BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ได้เก็บข้อมูลจากผู้ขับขี่ในการขับทุกครั้ง โดยได้รับอนุญาตจากผู้ขับขี่ แล้วบีเอ็มดับเบิลยูทำไปเพื่ออะไรกันนะ?
รายงานจากเว็บไซต์ Carsales ของออสเตรเลีย ผู้จัดการโครงการของ BMW 7-Series อย่าง Christoph Fagschlunger ยอมรับว่าบริษัทได้เก็บข้อมูลของลูกค้ามาตลอดสามปี ข้อมูลของลูกค้าที่เก็บรวบรวมไว้จะถูกใช้ในการพัฒนารถ รวมถึงฟีเจอร์ระบบช่วยเหลือการขับขี่รุ่นต่อไปและระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
BMW จะส่งข้อมูลไปยังศูนย์รวบรวมที่มิวนิคในสถานการณ์ดังต่อไปนี้ ได้แก่ เมื่อรถดับ, รถดับระหว่าง idle-stop หรือขณะกำลังชาร์จ (สำหรับ EV และ PHEV) ทั้งนี้ ข้อมูลต้องได้รับอนุญาตจากผู้ขับขี่
โดยเริ่มจากรถเก็บข้อมูลเอาไว้ จากนั้นจะถูกส่งไปยัง BMW ด้วยการเชื่อมต่อที่ง่ายและปลอดภัย การส่งข้อมูลจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายโดยบริษัทและกรองเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นไปใช้เท่านั้น
จากรายงานของ Fagschlunger ระบุว่าเจ้าของ BMW กว่า 4 ใน 5 เห็นด้วยที่จะส่งข้อมูลกลับไปยังบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทางบีเอ็มดับเบิลยูเก็บข้อมูลได้กว่า 1.2 พันล้านกิโลเมตร ในข้อมูลการขับขี่จริง (และเสมือน) จากลูกค้า และจะสามารถเก็บได้กว่า 2 พันล้านกิโลเมตรภายในสิ้นปีนี้
Fagschlunger กล่าวว่า “เราทำสิ่งนี้เมื่อได้รับการอนุญาตจากลูกค้าแต่ละคนเท่านั้น และลูกค้าเกือบ 80% ยอมให้ข้อมูลกับเรา”
“มันแสดงให้เราเห็นว่ามีการใช้ระบบ active cruise ที่ไหนบ้าง หรือใช้อย่างไรบ้าง ระบบการทำงานยังดีอยู่หรือไม่ ลูกค้าพอใจกับการใช้งานหรือเปล่า”
สิ่งหนึ่งที่ BMW ค้นพบจากการใช้ข้อมูลเหล่านี้คือลูกค้ากว่า 60% ที่มีระบบนำทางแบบ Professional จะใช้ระบบ active cruise control อย่างไรก็ตาม มีลูกค้าเพียง 36% เท่านั้นที่ใช้ระบบช่วยบังคับพวงมาลัยหรือระบบป้องกันการออกนอกเลน
Fagschlunger อธิบายว่า “เรากำลังวิเคราะห์ว่าทำไมในข้อมูลแต่ละพื้นที่จึงแตกต่างกัน และเราต้องใช้ข้อมูลเพื่อการพิจารณาว่าเป็นการจราจรหนาแน่นหรือสภาพถนน และหลังจากนั้นก็ใช้สำหรับการปรับปรุงที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล”
อ่านเพิ่มเติม : อเมริการับรองรถอัตโนมัติแบบไม่มีที่ควบคุมด้วยมนุษย์แล้ว แต่ย้ำต้องปลอดภัยเท่ามนุษย์ขับ
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}