Ferrari Monza SP2

2019 Ferrari Monza SP2 โคตรรถสปีดสเตอร์สุดลิมิเต็ดจากค่ายม้าลำพอง

เฟอร์รารี่เป็นยอดผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลีที่มีรถแข่งในตำนานมากมายรวมถึงแชมป์ F1 หลายสมัย ชื่อเสียงของเฟอร์รารี่เป็นที่รู้จักกันดีและเป็นแรงบันดาลใจให้รถยนต์หลายค่ายตั้งใจเกิดมาเพื่อต่อกรและขอแย่งแชมป์บ้าง เพื่อเป็นการระลึกถึงการแข่งขันในสมัยก่อนที่รถทรงสปีดสเตอร์เป็นที่นิยมในการแข่งขันกรังปรีด์ ซึ่งเฟอร์รารี่ก็มี Ferrari 750 Monza ที่เปิดตัวในปี 1953 เช่นกัน เฟอร์รารี่ได้เปิดตัวรถรุ่นพิเศษ Monza SP โดยเป็นรถทรงสปีดสเตอร์ที่ออกแบบให้ผสมผสานความทันสมัยและความคลาสสิคเข้าด้วยกัน โดยเปิดตัวพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ SP1 และ SP2 ซึ่งตัวเลขหมายถึงจำนวนที่นั่งที่รถคันนั้นมี ซึ่งเฟอร์รารี่ตั้งใจผลิต Monza SP ทั้ง 2 รุ่นรวมกันไม่เกิน 500 คัน ซึ่งด้วยรูปทรงอันทรงเสน่ห์และความหายากแล้วรถรุ่นนี้จะต้องเป็นหนึ่งในรถสะสมที่คนเล่นรถต้องมีไว้

ราคา Ferrari Monza SP2

Ferrari Monza SP2 ราคาเริ่มต้น 1,600,000 ยูโร (62 ล้านบาทโดยประมาณ ไม่รวมภาษีนำเข้า)

การออกแบบภายนอก

รถรูปทรงสปีดสเตอร์หมายถึงรถแข่งทรงเตี้ย แบน กว้าง และแทบไม่มีกระจกบังลมหน้าหรือถ้ามีก็สั้นมากๆ ถือว่าเป็นทรงรถแข่งยอดนิยมในช่วงยุคปี 1950 เฟอร์รารี่เองได้ออกแบบ Monza SP ใหม่โดยยังคงคอนเซปต์ของรถแบบสปีดสเตอร์แท้ๆได้อย่างครบถ้วน ไฟหน้าทรงตัว J พร้อมไฟเดย์ไลท์คาดกลางโคมซึ่งได้ถูกนำไปปรับใช้กับ Ferrari Roma กระจังรับลมหน้าทรงเหมือนปากตอนยิ้มขนาดใหญ่พร้อมโลโก้ม้าลำพองอยู่ตรงกลาง เสริมด้วยสเกิร์ตคาร์บอนรอบคัน ด้วยรูปทรงที่แบนเตี้ยทำให้ซุ้มล้อหน้าสูงกว่าฝากระโปรงและสูงกว่าบริเวณแอ่งห้องโดยสารนิดหน่อย จากด้านหน้าลาดเข้าหากลางรถมีกระจกบังลมหน้าขนาดเล็กพอบังพวงมาลัยไม่ให้ลมประทะได้แต่หน้าผู้โดยสารนี่รับลมเต็มๆ มีโรลบาร์ทรงอุโมงค์อยู่หลังผู้โดยสารทั้ง 2 ที่นั่งและอุโมงค์ทำแนวลาดยาวไปจรดด้านหลังรถ ด้านข้างมาพร้อมช่องระบายลมออกจากห้องเครื่องบริเวณก่อนดรอบประตู โลโก้ Ferrari Scuderia ที่เป็นตราม้าในโล่สีเหลืองแปะอยู่หลังซุ้มล้อหน้า ประตูเป็นแบบ Scissor door ซึ่งตำแหน่งขอบประตูอยู่สูงเวลาเปิดแล้วไม่ได้ช่วยให้เข้ารถได้ง่ายเท่าไหร่ เวลาจะเข้าไปนั่งต้องก้าวข้ามธรณีประตูขนาดใหญ่ซึ่งต้องทะมัดทะแมงนิดหน่อย ถ้าคุณเคยดูวิดีโอการแข่งรถสมัยก่อนบางทีนักแข่งกระโดดเข้ารถไปเลยจะง่ายกว่า ล้อแม็กเป็นล้อลาย 5 ก้านที่ขนาดใหญ่ตัดกับดิสก์เบรกเต็มซุ้มพร้อมคาลิปเปอร์สีแดงสด โดยล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังขนาด 20 นิ้ว ด้านท้ายไฟท้ายเป็นแบบ LED Bar ยาวพาดตลอดคันซึ่งถือว่าเป็นดีไซน์ไฟ้ท้ายที่หาดูได้ยากบนเฟอร์รารี่ ดิฟฟิวเซอร์ไล่อากาศคาร์บอนขนาดใหญ่พร้อมท่อไอเสียคู่ออกสองฝั่งซ้ายขวาจัดเต็มซุ้มเสียงและมาดความเป็นรถแข่งคลาสสิคได้อย่างดี

