Audi RS Q e-tron ตัวแข่ง EV ที่แรงสุดในแรลลี่ แต่แพ้ให้กับ Toyota Hilux Revo ในทะเลทราย

Audi ส่งรถแข่ง RS Q e-tron เข้าแรลลี่เพื่อเรียกชื่อเสียงในอดีตกลับมา โดยใช้ขุมพลัง EV ที่ไฮเทคและแรงสุดในรายการ แต่กลับพ่ายให้รถกระบะ Toyota Hilux Revo ที่ใช้เครื่องเบนซิน 3.5 ลิตร

• Audi ส่งรถแข่งมาทวงตำนาน
• รถ RS Q e-tron ทำคู่แข่งทึ่ง
• แต่ผู้ชนะคือ Hilux Revo
• ทีม Toyota ออกปากชม
• ทีมอื่นเรียกร้องความเท่าเทียม

หลังจากรถ Quattro ในตำนาน WRC ในยุค 80 เคยประสบความสำเร็จจนแจ้งเกิดแบรนด์สี่ห่วงนี้ Audi (อาวดี้) อาจกลับมาอีกครั้ง ด้วยความตั้งใจเอาดีด้านการแข่งแรลลี่อย่างในอดีต แม้ว่าจะล้มเหลวในการคว้าชัยชนะในการเข้าแข่งขัน Dakar Rally ครั้งแรก โดยพ่ายให้กับ Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) แต่คู่แข่งก็ดูเหมือนจะกลัว Audi RS Q e-tron ไฮบริด

Audi ส่งรถแข่งมาทวงตำนาน

Audi RS Q e-tron นำเสนอระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งหมด แบบมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสันดาปภายใน เพื่อให้ผ่านทางทุรกันดารของ Dakar Rally ซึ่งมันสร้างความประหลาดใจให้ทีมคู่แข่งมาก ถึงขนาดที่ทีม Prodrive หนึ่งในคู่แข่งของ Audi กล่าวชมว่า “รถที่เร็วที่สุดในเส้นทางยาว” ขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อในภายหลัง

“ผมคิดว่าระหว่างเรากับ Toyota มันดูยุติธรรมมาก” David Richards ประธาน Prodrive กล่าว “แต่ชัดเจนว่าประสิทธิภาพของ Audi นั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกัน พวกเขามีน้ำหนักเกิน 200 กก. และยังเร็วกว่ารถของเรามาก ดังนั้นหากพวกเขาพัฒนาความน่าเชื่อถือได้ พวกเขาก็จะได้รับชัยชนะภายใน 1 ชั่วโมงอย่างง่ายดาย”

แต่ผู้ชนะคือ Hilux Revo

ทางด้านผู้ชนะรายการนี้ Toyota Hilux Revo ตัวแข่งทะเลทรายที่ออกแบบใหม่หมดจรด ใช้เครื่อง V35A จากรถ Land Cruiser 300 ติดเทอร์โบคู่เพิ่ม ทำกำลังได้ 405 แรงม้า กับแรงบิด 660 นิวตันเมตร กับเกียร์ซีเควนเชียล 6 สปีด ใส่ช่วงล่างอิสระปีกนกคู่ทั้ง 4 ล้อ นับได้ว่าทางเทคนิคแล้วไม่มีอะไรเป็นของเดิมจากโรงงาน

แม้ว่าทีมของเขาจะชนะการแข่งขันในปีนี้ แต่ Glyn Hall ผู้จัดการทีม Dakar ของ Toyota ก็เห็นด้วยกับ Richards โดยกล่าวว่านั่นเป็นรถยนต์ที่แรงที่สุดในทางตรงทำความเร็วสูง

อ่านเพิ่มเติม : เปิดตัว 2021 Audi RS e-tron GT ราคา 6.39 ล้านบาท สเปคนำเข้าฝาแฝด Taycan

ทีม Toyota ออกปากชม

Audi RS Q e-tron ประสบปัญหาการชนและการนำทางในช่วงต้น 2022 Dakar Rally ทำให้รถทั้งหมดออกจากการแข่งขันโดยรวม แต่ยานพาหนะเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่าความเร็วของพวกเขาชนะ 4 สเตจจาก 12 สเตจของการแข่งขัน

ผู้จัดการทีมแข่งของ Toyota กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัญหาที่เรามีคือ Audi ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเร็วแค่ไหน” นาย Hall กล่าวกับสื่อมวลชน Motorsport “เราต้องศึกษาดูรายละเอียดนั้น เพราะเราพบว่าพวกเขามีน้ำหนักเกิน 200 กก. และพวกเขายังคงชนะหลายสเตจ”

อ่านเพิ่มเติม : Review 2020 Audi e-tron Sportback รถไฟฟ้าเสียบปลั๊ก 5.299 ล้านบาท ครบทั้งแรงทั้งหรู

ทีมแข่งต้องการความเท่าเทียม

ทั้งทีม Prodrive และทีม Toyota เรียกร้องให้มีกฎเกณฑ์แม้กระทั่งการแข่งขัน และชะลอความแรง Audi ลงอย่างยุติธรรม มิฉะนั้นจะกลายเป็นการแข่งเพียงรายเดียว

“เราต้องหาจุดสมดุลเพื่อให้ทุกคนมีการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน และนั่นเป็นหน้าที่ของ FIA ที่จะทำให้การแข่งยุติธรรม มิฉะนั้น Audi จะมาทำลายกีฬานี้” Richards ประธาน Prodrive กล่าว “ FIA จะต้องแก้ไขปัญหานั้นเพราะ FIA สัญญาที่จะทำให้ทุกคนเท่าเทียม ดังนั้นฉันจึงเชื่อมั่นในพวกเขา"

การอนุญาตให้การควบคุมเทคโนโลยีใหม่นั้นยากมาก และต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถ้าหากพิสูจน์แล้วว่ามันได้ผลกว่าเดิม ก็คุ้มค่าที่จะยอมทำตาม เพียงแต่ว่ามันต้องทุ่มเงินลงทุนสูงมากในการทำ EV วิ่งทะเลทรายแบบนี้ เพื่อให้ได้แค่ชื่อเสียงไว้ขายสปอนเซอร์ข้างรถ คำถามคือ ใครจะมีสายป่านยาวกว่ากัน

อ่านเพิ่มเติม : ชมคันจริง 2020 Audi e-Tron Sportback ขายไทยในราคา 5.299 ล้านบาท มีดีแค่หลังคาลาดลงรึเปล่า?