Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) หรือที่ทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นในชื่อ Honda Vezel (ฮอนด้า วีเซล) ถูกคาดหวังว่าจะเป็นอาวุธหนักของฮอนด้าในการต่อสู้กับกองทัพรถเอสยูวีของคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Toyota (โตโยต้า) ที่ยึดตลาดอยู่
ยอดจองของวีเซลในประเทศญี่ปุ่นหลังการเปิดตัวเดือนแรกนั้น เติบโตมากกว่า 6 เท่าตัวของเป้าหมายการจำหน่ายในประเทศ ทำให้คาดกันว่าพวกเขาจะกลับไปคว้าแชมป์ยอดขายเอสยูวีได้อีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้ทำได้ในปี 2557-2559
หลังจากเปิดตัวในช่วงปลายเดือนเมษายน ฮอนด้า วีเซลมียอดจองถึง 3.2 หมื่นคันในเดือนพฤษภาคม จากเป้าหมายการขายที่ฮอนด้าวางเอาไว้ 5,000 คันต่อเดือน ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการส่งมอบสินค้าที่อาจจะต้องรอกันถึงปลายปีนี้
ปัญหาการส่งมอบที่ล่าช้า
แม้จะมียอดการจองที่มากมายขนาดไหนก็ตาม ฮอนด้าเองก็ประสบปัญหาในเรื่องการส่งมอบรถยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาเดียวกับกับที่เกิดขึ้นกับวีเซลรุ่นก่อนหน้า ที่เปิดตัวในปี 2546 และมียอดจองไปมหาศาล
กว่าฮอนด้าจะจัดการปัญหาเรื่องการผลิตและการส่งมอบไปได้ ก็ผ่านไปถึงช่วงปี 2557 ที่ทำให้พวกเขากลับมามียอดขายมากที่สุดในเซกเมนต์นี้ และรักษาอันดับได้นาน 3 ปีก่อนการมาถึงของ Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) ในตลาด
ซี-เอชอาร์ ทำยอดจำหน่ายไปได้อย่างดีในประเทศญี่ปุ่น และคว้าแชมป์ยอดจำหน่ายรถยนต์เอสยูวีไปในปี 2560-2561 ก่อนที่วีเซล ซึ่งเป็นช่วงปลายปีของอายุสินค้ากลับมาขายดีและทำยอดจำหน่ายแซงไปได้อีกครั้งในปี 2562 ที่ผ่านมา
ลูกค้ารอ Toyota Corolla Cross และตลาดเมืองไทย
มีการคาดการณ์ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดจำหน่ายของ C-HR ชะลอตัวลงไปในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการมาถึงของ Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) ที่เปิดตัวในประเทศไทยก่อน ทำให้ลูกค้าของเอสยูวีนั้นชะลอการซื้อและรอ
ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยนั้น แม้ Honda HR-V จะยังเป็นโฉมเก่าที่รอการเปิดตัวอยู่ แต่ฮอนด้าก็ถือว่าทำยอดจำหน่ายได้ไม่เลว เมื่อพวกเขาสามารถรักษาระดับการจำหน่ายเฉลี่ยเดือนละมากกว่า 500 คันเอาไว้ได้ในไตรมาสแรก
ปัญหาเดียวของฮอนด้าก็คือความล่าช้าในการเปิดตัวเอชอาร์-วีเข้าสู่ตลาดประเทศไทย เมื่อมีรายงานข่าวว่าทั้งปัญหาโควิด-19 และการขาดแคลนชิปเพื่อการผลิต อาจจะทำให้พวกเขาต้องเลื่อนเวลาการเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ออกไปอีก
Honda HR-V ใหม่ มาพร้อมไฮไลท์น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และยังมาพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูพรีเมียมและเหมาะกับผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยในตลาด
ปัญหาอีกอย่างก็คือราคาจำหน่ายของรถที่น่าจะปรับแพงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน โดยมีการประเมินจากราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น พบว่ารุ่นเริ่มต้นจะเข้าใกล้หลัก 1 ล้านบาท ส่วนรุ่นท็อปอาจทะลุหลัก 1.2 ล้านบาทเลยทีเดียว
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}