มิติตัวรถ

การออกแบบภายใน

ภายในพูดถึงเบาะกันก่อนเบาะเป็นแบบบัคเก็ตซีทพนักคาร์บอนไฟเบอร์หุ้มด้วยหนังบริเวณส่วนที่คนสัมผัสซึงเฟอร์รารี่การันตีว่าจะให้ความสบายมากและให้ความมั่นคงของสรีระขณะขับได้มากเช่นกัน สำหรับมาตรวัดความเร็วเป็นจอวัดรอบแบบอนาล็อคตรงกลางและมีจอดิจิตอลประกบซ้ายขวาแสดงข้อมูลรถ พวงมาลัยคาร์บอนไฟเบอร์แซมด้วยหนังแบบ 3 ก้านตูดตัดพร้อมมีไฟแสดงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์อยู่ตรงตำแหน่งเซนเตอร์บนของพวงมาลัย บนพวงมาลัยประกอบไปด้วยปุ่มสตาร์ทรถสีแดง ปุ่มปรับโหมดการขับ ไฟเลี้ยวแบบกด ปุ่มปรับโช็ค และมีก้านแพดเดิชชิฟต์คาร์บอนอยู่ด้านหลัง ห้องโดยสารถูกออกแบบให้มีอุโมงค์เกียร์ขนาดใหญ่กั้นระหว่างผู้โดยสาร 2 ฝั่ง โดยคอนโซลกลางจะเอียงเข้าหาคนขับ กระจกมองหลังติดอยู่บนคอนโซลกลาง วัสดุของคอนโซลของรถทั้งคันเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ส่วนใหญ่ บริเวณคอนโซลกลางเป็นที่อยู่ของปุ่มระบบปรับอากาศ ระบบเซนเซอร์กะระยะ เกียร์แบบปุ่มกด ปุ่มออกตัวแบบควบคุมรอบเครื่องให้เหมาะสม (Launch Control) และปุ่มไฟฉุกเฉิน มีที่เสียบกุญแจรถบริเวณข้างคนขับ ช่องแอร์เป็นแบบทรงกลม มีกระจกกันลมวนกลับเข้าห้องโดยสารบริเวณหลังเบาะนั่ง เป็นภายในที่ดูหรู ดูแพงซึ่งก็แพงมากจริงๆ และดูสปอร์ตไปพร้อมกัน

เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก

สำหรับ Monza SP2 จะมาพร้อมระบบปรับระดับความสูงของตัวรถเมื่อต้องขับผ่านพื้นต่างระดับได้ ระบบช่วงล่างแปรผันอัจฉริยะปรับด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (SCM-E) ที่ช่วยให้รองรับการขี่ในทุกสถานการณ์ ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อไม่มีการเคลื่อนที่ (Idling Start-Stop) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive safety)

• ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS)
  
• ระบบควบคุมการทรงตัว (ESP) 
  
