- ภายนอกเน้นหรูหรือลู่ลม
- ภายในเน้นขับหรือโดยสาร
- แต่ละคันแรงแค่ไหน ใครขับได้ไกลกว่า ชาร์จอย่างไรได้บ้าง
- i7 เริ่มที่ 7.599 ล้าน ส่วน EQS รอก่อน
2022 BMW i7 (2022 บีเอ็มดับเบิลยู ไอ7) ซีดานเรือธงไฟฟ้าล้วนของค่ายใบพัดฟ้าขาว ได้เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ในราคาเริ่มต้น 7.599 ล้านบาท
ซึ่งต้องการที่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ 2022 Mercedes-EQ EQS (2022 เมอร์เซเดส-อีคิว อีคิวเอส) ที่ในประเทศไทยก็ได้เปิดตัวมาแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่เปิดเผยราคา และสเปคในบ้านเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม
2022 i7 ถือว่าเป็น “ผู้บุกเบิก” เทคโนโลยีล้ำสมัยในอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่หลายอย่าง ตั้งแต่ด้านดีไซน์ภายนอก ภายใน ขุมพลัง สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไปจนถึงระบบความปลอดภัย
เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงกับ 2022 EQS ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยไม่แพ้กัน มาดูว่าทั้งสองคันจะมีความแตกต่างกันอย่างไร พบว่ามีความสูสีกันไม่น้อยเลยทีเดียว
เน้นหรูหรือลู่ลม
ด้านหน้าของ BMW i7 จะยังคงเอกลักษณ์กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ แต่มีการเปลี่ยนทรงไฟหน้าแบบแยก ด้านล่างมีช่องดักลม พาดด้วยเส้นแบ่งกลางสีฟ้า พร้อมล้อลาย 5 ก้านใหม่
โดยไฟหน้าที่ให้มาพร้อมระบบ Adaptive LED ที่มีระบบปรับองศาเมื่อเข้าโค้ง อยู่ในชุดไฟหน้าแบบคริสตัลสวารอฟสกี้ 'Iconic Glow'
ส่วนด้านท้ายจะเปลี่ยนจากแถบไฟที่เคยพาดยาวซ้าย-ขวา มาเป็นแบบแยก จะเห็นได้ว่ามีการเล่นสีตัวรถด้วยสีฟ้าในจุดต่าง ๆ สื่อถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า มีช่องชาร์จไฟอยู่ด้านขวา มือจับถูกซ่อนอยู่ในประตูรถ
ส่วนดีไซน์ภายนอกของ EQS นั้นจะต่างจากค่ายดาวสามแฉกที่เราคุ้นเคย เพราะมีกระจังหน้าแบบปิดทึบ ไฟหน้ารูปทรงสามเหลี่ยมแนวนอน ที่รับกับขอบมุมกระจังหน้า มีเส้นเดย์ไลท์ LED แนวนอนอยู่ที่ขอบบนกระจังหน้าหน้ารถ ส่วนไฟท้ายเป็นทรงหยดน้ำแนวนอน เชื่อมด้วยแถบเส้นไฟพาดจากซ้ายจรดขวาคล้ายกับไฟหน้า
รูปร่างรถโดยรวมมีความลู่ลมต่างจากรถส่วนใหญ่ของค่ายดาวสามแฉก โดยได้ชื่อว่าเป็นรถโปรดักชั่นที่มีความลู่ลมตามหลักแอโรไดนามิกมากที่สุดในโลก โดยมีค่าแรงเสียดทานอากาศเพียง 0.20 เท่านั้น
ภายในเน้นขับหรือโดยสาร
ภายในของ i7 สำหรับผู้ขับขี่จะมีจอโค้ง BMW Curved Display ที่รวมหน้าจอความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว เข้ากับหน้าปัดดิจิตอลขนาด 14.9 นิ้ว
นอกจากนี้ทั้งใน i7 ยังมีระบบ BMW Interaction Bar ที่ฝังตัวอยู่ที่แดชบอร์ดและแผงประตู ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นไฟห้องโดยสาร Ambient Light และสามารถเปลี่ยนสีเพื่อบอกสถานะต่าง ๆ ของรถ
สิ่งที่น่าสนใจคือ หน้าจอหลังความชัดระดับ 8K ขนาด 31.3 นิ้ว BMW Theatre Screen มาในรูปแบบ 32:9 ที่เป็นออพชั่นเสริมที่สามารถพับเก็บขึ้นบนหลังคาได้ โดยใช้ซอฟท์แวร์ Amazon Fire จากทีวี
นอกจากนี้ในสเปคไทยยังให้ ลำโพง 39 ตัว ระบบเสียงจาก Bowers & Wilkins Diamond กำลัง 1,965 วัตต์ มาให้ทุกรุ่นย่อย และในสองรุ่นบนจะมาพร้อมเบาะนั่งหลังแบบ Executive lounge
สำหรับ EQS 450+ จุดเด่นของภายในจะเป็นหน้าจอไฮเปอร์สกรีน แบ่งการแสดงผลออกเป็น 3 ช่อง อยู่บนกระจกผืนเดียวกันบนคอนโซล มีขนาดรวมกันใหญ่ถึง 56 นิ้ว ประกอบด้วยมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว จออินโฟเทนเมนท์ตรงกลาง 17.7 นิ้ว และจอฝั่งผู้โดยสาร 12.3 นิ้ว
เบาะหลังของ EQS 450+ จะพบว่ามีพื้นที่ที่เพียงพอต่อความต้องการ แต่จะไม่ได้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เทียบเท่า i7 เพราะ EQS ถูกออกแบบมาให้เน้นในด้านการขับขี่มากกว่าการโดยสาร ซึ่งในรุ่นจำหน่ายจริงในไทยอาจมีการเปลี่ยนแปลงให้มีอะไรมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : ชมคันจริง 2022 Mercedes-Benz EQS450+ ในไทย
แต่ละคันแรงแค่ไหน ใครขับได้ไกลกว่า?
