เพราะอะไร Porsche 911 จึงคว้าที่ 1 ในการทดสอบเบรค แต่ Suzuki Jimny ได้ที่โหล่ ?

  • ทดสอบโดย ADAC สมาคมยานยนต์แห่งประเทศเยอรมนี 
  • ผู้ชนะจากทั้งหมด ได้แก่ Porsche 911 Carrera S(992) แต่ Suzuki Jimny ได้ที่สุดท้าย
  • ส่วนผู้ชนะของด้านรถปลั๊กอินไฮบริดคือ Mercedes-Benz GLE 350de และที่สุดท้ายคือ Suzuki Across 2.5 PHEV 
  • ทางด้านของรถอีวี อันดับ 1 คือ Polestar 2 และ Hyundai Kona ได้ที่สุดท้าย
  • ADAC กล่าวว่ายางมีผลต่อประสิทธิภาพการเบรค
  • ADAC ยังแนะนำว่าควรใส่ยางประเภทและรุ่นเดียวกันทั้ง 4 ล้อ

ADAC สมาคมยานยนต์แห่งประเทศเยอรมนี ทำการทดสอบรถยนต์กว่า 396 คัน ในระยะเวลากว่า 5 ปี ในรูปแบบสนามเดิม ในสภาพพื้นถนนที่แห้งสนิท และยางใช้ยางซัมเมอร์ (ยางออลซีซันจะมีการระบุไว้) วิธีการทดสอบคือการวัดระยะทางเฉลี่ยจากการเบรคที่ 100 กม./ชม. จนถึงจุดหยุดนิ่ง

ในการทดสอบเบรคจะมีการทดสอบทั้งหมด 10 ครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ย ซึ่งจะทดสอบในสถานที่เดิมและอยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันในแต่ละครั้ง การหาค่าเฉลี่ยจะทำให้เราได้ข้อมูลที่แม่นยำขึ้น ตรงกับการใช้งานในชีวิตจริงที่มีการใช้งานเบรคอย่างต่อเนื่อง

Porsche 911 Carrera S

ผู้ชนะ ได้แก่ Porsche 911 Carrera S

ผู้ชนะจากรถที่ทดสอบทั้งหมด ได้แก่ Porsche 911 Carrera S (ตัวถัง 992) ซึ่งมีระยะเบรคที่ “สั้นจนน่าใจหาย” โดยทันทีที่กดเบรคจากความเร็ว 100 กม./ชม.จนถึงจุดหยุดนิ่ง ใช้ระยะทางเพียง 30.9 เมตรเท่านั้น

ในเวลาเดียวกัน การทดสอบของ ADAC กับ Suzuki Jimny เวอร์ชั่นรถยนต์นั่งปกติ ได้อันดับสุดท้าย โดยใช้ระยะทางมากถึง 45.2 เมตร ด้วยยางออลซีซั่นจากโรงงาน

ในยุโรป(ในไทยก็เช่นกัน) ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่จะติดตั้งยางซัมเมอร์ให้มาจากโรงงาน แต่รถบางรุ่นก็ติดตั้งยางออลซีซั่นมาให้เช่นกัน ทำให้บางครั้ง ADAC อาจไม่ได้ทดสอบรถเหล่านั้นด้วยยางซัมเมอร์ในสถานการณ์ที่เหมาะสมกับยางนั้น

Suzuki Jimny

ระยะเบรคห่างกันมาก

กลับมาที่การทดสอบ ในขณะที่ Porsche 911 ถึงจุดหยุดนิ่ง Suzuki Jimmy ยังคงอยู่ที่ความเร็ว 56 กม./ชม. ทำให้ระยะห่างระหว่าง 45.2 และ 30.9 เมตร มีถึง 14.3 เมตร ซึ่งมีความยาวเท่ากับความยาวของรถ 3 คันเลยทีเดียว 

BMW M5

ในท๊อป 5 ที่เบรคดียังมีอีก 4 อันดับ ได้แก่ BMW M5, the SEAT Leon ST Cupra R, Audi's A7, และ Ford Focus 1.0 EcoBoost ซึ่งการที่มีจากฟอร์ดติดอันดับแสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเป็นรถสมรรถนะสูงก็มีเบรคที่ดีได้เช่นกัน

Ford Focus

ยางมีผลต่อการเบรค

ADAC กล่าวว่าชนิดของยางมีผลต่อการทดสอบ เมื่อพูดถึงยาง Porsche 911 Carrera S มาพร้อมยาง Pirelli P Zero จากโรงงานเช่นเดียวกันกับ BMW M5 แต่มีขนาดเล็กกว่า และในอันดับที่เหลือจะใช้ยางพรีเมียมสปอร์ต เช่น มิชลิน หรือ คอนติเนนทัล   

ในขณะเดียวกันท๊อป 5 ที่มีเบรคแย่ที่สุด Suzuki Jimny มาในอันดับที่ 1 โดยใช้ระยะเบรคถึง 45.2 เมตร จากความเร็ว 100 กม./ชม. โดยใช้ยาง Bridgestone Dueler ที่มาจากโรงงาน

Land Rover Discovery

อันดับต่อมาคือ Peugeot Rifter ที่สวมยาง Michelin Latitude Tour HP ตามมาด้วย Land Rover Discovery ที่ใช้ระยะเบรคถึง 40.9 เมตร ด้วยยางออลซีซั่น Pirelli Scorpion Verde ส่วนรถที่สวมด้วยยางแบบประหยัดน้ำมันอย่าง Suzuki Ignis และ Toyota Aygo ล้วนมีระยะเบรคที่มากกว่า 39 เมตรทั้งสิ้น

Mercedes-Benz GLE 350de

ถ้าจัดอันดับแต่รถปลั๊กอินไฮบริดอย่างเดียวล่ะ ?

และถ้าจะจัดอันดับกันเฉพาะรถปลั๊กอินไฮบริดที่เบรคดี Mercedes-Benz GLE 350de จะขึ้นนำเป็นอันดับ 1 ด้วยระยะเบรคเฉลี่ยเพียง 33.2 เมตร ซึ่งห่างจากที่ 1 ของภาพรวมเพียง 2.3 เมตรเท่านั้น

Polestar 1

อันดับต่อมาจะเป็น Polestar 1 ที่ใช้ยาง Pirelli P Zero เหมือนกันกับอันดับ 1 ในขนาด 21 นิ้ว แต่ของ Polestar จะมีความกว้างของยางหน้าหลังที่ต่างกัน

อันดับที่ 3 ตามมาด้วย BMW 745e ด้วยระยะเบรก 33.3 เมตร ด้วยยาง Pirelli P Zero เช่นกัน และ VW Golf GTE ตามมาในอันดับ 4 ด้วยระยะ 33.4 เมตร

BMW 745e

Kia Sorento

และน่าแปลกใจที่อันดับ 5 คือเอสยูวีจากแดนกิมจิอย่าง Kia Sorento 1.6 T-GDI PHEV ที่ใช้ยาง Continental PremiumContact 6 ในระยะทางเพียง 33.5 เมตร ซึ่งจะเห็นว่าระยะห่างระหว่างแต่ละอันดับมีเพียง 0.1 เมตรเท่านั้น

Suzuki Across

รถพื้นฐานเดียวกันจะเห็นภาพชัด

มีดีที่สุดต้องมีแย่ที่สุด อันดับ 1 สำหรับเบรคที่แย่ที่สุดของปลั๊กอินไฮบริดคือ Suzuki Across 2.5 PHEV ซึ่งติดตั้งยางออลซีซันมาให้จากโรงงาน และใช้ระยะทางถึง 39.7 เมตรเพื่อหยุดรถให้หยุดนิ่งจากความเร็ว 100 กม./ชม.

Toyota RAV4

ส่วนพี่น้องที่แชร์แพลทฟอร์มเดียวกันอย่าง Toyota RAV4 แต่มาด้วยยางซัมเมอร์ไทร์ Bridgestone Alenza ขนาด 18 นิ้ว (Across ใช้ 19 นิ้ว) ใช้ระยะทาง 38.4 เมตร ซึ่งใช้ระยะที่สั้นกว่าถึง 1.3 เมตร

Polestar 2

Polestar 2 ครองที่ 1 อีวีที่เบรคดีที่สุด

มาลองจัดอันดับเฉพาะรถอีวีกันบ้าง อันดับ 1 ที่เบรคดีที่สุด ได้แก่ Polestar 2 ในระยะเพียง 31.6 เมตร ด้วยยาง Continental SportContact 6 ในล้อขนาด 20 นิ้ว 

Mazda MX-30

อันดับที่ 2 ตามมาด้วย Mazda MX-30 อีวีคันแรกของมาสด้า ด้วยระยะเบรคที่ 33 เมตร พร้อมยาง Azenis FK 510 และ Audi's e-tron Sportback 55 ตามมาที่อันดับ 3 ส่วน Volvo XC40 Recharge ตามมาที่อันดับ 4 และปิดท้ายด้วย Opel Ampera-E First Edition ในระยะเบรคเพียง 34.3 เมตร

Hyundai Kona โฉมปี 2021

เปลี่ยนยางเลยจะเห็นภาพชัดที่สุด

ส่วนรถอีวีที่มีประสิทธิภาพการเบรคน้อยที่สุด คือ Hyundai Kona โฉมปี 2018 ในระยะเบรคถึง 40.3 เมตร แต่เมื่อหลังจากการปรับโฉมแล้วจึงเปลี่ยนยางมาเป็น Michelin Primacy 4 ทำให้ระยะเบรคลดลงเป็น 36.1 เมตร ซึ่งทาง ADAC กล่าวว่าเป็นเพราะยาง Nexen N Fera SU1 ที่ใช้ในโฉมก่อนหน้านั่นเอง

Smart fortwo Coupe EQ

อันดับถัดมาที่รถคันจิ๋วอย่าง Smart fortwo Coupe EQ ซึ่งมีระยะเบรคที่ 39.1 เมตร ซึ่งมากกว่าที่คาดสำหรับรถเล็กขนาดนี้

MINI Cooper SE

ถัดมาเป็น MG ZS และ Nissan Leaf และปิดท้ายด้วย MINI Cooper SE ด้วยระยะเบรคเฉลี่ยที่ 36.8 เมตร ด้วยยาง Hankook Ventus S1 evo

ยางรถยนต์ คือส่วนสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้รถเบรคดี

โดยภาพรวมแล้ว ทาง ADAC ได้ให้ข้อสรุปว่า ยางรถยนต์ คือส่วนสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้รถของเรามีประสิทธิภาพการเบรคที่ดีขึ้น จากความเร็ว 100 กม./ชม. บนพื้นถนนที่แห้งสนิท

ยางออลซีซัน

ยางซัมเมอร์ไทร์

ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ที่ทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้มีผลมากมายในการทดสอบเบรคของ ADAC อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่ถูกติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของรถยนต์ ซึ่งทำให้จุด CG ต่ำนั่นเอง

สมาคมยานยนต์จากเยอรมันยังแนะนำว่า ควรใส่ยางประเภทเดียวกันและรุ่นเดียวกันทั้ง 4 ล้อ และควรเช็คลมยางทุก ๆ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ พยายามเลือกยางที่คุณภาพดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ และปรับเปลี่ยนแรงดันลมยางถ้าการเดินทางนั้นต้องบรรทุกมากขึ้นหรือต้องใช้ความเร็วสูง

อ่านเพิ่มเติม : จริงหรือไม่? ยางประหยัดน้ำมัน ลดประสิทธิภาพในการเบรก แถมยังไม่เกาะถนน

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:

พร้อมจัดการซื้อ-ขายรถได้ภายใน 24 ชั่วโมง

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Porsche 911

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

รีวิว 2021 Porsche 911 Carrera รุ่นเริ่มต้นราคา 9.99 ล้านบาท ขับสนุก คล่องตัว 0-100 ต่ำกว่า 5 วิ!!!

รีวิว 2021 Merceded-Benz GLE 350 de เอสยูวีดีเซล เติมพลังไฟฟ้า 100 กิโลเมตร จะหรูหรือลุยจบในคันเดียว

ข่าวล่าสุด

เปิดเบื้องหลังการซ่อมตัวถังรถหรูในไทย วิธีพ่นและอบสีร้อน ไม่กระทบแบต Hybrid เหมือนใหม่จากโรงงาน

เปิดดูเบื้องหลังศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังของ Mercedes-Benz ในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยอบสีรถ ไม่กระทบกับระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ใหม่ ศูนย์บริการของ Mercedes-Benz ที่รับซ่อมตัวถังได้ด้วย มีไม่กี่แห่งในไทย หนึ่งในนั้นอยู่ที่ชลบุรี เป็นสาขาใหม่ของ เบนซ์ไพรม์มัส ที่อำนวยความสะดวกคนอยู่ต่างจังหวัด และอยากซ่อมตัวถังกับศูนย์ที่ได้มาตรฐานแบบโรงงานผู้ผลิต เรามาดูกันว่าเบื้องหลังการซ่อมนี้ จะใกล้เคียงของเดิมจากโรงงานแค่ไหน ศูนย์บริการเบนซ์ไพรม์มัสสาขาใหม่ที่ชลบุรีนี้ รองรับงานซ่อมสี และตัวถัง เดือนละ 1

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ

เปรียบเทียบรถที่เกี่ยวข้อง

Porsche 911
เช็คทันที