เมื่อพูดถึง Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ภาพในหัวของทุกคนก็อาจจะมีได้อยู่ไม่กี่แบบ บางคนอาจจะนึกถึงไฟหน้าอันสว่างสดใสที่ใครเห็นแล้วก็ต้องพากันหลบ หรือจะเป็นการขับขี่อันฮึกเฮิมบนท้องถนน
แต่ถ้าหากเราย้อนไปดู ที่มาที่ไปของรถคันนี้ เราก็จะพบว่ามันมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว และความน่าสนใจนี้ก็มีมากกว่าเพียงแค่การขับขี่ ความอเนกประสงค์ เครื่องยนต์ที่แรง หรือว่าเบรกทื่อแต่ปลอดภัย เพราะ Toyota Fortuner อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทยแล้ว
แต่มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
โครงการ IMV นั้นถูกเปิดเผยออกมาโดยงานแถลงข่าวจาก Toyota ในปี 2002 และท่านก็อาจจะสงสัยว่า มันคืออะไรกันแน่? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
IMV คือชื่อของพื้นฐานรถใหม่ที๋ Toyota ออกแบบ และตั้งฐานการผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยได้ผ่านการทดสอบอย่างหนักหน่วง เพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพความทนทานของพื้นฐานนี้ และการทดสอบนั้นก็เกิดขึ้นในประเทศไทย ในยุคสมัยที่อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายเหมือนกับปัจจุบัน
ถ้าเราเรียกมันว่า IMV ท่านอาจจะสับสน แต่ถ้าหากเราเรียกมันว่า Toyota Hilux Vigo (โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้) ทุกคนก็อาจจะร้องอ๋อกันเลยทีเดียว ถูกต้องครับ พื้นฐานดังกล่าวนี้ หมายถึงแชสซีแบบ Body-on-frame ที่ใช้กับรถกระบะ “1 ตัน”
มันเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่การวางแผน รวมไปถึงการตั้งศูนย์กลางการผลิต ตั้งแต่การปั้มตัวแชสซี ตัวถัง และชิ้นส่วนอื่น ๆ เกือบทุกชิ้น เกิดขึ้นโดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง และชิ้นส่วนทั้งหมดไม่ได้มีการผลิตในประเทศอื่นมาในช่วงก่อนหน้านี้ ไม่เหมือนกับรถรุ่นอื่น ๆ ที่อาจจะมีการผลิตชิ้นส่วนในไทยเช่นกัน แต่ก็เป็นชิ้นส่วนที่ในอดีตเคยผลิตจากประเทศอื่นมาแล้ว
นับได้ว่า เราเห็น “โครงการ IMV” แทบจะทุกวันเลยทีเดียว Toyota Hilux Vigo นั้นเป็นรถกระบะที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย และได้ชื่อชั้นความทนทานเหนือใคร มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้รถกระบะรุ่นนี้เกิน 1 ล้านกิโลเมตร จนเลขกิโลไม่ขึ้นต่อ ค้างอยู่ที่ 999,999 กิโลเมตร
แต่โครงการ IMV ไม่ได้มีแค่รถกระบะเท่านั้น ความน่าสนใจอยู่ตรงนี้ครับ โครงการ IMV มีส่วนต่อขยายขึ้นมา 2 ส่วน โดยที่ส่วนหนึ่งนั้น เราจะให้ความสนใจเป็นหลัก นั่นคือ Toyota Fortuner ในขณะที่อีกส่วนคือ Toyota Innova (โตโยต้า อินโนว่า) ซึ่งเราจะกล่าวถึงกันในวันหลัง
Toyota Fortuner เป็นรถยนต์ที่ถ้าหากไปอยู่ในประเทศอื่น ๆ เราก็จะเรียกมันว่า SUV Sport Utility Vehicle ตามปกติ แต่เมื่อมาในประเทศไทยแล้วนั้น เราเรียกมันว่า PPV หรือ Pick-up Passenger Vehicle ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
