Bangkok International Motor Show หรืองาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 เริ่มอย่างเป็นทางการ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ไปจนถึง 3 เมษายน 2565 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล”
มีผู้ผลิตรถยนต์ รวมถึงรถจักรยานยนต์เข้าร่วมในงานนี้กว่า 37 แบรนด์ โดยจัดงานภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น โดยพนักงานที่เข้าร่วมงานทุกคนจะต้องมีการตรวจโควิด - 19 ตามที่กำหนดทุก 5 วัน ขณะที่ผู้เข้าชมงานก็ต้องโชว์ผลการฉีดวัคซีน 2 เข็ม
ผู้จัดงานมั่นใจผู้เข้าชมงานปีนี้เพิ่มจากปีก่อนเป็น 1.3 ล้านคนพร้อมยอดจองเพิ่มขึ้นแน่นอน
ในงานครั้งนี้ พวกเรา AutoFun Thailand ได้รวบรวมภาพรถที่น่าสนใจในงานจากค่ายรถต่าง ๆ เรียงตามตัวอักษร เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจมางานในครั้งนี้
เริ่มจากในบูธของ Aston Martin (แอสตัน มาร์ติน) ค่ายรถสปอร์ตจากแดนผู้ดีอังกฤษ ไฮไลท์ของบูธนี้คือ Aston Martin DBX Medical Car เอสยูวีสุดหรูเรือธงของค่ายที่ถูกแปลงโฉมเป็นรถหน่วยพยาบาลในการแข่ง F1 ชิงแชมป์โลก ฤดูกาล 2022 ด้วยสี Racing Green
สมรรถนะเพียงพอต่อการใช้งานด้วยขุมพลัง 500 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือที่ครบครัน ตั้งแต่ถังดับเพลิงไปจนถึงเครื่องกระตุ้นหัวใจ
นอกจากนี้ยังมี Aston Martin DB11 V8 สปอร์ตจีทีมาด้วยขุมพลังเบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร 528 แรงม้า รวมถึง Aston Martin Vantage ที่โดดเด่นสะดุดตาภายใต้รูปโฉมของสปอร์ตคูเป้
2022 Audi RS 7 Sportback (อาวดี อาร์เอส 7 สปอร์ตแบ็ค) ที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่นานก็ได้มาจัดแสดงในงานนี้ด้วย มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบชาร์จ ขนาด 4.0 ลิตร มีกำลังสูงสุด 600 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตันเมตร มาพร้อมท็อปสปีด 280 กม./ชม.
และยังมีออปชันพิเศษ Dynamic Package รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro with Sports Differential และเฟืองท้ายพิเศษ Sport Differential มาให้เป็นเป็นมาตรฐานสำหรับรถที่นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยโดยมีราคาเริ่มที่ 10.7 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมี Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ปลั๊กอินไฮบริดสองรุ่นแรกที่นำเข้ามาทำตลาดในไทยมาจัดแสดงในงานนี้ด้วย
เป็นครั้งแรกที่ Bentley (เบนท์ลีย์) นำเข้ารถยนต์ไฮบริดมาทำตลาดในไทย ทำให้ราคาถูกลงกว่าเดิม เริ่มที่ Bentley Flying Spur Hybrid มาพร้อมขุมพลังไฮบริดเครื่องยนต์ V6 ขนาด 2.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ พละกำลัง 536 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 285 กม./ชม. ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยี City Specification
และ Bentley Bentayga Hybrid เอสยูวีที่ชูความเอนกประสงค์ มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 443 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาที สามารถวิ่งได้ระยะทาง 40 กิโลเมตร ภายใต้โหมด EV ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 17.3 kWh
BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) เปิดตัวรุ่นท๊อปใหม่ของ 4-Series อย่าง BMW M440i xDrive Coupe มาพร้อมกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่และชุดแต่ง M Aerodynamics วางขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร พละกำลัง 387 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ 8 สปีดแบบ Steptronic Sport พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ช่วงล่าง adaptive M และเฟืองท้ายแบบ M Sport
