มเติม: เผยภาพ 2023 BMW i7 ซีดานไฟฟ้าผู้บริหารสุดหรู วิ่งไกล 625 กม. ราคาเริ่ม 4.7 ล้านบาท พร้อมจอหลัง 31.3 นิ้ว
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });