EV ถูกขายต่อเป็นรถมือสอง ในราคาที่ตั้งตามใจเจ้าของรถ เพราะยังไม่มีราคากลางชัดเจน มีคู่แข่งระดับเดียวกันน้อย อีกทั้งยังเป็นรถที่เน้นขายคนมีฐานะ ผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ โดยที่เงินไม่ใช่ปัญหา

ปกติแล้ว ตลาดรถมือสองส่วนใหญ่ จะเป็นของกลุ่มคนที่อยากใช้รถ แต่งบประมาณไม่พอป้ายแดง แต่สำหรับตลาด EV มือสองนี้ เป็นการตั้งราคาแบบตามใจเจ้าของ มีราคาขายต่อตกยาก ลดราคาให้น้อย เพราะมีความต้องการสูง ลูกค้ามีฐานะ ชอบเทคโนโลยี และงบประมาณไม่ใช่ปัญหาใหญ่

กลุ่มคนรวยซื้อ

กลุ่มลูกค้าที่ซื้อ EV มือสองนี้ มักจะเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงเรื่องการซ่อม-เปลี่ยนแบตเตอร์รี่ได้ และอยากลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ต่างจากกลุ่มลูกค้าผู้ที่ซื้อ EV ป้ายแดงสักเท่าไหร่นัก เพียงแต่ไม่อยากจ่ายแพงตอนป้ายแดง หรือไม่อยากรอรับรถนาน

ฉันใช้ EV แต่ไม่รวยนะ

เคลีย์ประเด็นเรื่องกลุ่มลูกค้ารวยก่อน บางคนอาจจะแย้งว่า ตนเองใช้ EV แต่ฐานะไม่ได้เรียกว่ารวยอะไร มันมีที่มาจากเราตั้งสมมุติฐานไว้ว่า EV ยังเป็นของเล่นคนรวย เพราะรถประเภทนี้ต้องมีตู้ชาร์จในบ้าน ต้องมีที่จอดรถเป็นสัดส่วน นั่นหมายความว่าต้องมีบ้านพร้อมพื้นที่จอดรถ ซึ่งบ้านแบบนี้มีราคาหลักล้าน เช่น ทาวเฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ฯลฯ เป็นของตัวเอง เพราะบ้านเช่าหรือคอนโด มักจะไม่สามารถติดตู้ชาร์จส่วนตัวได้ ดังนั้นคนที่สามารถมีบ้านระดับนี้ได้ ต้องมีรายได้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ หรือมากกว่าเงินเดือนพื้นฐานของปริญญาตรี

เราไปหาคำตอบของสมมุติฐานดังกล่าว จากการสอดส่องโรงรถของลูกค้าใช้ EV โดยส่วนใหญ่ในคลับผู้ใช้ มักจะอยู่ในบ้านหรือทาวเฮ้าส์ ที่มีโรงรถส่วนตัว บ้างก็มีรถยนต์สันดาปประเภทรถตู้ หรือมีรถหรูราคาแพงจอดอยู่ก่อนแล้ว บ้างก็ใช้ EV คันเดียวของบ้านอยู่บ้าง
ดังนั้นอาจจะไม่สามารถใช้คำว่ารวยได้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มากพอ และถ้าจะสรุปง่าย ๆ คือเป็น ‘ของเล่นคนรวยและคนฐานะปานกลางขึ้นไป’ ดูจะเป็นคำจำกัดความที่เหมาะสมดีในขณะนี้

ราคาตามใจเจ้าของ

EV มีปริมาณมือสองในตลาดน้อย ทำให้ไม่มีราคากลางที่ชัดเจน เมื่อเทียบกับรถสันดาปในปีเดียวกัน โดยเจ้าของ EV แต่ละคนก็ย่อมตั้งราคามากกว่ารถสันดาปในราคาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น เราเห็น MG ZS EV ตอนป้ายแดงราคา 1,190,000 บาท ขับไป 2 ปีขายในราคา 800,000 บาทบวกลบ ในขณะที่รถ MG HS เครื่องสันดาปตัวท็อปที่มีราคา 1,119,000 บาทใกล้เคียงกัน หลังจากขับไป 2 ปีถูกขายอยู่ที่ประมาณ 6-7 แสนบาทเท่านั้น แสดงว่าความต้องการรถไฟฟ้า ดันให้ราคามือสองสูงกว่ารถสันดาป ทั้งที่ตอนซื้อป้ายแดงมาก็จ่ายพอกัน

EV มีน้อย ไม่อิงราคาตลาด

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ มีจำนวนน้อย จึงไร้คู่แข่ง ไม่มีตัวเปรียบเทียบ ใครที่อยากได้ก็ต้องซื้อราคานี้เท่านั้น เช่น Hyundai Ioniq เปิดตัวในไทยเมื่อ 4 ปีก่อนที่ราคา 1,749,000 บาท และเพิ่มทำโปรโมชั่นเมื่อปีที่ผ่านมาที่ราคา 1,111,000 บาทก่อนจะหยุดการจำหน่ายไป และมีราคามือสองตอนนี้อยู่ที่ 8-9 แสนบาท โดยมีจำนวนรถมือสองรุ่นนี้วางขายเพียงหลักหน่วยเท่านั้น

อีกตัวอย่างคือ Nissan Leaf ที่เปิดตัวในไทยเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยราคา 1,999,000 บาท ก่อนลดราคาลงมาเหลือ 1,490,000 บาท และทำราคาล้างสต็อคที่ 959,000 บาทในตอนสุดท้าย พอกลายเป็นมือสองแล้ว ก็ยังคงราคาขายต่ออยู่ที่ 8-9 แสนเท่ากัน โดยแทบไม่มีปริมาณรถออกขายต่อเลย เพราะยอดขายตอนมือหนึ่งมีน้อยมาตั้งแต่แรกแล้ว

Tesla ยังไดรับความนิยมสูงสุดในกลุ่มลูกค้า EV โดยรุ่น Model 3 ยังคงมีราคาขายต่อ 3 ล้านโดยประมาณ ต่ำกว่าราคาตอนป้ายแดงเพียงไม่กี่แสนเท่านั้น เนื่องจากนำเข้ามาน้อย และเป็นรุ่นโด่งดัง กับไม่มีรถเก๋งไฟฟ้าระดับเดียวกันมาเปรียบเทียบด้วย

อนาคตรีเซลเติบโต

อนาคตของวงการขายต่อ EV ยังจะเติบโตและแพงอยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการรีเซล ขายใบจอง หรือขายต่อรถที่จดทะเบียนแล้ว เนื่องจากความต้องการมีมากขึ้นทุกที และมีการแข่งขันไม่มาก ในขณะทีค่ายญี่ปุ่นก็มีผู้เล่นที่น่าจับตาอย่าง Toyota bZ4X ที่มีจำนวนจำกัดเช่นกัน ยิ่งทำให้กระแส EV จะถูกขายต่อในราคาแพงกว่าราคาขายจากโชว์รูมด้วยซ้ำ

อ่านเพิ่มเติม : 10 อันดับ รถอีวีที่ชาร์จไวที่สุดในปี 2022 เร็วสุดที่ 10 นาที ได้ 160 กม. มีรถที่ขายในไทยด้วย