และ BMW X4 M Competition ที่ยกระดับด้วยชุดแต่ง Competition พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 2,993 ซีซี กำลังสูงสุด 510 แรงม้า เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.0 วินาที พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ส่งกำลังสู่ล้อผ่านระบบเกียร์ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic และ BMW M Compound Brake และเติมความสปอร์ตดุดันด้วยคาลิเปอร์สีดำ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง BMW X4 และ BMW X5 ภายในงานอีกด้วย
Ford ในครั้งนี้มีโมเดลใหม่มาจัดให้ชมกันแล้วในงานนี้ เริ่มตั้งแต่ Ford Ranger ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 พิกัดให้เลือก ได้แก่ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ 10 สปีด และดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ 6 สปีด มีให้เลือกใช้ทั้งออโต้ และแมนวล
Ford Ranger Raptor กระบะรุ่นเรือธงของเรนเจอร์สำหรับสายลุย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 397 แรงม้า แรงบิด 583 นิวตันเมตร ราคาเริ่มเพียง 1.89 ล้านบาท
Ford Everest ที่มาพร้อมโฉมใหม่และเครื่องยนต์ 2 พิกัดเช่นเดียวกันกับ Ranger ซึ่งเป็น PPV ที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัว โดยในรุ่นเริ่มต้นอย่าง Everest Sport มีราคาเริ่มเพียง 1.464 ล้านบาท
ไฮไลท์ของ GWM (เกรท วอลล์ มอเตอร์) ในงานนี้คือ Haval H6 ในรุ่น Plug-in Hybrid เป็นการเพิ่มทางเลือกของ PHEV ในตลาด ซึ่งสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 201 กม. ภายใต้โหมด EV
ต่อมาคือ ORA Black Cat ที่รอคิวในการทำตลาดในบ้านเรา รถเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่เมือง มีพละกำลัง 61 แรงม้า แรงบิด 130 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 102 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทางกว่า 405 กม. ต่อหนึ่งชาร์จ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง TANK 300 HEV ออฟโรดแบบโมเดิร์น และ ORA Good Cat GT ซึ่งแรงกว่ารุ่นปกติด้วยพละกำลัง 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดที่ 160 กม./ชม.
Hozon (ฮอซอน) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดยปตท. เป็นผู้นำเข้า โดยในงานจะจัดแสดงทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Neta U และ Neta V ในสเปคพวงมาลัยขวานำเข้าจากจีน
มากันกับค่ายรถเกาหลีอย่าง Hyundai (ฮุนได) ที่เพิ่งเปิดตัว Hyundai Creta มาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ได้นำมาจัดแสดงในงานนี้ด้วย โดยหวังว่าจะสู้กับค่ายรถจากญี่ปุ่นและจีนที่มีการแข่งขันในเซกเมนต์ครอสโอเวอร์เอสยูวีกันอย่างดุเดือด
นอกจากนี้ยังจัดแสดงรถตู้หน้าตาล้ำสมัยอย่าง Hyundai Staria ที่จำหน่ายในไทยในเวอร์ชั่น 11 ที่นั่ง ในรุ่น Premium ซึ่งสานต่อจากรถตู้ยอดนิยมอย่าง H1
อีซูซุ ประเทศไทย มีไฮไลท์ในการจัดงานอยู่ที่ Isuzu D-Max V-Cross 4x4 รุ่นปรับโฉมใหม่ที่มาพร้อมชุดแต่งเอาใจชาวออฟโรดพร้อมกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 DDI บลูเพาเวอร์รหัส 4JJ3-TCX
นอกจากนี้ยังมี Isuzu MU-X รองรับการใช้งานแบบครอบครัว และยังจัดแสดงชุดแต่งพิเศษต่าง ๆ ให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งรถยนต์