สำหรับ BMW i7 สเปคไทยจะมาในรุ่น xDrive60 ที่มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ ให้กำลังรวม 544 แรงม้า แรงบิด 745 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ภายใน 4.7 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 240 กม./ชม.
แบตเตอรี่ของรถนั้นเป็นแบบลิเธียมไอออนขนาด 105.7 kWh โดย BMW คาดการณ์ระยะวิ่งของ BMW i7 ไว้ที่ประมาณ 590 - 625 กิโลเมตร ต่อหนึ่งการชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP
ส่วน EQS ในรุ่น 450+ มาพร้อม มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 329 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 108.7 kWh สามารถขับขี่ได้ไกลสุด 770 กม. ต่อหนึ่งการชาร์จ ซึ่งถือว่าไกลมากที่สุดในระดับเดียวกัน
และอาจจะมีรุ่นที่แรงกว่าอย่าง EQS 580 4Matic ที่มีพละกำลังสูงสุดถึง 516 แรงม้า แรงบิดถึง 828 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถออกตัวจาก 0-96 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.1 วินาทีเท่านั้น
เวลาชาร์จ
BMW i7 ในรุ่นแรก First Edition มีอัตราการชาร์จ AC อยู่ที่ 11 kW ใช้เวลาชาร์จเต็ม 100 % 10 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนอีก 2 รุ่นจะสามารถรองรับกำลังไฟ 22kW ได้และใช้เวลาชาร์จเต็ม 5 ชั่วโมง 30 นาที
i7 จะสามารถรองรับอัตราการชาร์จ AC อยู่ที่ 11 kW ส่วน DC จะสูงสุดที่ 195 kW ซึ่งจะทำให้สามารถชาร์จจนได้ระยะทาง 160 กม.ภายใน 10 นาที และชาร์จจาก 0-80% ได้ภายใน 38 นาที
เมื่อเทียบกับ EQS 450+ พบว่า การชาร์จไฟด้วยหัวชาร์จ DC แบบ 110 กิโลวัตต์ สามารถทำได้จาก 10-80% ในเวลา 35 นาที ส่วนการชาร์จ 270 โวลต์ด้วย Wallbox ในบ้าน สามารถทำได้เต็มภายใน 11 ชั่วโมง
i7 เริ่มที่ 7.599 ล้าน ส่วน EQS รอปลายปีนี้
สำหรับ 2022 BMW i7 ในประเทศไทยนั้นทีราคาเริ่มต้นที่ 7,599,000 บาท ไปจนถึง 8,599,000 บาทในรุ่นท็อปสีทูโทน ส่วน 2022 Mercedes-Benz EQS สเปคประเทศไทย คาดว่าจะเปิดราคาและสเปคไทยภายในปลายปีนี้
เราลองมารอดูกันว่า ราคาและสิ่งที่ได้ภายใต้ขุมพลังไฟฟ้า ผู้บริหารที่มีใจรักษ์โลกจะต้องการซีดานไฟฟ้าขนาดใหญ่จากค่ายใดมาครอบครอง
อ่านเพิ่มเติม : 2022 BMW i7 ซีดานผู้บริหารหัวใจไฟฟ้า 7.599 ล้านบาท วิ่ง 625 กม. จอหลัง 31.3 นิ้ว