• ถุงลมคู่หน้า

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active safety)

• เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง
  
• กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด
  

ขุมพลังและสมรรถนะ

ขุมพลังสำหรับรุ่นพิเศษคันนี้ได้หยิบยืมขุมพลังแบบไร้ระบบอัดอากาศที่แรงที่สุดของค่ายมาจาก 812 Superfast ซึ่งได้แก่เครื่องยนต์เบนซิน V12 ขนาดความจุ 6.5 ลิตร ในรหัสเครื่อง F140GC โดยมีการจูนให้แรงกว่า Superfast เล็กน้อย โดยสามารถทำแรงม้าได้สูงสุด 799 แรงม้า ที่ 8500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 719 นิวตันเมตร ที่ 7000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะ สำหรับตัวเลขสมรรถนะจากโรงงานสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 97 กม./ชม.ได้ภายใน 2.9 วินาที อัตราเร่ง 0 - 200 กม./ชม. ได้ภายใน 7.9 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 299 กม./ชม. ซึ่งถือว่าน่ากลัวมากสำหรับรถที่แทบไม่มีกระจกบังลมหน้ารถเลย สำหรับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 6.1 กม./ลิตร อัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ยอยู่ที่ 366 กรัม/กม.

ประสบการณ์การขับขี่

สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเฟอร์รารี่เครื่อง V12 นั่นก็คือเสียงคำรามของมัน เมื่อคุณกดคันเร่งลงไปเจ้าม้าลำพองพร้อมที่จะร้องตอบรับและพุ่งกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันสามารถทำให้คุณยิ้มได้ตลอดเวลาที่ขับรถคันนี้ การควบคุมให้ความมั่นใจและมันจะไม่พยศตราบเท่าที่คุณไม่ไปปิดระบบควบคุมการทรงตัวของรถ แต่มันอนุญาติให้คุณทำท้ายปัดได้นิดหน่อยเพื่อเรียกอะดรีนาลีนคุณให้หลั่งมากขึ้น เป็นรถที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่พิเศษมากที่สุดคันหนึ่ง

ความสะดวกสบายในการโดยสาร

ด้วยกระจกบังหน้าขนาดเล็กที่พอช่วยให้หน้าคุณไม่โดนลมกระแทกจังๆ แต่ผมของคุณจะโดนแน่ๆ ถ้าคุณเอาไปขับตามแนวภูเขาในวันที่อากาศดีๆที่ไม่ร้อนเกินไป รถคันนี้เหมาะกับวันแบบนั้น แต่ถ้าขับบนทางด่วนแนะนำให้ใส่หมวกกันน็อคด้วยจะดีกว่า เบาะนั่งนั่งสบายและการยึดตัวติดกับเบาะทำได้ดีด้วยเพราะใช้เข็มขัดแบบยึด 5 จุดแบบรถแข่งด้วย

Ferrari Monza SP2 คือรถคันพิเศษสำหรับอภิมหาเศรษฐีที่หลงใหลในการแข่งขับรถยนต์ตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกเป็นต้นมา ด้วยรูปทรงแบบสปีดสเตอร์ที่เน้นเตี้ยแบน กว้าง และมีกระจกบังลมหน้าเตี้ย เน้นลู่ลมและทัศนวิสัยสำหรับการแข่งขัน ซึ่งเฟอร์รารี่นำรถแข่งในตำนานของตัวเองมาตีความใหม่และใส่ความทันสมัยลงไปในรถคันนี้ได้อย่างงดงาม เครื่อง V12 หายใจธรรมดาให้เสียงที่เพราะกังวาลเสนาะหู และพร้อมคำรามทุกครั้งที่คุณคิกดาวน์ใส่มัน มันเหมาะเป็นรถที่คุณขับในวันหยุดที่อากาศปลอดโปร่งเพราะรถไม่มีหลังคา และคุณพร้อมจะรับฟังเสียงเครื่องคำรามและรับลมสบายขณะขับไปพร้อมกัน และด้วยความหายากของมันจะต้องเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของมหาเศรษฐีบ้ารถแน่นอน