หลังจากเพิ่งได้สิทธิ์ในการจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการสำหรับ Jeep (จิ๊ป) ประเทศไทย ซึ่งประเดิมในงานนี้ด้วยการจัดแสดงรุ่นที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย ได้แก่ Jeep Wrangler Rubicon ซึ่งเป็นการกลับมาของแบรนด์ออฟโรดอย่างแท้จริงหลังจากห่างหายไปนานจากประเทศไทย
Maserati (มาเซราติ) มาพร้อมซุปเปอร์คาร์คันแรกของค่ายอย่าง MC20 มีดีไซน์ที่เน้นความพลิ้วไหว ผสานกับขุมพลัง Nettuno V6 กำลังสูงสุด 630 แรงม้า แรงบิด 730 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ผลิตขึ้นด้วยตนเองหลังจากหยุดไปนาน 20 ปี
ในบูธของ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) จะพบกับ Mercedes-AMG C43 4MATIC Coupe Special Edition รุ่นพิเศษส่งท้ายก่อนเปลี่ยนโมเดลใหม่ เพียง 120 คันในไทยเท่านั้น ในราคาเริ่มที่ 4.49 ล้านบาท
และเราจะพบกับ 2022 Mercedes-Benz C-Class รุ่นใหม่ล่าสุดในงานนี้เป็นครั้งแรกในไทย ที่มาพร้อมความล้ำสมัยและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้จะพบกับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน Mercedes-EQS ในบูธด้วยรูปโฉมที่โดดเด่น สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่า 640 กม. อยู่ในงานนี้ด้วย
ในบูธของ MG (เอ็มจี) ได้จัดแสดงทั้ง ZS EV และ HS ในรุ่นปรับโฉม โดย MG ZS EV ได้ปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยและมีหน้าตาเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงปรับปรุงมอเตอร์ไฟฟ้าและออพชั่นให้ครบครันกว่าเดิม
ส่วน MG HS รุ่นปรับโฉม ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ ทั้งรุ่น 1.5 Turbo และ PHEV มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร และรุ่น PHEV มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตรเทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร
ส่วนรุ่นอื่น ๆ ก็มาจัดแสดงกันอย่างคับคั่ง ได้แก่ MG3 MG5 และรถกระบะประจำค่ายอย่าง MG Extender
Mini (มินิ) พร้อมต้อนรับการเข้ามาของกระแส EV ด้วย Electric Collection Edition มาพร้อมสีหลังคาแบบ เฉดสีพิเศษ (Multitone Roof) มาพร้อมให้เลือก 2 สีตัวถัง คือ สีเทา Rooftop Grey Metallic และ สีน้ำเงิน Island Blue Metallic โดยมีให้จับจองในจำนวนจำกัด
ส่วน Mini Brick Lane Edition ซึ่งมีพื้นฐานจากมินิแฮทช์แบ็ค 3 ประตูนำมาตกแต่งแบบพิเศษ ด้วยลวดลายแบบสตรีทรอบคัน ได้รับแรงบันดาลใจจากอาคารอิฐที่เรียงรายกันอยู่บนถนน Brick Lane รวมถึงการตกแต่งภายใน พร้อมยังคงความสนุกในการขับขี่ไว้อยู่
ในบูธของ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ได้จัดแสดง Triton AXCR ที่พัฒนาโดยทีมแข่ง “Mitsubishi RALLIART” สำหรับใช้ในการใช้ในการเข้าร่วมแข่งขันแรลลี่ Asia Cross Country Rally 2022 (AXCR)
ถัดมาคือ Mitsubishi Xpander ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ตามอินโดนีเซีย โดยปรับปรุงทั้งภายในภายนอกให้ทันสมัยขึ้น รวมถึงระบบส่งกำลังแบบ CVT ที่ช่วยเรื่องความประหยัดและความนุ่มนวลในการขับขี่
นอกจากนี้ยังมี Mitsubishi Mirage RalliArt Edition ด้วยชุดตกแต่งพิเศษ RalliArt กับรถอีโคค่าร์ของค่าย เพิ่มความสวยงามไปอีกแบบ
Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) ในโมเดลปี 2022 มาพร้อมการปรับอุปกรณ์ใหม่ ราคาบางรุ่นเพิ่มอีกเล็กน้อย ซึ่งเพิ่มเบาะนั่ง QUOLE MODURE ที่ไม่สะสมความร้อน และระบบเครื่องเสียงที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมสีตัวถังใหม่แบบทูโทน
ในงานนี้เป็นงานที่ได้จัดแสดง Porsche Taycan GTS ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยกำลังกว่า 598 แรงม้า ทำให้ Taycan GTS อยู่กึ่งกลางระหว่าง Taycan 4S กับ Taycan Turbo โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ทั้งยังวิ่งได้ระยะทางกว่า 500 กม. และมีการตกแต่งพิเศษที่ไม่เหมือนกับรุ่นอื่น ๆ