เหตุผลหลัก ๆ นั้น คือเรื่องของภาษีสรรพสามิตครับ รถยนต์ใหม่ทุกคัน ไม่ว่าจะผลิตในประเทศ หรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ จะมีการเรียกเก็บภาษีทันทีที่ออกมาจากหน้าโรงงาน ซึ่งในปัจจุบันนั้น เปลี่ยนแปลงในปี 2017 คิดจากอัตราการปล่อยมลพิษ คาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสีย ร่วมกับชนิดของรถยนต์ แบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถอีโค่คาร์ รถไฮบริด กระบะป้ายเขียว กระบะ 4 ประตู และรถกระบะดัดแปลง PPV
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังการคิดอัตราภาษีแบบใหม่ ภาษีรถยนต์นั่งเก๋งทั่วไปนั้นแพงที่สุด ตั้งแต่ 30% ในขณะที่รถกระบะตอนเดียว เก็บอยู่ในอัตรา 3 ถึง 5% กระบะ 4 ประตูเก็บอัตรา 12 ถึง 15% และรถ PPV เดิมจัดเก็บอยู่ที่ 20% ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 25 หรือ 30% ตามการปล่อยมลพิษ
นั่นหมายความว่ารถอย่าง Toyota Fortuner นั้น ราคาจำหน่ายสามารถทำได้ต่ำกว่ารถ Crossover SUV เช่น Honda CR-V ซึ่งใช้พื้นฐานจากรถเก๋ง และถูกคิดอัตราภาษีในระดับแพงสุดอยู่พอสมควร
แน่นอนครับว่าการคิดภาษีเช่นนี้ เป็นการช่วยส่งเสริมการซื้อและใช้งานรถยนต์กระบะ และแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่เราก็พอจะตีความได้ว่า รัฐบาลกำหนดภาษีเช่นนี้เพื่อที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิต และการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ชนิดกระบะ อันเป็นรายได้สำคัญของประเทศไทย
ไม่ใช่เพียงแต่โครงการ IMV ของ Toyota เท่านั้น แต่ยังมีรถอย่าง Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมกซ์) และ Mitsubishi L200 Triton (มิตซูบิชิ แอล200 ไตรตัน) ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ เกิดขึ้นมาเป็น Isuzu MU-X (อีซูซุ มิวเอ็กซ์) และ Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) ขึ้นมา รวมไปถึงรถ PPV รุ่นอื่น ๆ อีกเช่น Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรส) Nissan Terra (นิสสัน เทอร่า) และ Chevrolet Trailblazer (เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์)
Toyota Fortuner เป็นรถ PPV ที่ได้รับประโยชน์จากการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตเช่นนี้ และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ศูนย์ Toyota Technical Center Asia Pacific ที่ภายหลังถูกเปลี่ยนเป็น Toyota Daihatsu Engineering & Manufacturing ก็ก่อตั้งในปี 2003 เพื่อพัฒนารถยนต์กระบะโดยเฉพาะในช่วงแรก อันเป็นผลจากการที่รถยนต์กระบะเหล่านี้ถูกให้ความสำคัญในประเทศไทยเป็นอย่างมาก
Toyota สร้างรายได้ให้กับรัฐไทยมหาศาล ถึงขนาดที่นโยบายซึ่งตอนแรกกำหนดเอาไว้ว่ารถ PPV จะต้องใช้ช่วงล่างหลังแบบแหนบ อย่าง Isuzu MU-7 ที่เปิดตัวก่อนหน้าไปครึ่งปี ก็ยังเปลี่ยนมาใช้แบบคอยล์สปริงได้ ตราบใดที่มีรถกระบะตอนเดียวที่เป็นช่วงล่างแบบเดียวกันจำหน่าย อันเป็นผลจากช่องโหว่ที่ Toyota สร้างเอาไว้กับ Toyota Fortuner นี่เอง
