BMW M2 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม 2) เจเนอเรชั่นล่าสุด นั้นมีน้ำหนักถึง 1,710 กิโลกรัม ซีอีโอของ BMW M กล่าวว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของรถเล็กอย่างนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
การเปิดตัว BMW M2 เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ถือว่าเป็นรถจากสำนัก BMW M ที่เล็กที่สุด นั้นมีน้ำหนักถึง 1,710 กิโลกรัม ทำให้น้องเล็กแห่งสำนัก M นั้นหนักกว่ารุ่นพี่อย่าง M4 Coupe รุ่นปกติเสียอีก
ในงาน BMW M Festival เมือง Kyalami ซีอีโอของ BMW M อย่าง Frank van Meel ยืนยันว่ายุคที่รถจากสำนัก M มีน้ำหนักเบาได้หมดลงแล้ว และรถจากบีเอ็มดับเบิลยูจะมีแต่หนักขึ้น แต่เหตุผลคืออะไรกันนะ
เว็บไซต์ CarBuzz ได้ถาม van Meel ว่า BMW จะสามารถรับมือกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของการใช้พลังงานไฟฟ้าในรถยนต์ M ในอนาคตด้วยการใช้คาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้นหรือไม่ โดยเขาได้ตอบว่า
“แน่นอนว่าเรากำลังติดตามเทคโนโลยีที่ทำให้รถมีน้ำหนักที่เบาขึ้นอยู่เสมอ” เขาตอบคำถามโดยการอ้างอิงถึงหลังคาแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้ใน M2 รุ่นล่าสุดเป็นครั้งแรก และเป็นมาตรฐานใน M3 และ M4 อยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังยืนยันในงานแถลงข่าวว่า “ในอนาคตรถจะหนักขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม”
อ่านเพิ่มเติม : 2023 BMW M2 ฉีกกรอบงานดีไซน์ โมเดลส่งท้ายที่ไม่ใช้พลังไฟฟ้า
แฟน ๆ ของ BMW M หลายคนอาจไม่พอใจในน้ำหนักของน้องเล็กอย่าง M2 ที่มีกว่า 1,700 กก. อย่างไรก็ตาม van Meel และวิศวกรจากสำนัก M ก็กำลังมองหาวิธีลดปัญหานี้ และทำให้แน่ใจว่ารถยนต์ M ในอนาคตมีน้ำหนักเบาต่อไป
“ตอนนี้มีหลายสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เพื่อรักษาจิตวิญญาณนั้นไว้” van Meel กล่าวย้ำ โดยระบุว่าอาจจะไม่ได้มีวัสดุเพียงคาร์บอนไฟเบอร์ และกำลังมองหาวิธีใหม่ ๆ อยู่
“บางที (ชิ้นส่วนต่าง ๆ) ในอนาคต อาจทำมาจากวัสดุอื่น ๆ เช่นใน M4 GT4 ที่เราจะใช้วัสดุจากธรรมชาติแทนคาร์บอนไฟเบอร์” เขากล่าว
โดยวัสดุจากธรรมชาติดังกล่าวคือวัสดุที่มีน้ำหนักเบาที่ชื่อว่า Bcomp ซึ่งเป็นบริษัทจากสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นผู้บุกเบิกวัสดุจากธรรมชาติที่ทำจากผ้าลินินและเส้นใยอื่น ๆ
สำหรับใน M4 GT4 จะใช้วัสดุน้ำหนักเบาจาก Bcomp ทั้ง ampliTex และ powerRibs ซึ่งจะใช้ในส่วนของฝากระโปรงหน้า, ฝาท้าย, ประตู, พาร์ทสปอยเลอร์ทั้งหน้าและหลัง
วัสดุนี้มีข้อดีที่มากกว่าคาร์บอนไฟเบอร์ตรงที่สามารถผลิตได้ง่ายกว่าและสามารถหมุนเวียนใหม่ได้ โดยคาร์บอนไฟเบอร์จะตรงกันข้ามกับวัสดุนี้ตรงที่มีราคาแพงและผลิตจำนวนมากได้ยากกว่า
Van Meel ยืนกรานว่า ตำแหน่งของมวลนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มากกว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเสียอีก
“สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือวิธีที่เรารวมเทคโนโลยีจากรถของเราอย่างแบตเตอรี่ หรือเราจะติดตั้งสิ่งเหล่านั้นในรถอย่างไร” van Meel กล่าวโดยอ้างถึงวิธีการกำหนดรูปร่างแบตเตอรี่ซึ่งมีผลต่อน้ำหนัก ซึ่งจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง
เป็นที่รู้กันว่าประโยชน์หนึ่งของชุดแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนของรถอีวีคือทำให้รถมีศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Porsche และ Ferrari จะพยายามวางตำแหน่งแบตเตอรี่ให้มีสมดุลของน้ำหนักให้ใกล้เคียงกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง
อ่านเพิ่มเติม : เผยโฉม 2023 BMW XM ซูเปอร์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดจากสำนัก M
เรายังไม่ทราบว่า BMW จะทำรถสมรรถนะสูงแบบไฟฟ้าออกมาอย่างไร แต่ดูเหมือนว่ากำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ M ที่เป็นไฟฟ้าคันแรกออกมา โดยมีการทดสอบรถต้นแบบที่มีมอเตอร์ 4 ตัวที่ให้กำลังรวมถึง 1,000 แรงม้า ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อน้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้น
หากใครที่ไม่ต้องการซื้อรถจากสำนัก BMW M ที่เป็นไฟฟ้านั้น ยังพอมีเวลาจนถึงสิ้นทศวรรษนี้ (2030) เพราะ van Meel ได้ยืนยันว่ารถจากสำนัก M จะไม่มีการพัฒนาเครื่อง 3 หรือ 4 สูบ และจะยังมีเกียร์ธรรมดาให้เลือกจนถึงปี 2030
อ่านเพิ่มเติม: BMW หวังใช้พลาสติกรีไซเคิลหนทางใหม่ จากอวนจับปลาเก่ากับกระบวนการที่หาไม่ได้ที่ไหน
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}