นอกจากนี้ ในงานยังจัดแสดง 911 Carrera GTS, 718 Boxster T, 718 Cayman T, Taycan 4 Cross Turismo, Panamera 4 e-Hybrid, Cayenne E-Hybrid, Cayenne E-Hybrid Coupe และ Macan S
ไฮไลท์ของบูธ Subaru (ซูบารุ) คือ Subaru BRZ (ซูบารุ บีอาร์ซี) เจเนอเรชั่นที่สองมาจัดแสดงในงานนี้ครั้งแรก สานต่อความสำเร็จจากเจเนอเรชั่นที่แล้ว มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินสูบนอน Boxer รหัส FA24 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 235 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดสปอร์ต
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง Subaru Outback ที่คว้ารางวัลความปลอดภัย 5 ดาว 2 ปีซ้อน จาก Euro NCAP, Subaru XV Eyesight และ Subaru Forester
Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7) มาพร้อมการปรับอุปกรณ์ใหม่ ที่โดดเด่นคือสีภายนอกแบบทูโทนโดยเพิ่มเงินเพียง 1 หมื่นบาท และยังให้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เพียงพอและครบครันในราคาไม่เกิน 8 แสนบาท
นอกจากนี้ยังมี Suzuki Swift (ซูซูกิ สวิฟท์) รถที่มียอดขายอันดับหนึ่งของค่าย และยังมี Suzuki Celerio, Suzuki Ertiga และ Suzuki Carry มาจัดแสดงในงานนี้ด้วย
Takano TTE-500 (ทากาโน่ ทีทีอี-500) ก็ได้มาจัดแสดงในงานนี้เช่นเดียวกัน ความพิเศษคือเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากคนไทยที่เน้นความโฉบเฉี่ยวและความกะทัดรัด มีความเร็วสูงสุดที่ 60 กม./ชม. ใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการชาร์จ และวิ่งได้ระยะทาง 90-110 กม.ต่อหนึ่งชาร์จ
โดยปีนี้ ทากาโน่ ทีทีอี-500 มาพร้อมสีใหม่ “Ivory Color” ตกแต่งสไตล์วินเทจ
Toyota
ไฮไลท์ของบูธ Toyota (โตโยต้า) คือการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าล้วน(ในยุคใหม่)ครั้งแรกในประเทศไทยอย่าง bZ4X ที่ได้รับการยืนยันมาแล้วว่าจะทำตลาดในบ้านเรา ภายใต้แพลตฟอร์ม e-TNGA มีขุมพลังให้เลือกใช้ 2 พิกัด แต่สามารถวิ่งได้ระยะทางเท่ากันที่ 450 กม.ต่อหนึ่งชาร์จ
อีกหนึ่งไฮไลท์คือ Toyota Veloz มินิแวน 7 ที่นั่งนำเข้าจากอินโดนีเซีย ด้วยราคาที่จับต้องได้และออพชั่นที่ครบครัน ทำให้เวลอซเป็นอีกคันที่น่าจับตามองในรถเซกเมนต์นี้
นอกจากนี้ยังมี Toyota e-Palette Concept ยานยนต์ยุคใหม่ที่มาเติมเต็มบรรยากาศแห่งความล้ำสมัยในปีนี้อีกด้วย
ไฮไลท์ของ Volvo (วอลโว่) ในงานครั้งนี้อยู่ที่ Volvo C40 Recharge Pure Electric ด้วยการวิ่งได้ระยะทางกว่า 500 กม.ต่อหนึ่งชาร์จ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 408 แรงม้า พร้อมด้วยรูปทรงเอสยูวีท้ายลาดแบบคูเป้ที่เป็นเอกลักษณ์
และยังมี XC40 Recharge Pure Electric ที่ใช้พื้นฐานของรถร่วมกันกับ C40 แต่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเล็กน้อย
มาพบเจอรถยนต์เหล่านี้ได้ในงาน Bangkok International Motor Show หรืองาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ไปจนถึง 3 เมษายน 2565 ตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. และผู้เข้าชมงานต้องมีผลการฉีดวัคซีน 2 เข็มเป็นอย่างต่ำ
ทั้งนี้ หากต้องตรวจเอทีเคก่อนเข้าชมงาน จะมีให้บริการที่หน้างาน โดยผู้เข้าชมงานจะต้องเสียค่าบริการเองจำนวน 190 บาท และหากมีผู้ที่ฝ่าฝืน เช่น ไม่ใส่หน้ากากในงาน ก็จะเชิญออกจากงานทันที
อ่านเพิ่มเติม : Motor Show อัดมาตรการปลอดภัย ดูดผู้ชม 1.3 ล้านคน มั่นใจรับยอดจองเพิ่มปีนี้
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}