ถ้าหากอ่านเพียงโบรชัวร์ หรือรีวิวในแบบรูปธรรมของ Toyota Fortuner เราก็อาจจะตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้
ในช่วงเปิดตัวนั้น Toyota Fortuner มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ 3.0 ลิตร เทอร์โบดีเซล และ 2.7 ลิตร เบนซิน มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ซึ่งใช้ร่วมกับเพื่อนร่วมพื้นฐาน IMV อย่าง Toyota Hilux Vigo และ Toyota Innova ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Double Wishbone และด้านหลังแบบ 4-Link Live Axle
และเมื่อทำการปรับโฉมใหม่ ตาม Toyota Hilux Vigo ก็ได้มีการเพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันเข้ามาในปี 2010 และ Vigo Champ ในปี 2012 ก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมใหม่หมดตาม Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว) ในปี 2017 แต่ก็เป็นการนำเอาพื้นฐาน IMV มาปรับปรุงต่อยอด ไม่ใช่การเปลี่ยนพื้นฐานแบบใหม่ทั้งหมด
การตอบคำถามว่า Toyota Fortuner ทำไมจึงประสบความสำเร็จ เราต้องมองไปในมุมมองว่าด้วยการรวมเอาทุกสิ่งอย่างที่ลูกค้าคนไทยอยากได้เข้ามาเอาไว้ เครื่องยนต์นั้นแรง พละกำลังพอให้ใช้งานได้เป็นอย่างดี (ตราบใดที่เลือกตัวดีเซล) อีกทั้งยังมีความอเนกประสงค์ พื้นที่โดยสารกว้างขวาง และมี 7 ที่นั่งซึ่งสามารถพับขึ้นแขวนได้ นอกจากนั้นยังมีความทนทานเชื่อถือได้ในสไตล์รถกระบะ Toyota ซึ่งทาง Toyota เอง ก็เคยออกมาแถลงว่า คุณภาพการผลิตรถจากโรงงานที่สำโรง ดีเทียบเท่า และในบางด้าน ดีกว่า ญี่ปุ่น
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด เราคงจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดไม่ได้ แต่ Toyota Fortuner นั้น มีดีไซน์ที่ถูกจริตคนไทยเป็นอย่างมาก ในปี 2004 ที่รถรุ่นนี้เปิดตัว สังคมไทยยังไม่แน่ใจว่ารถเหล่านี้นั้นมีความหมายว่าอย่างไร และ Isuzu MU-7 ก็เป็นรถที่ออกแบบมานุ่มนวล เป็นรถครอบครัวเต็มที่ ไม่มีความดุดันบึกบึนเลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะเดียวกัน Mitsubishi Pajero Sport ก็เป็นเรื่องของอนาคต ยังไม่เปิดตัวไปอีก 4 ปี และไม่มีใครทราบแผนว่า Mitsubishi จะเปิดตัวรถรุ่นนี้หรือไม่
Toyota Fortuner เป็นรถ PPV ที่หน้าตาบึกบึนและแข็งแกร่ง ถูกใจคนไทยเป็นที่สุด บ่งบอกถึงพละกำลังและความสามารถในการพาท่านไปทุกที่
แน่นอนครับว่า เราก็คงจะไม่ยืนยันว่า นั่นส่งผลต่อกลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นนี้ไปด้วยหรือไม่...
เราต้องขอบคุณ Toyota Fortuner เป็นอย่างมาก ที่ช่วยปูทางให้ตลาดรถยนต์ PPV ในปัจจุบันนั้น ตอบสนองความต้องการของคนไทยอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะด้วยไฟหน้าที่สว่างโชติช่วงชัชวาลกันทุกรุ่น เครื่องยนต์ดีเซลกำลังแรงสูง 200 แรงม้า หรือว่ารูปลักษณ์ที่ผสมผสานเอาความสปอร์ตเข้ากับความบึกบึน
เราต้องพูดกันตามตรงว่า ถ้าหากรถ PPV วางแบบมาจาก Isuzu MU-7 แทนที่จะเป็น Fortuner ตลาดรถยนต์ไทยก็คงจะไม่เหมือนกับที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}